รีวิวตอนต่อจากครั้งที่แล้ว ที่พาไปตะลุยทั่วตัวเมืองเซนได เป็นที่เรียบร้อย และครั้งนี้จะพาออกไปเที่ยวจังหวัดรอบข้าง ที่สามารถไปเที่ยวได้ใกล้ๆจากเซนได ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น กินซังองเซ็น ที่จังหวัดยะมะงะตะ หมู่บ้านในฝันของใครหลายคน, แวะชมความน่ารักที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซะโอ ในจังหวัดมิยะงิ ก่อนเข้าพักที่เมืองน้ำพุร้อนอิอิซะกะ และเที่ยวต่อที่หมู่บ้านโออุจิจูคุ ปิดท้ายด้วยการ เก็บลูกพีชทานสดๆที่จังหวัดฟุคุชิมะ ทั้งหมดสามารถวางแผนเที่ยวได้จากเซนไดเลยครับ

อ่านรีวิวก่อนหน้าได้ที่นี่ >> Miyagi: บินตรงไปเซนไดกับการบินไทย เดินเที่ยวเมืองสโลว์ไลฟ์ เก็บครบไฮไลท์ ใน 2 วัน

around sendai _ main

ซึ่งการบินไทยกำลังจะเปิดเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ-เซนได ปลายเดือนตุลาคม 2019 นี้ ทำให้เราวางแผนเดินทางไปเที่ยวกันได้ง่ายยิ่งขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> ที่นี่

sdjtg_main


มาเริ่มประเดิมเช้าวันที่สามของทริปด้วย หมู่บ้านน้ำพุร้อนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น กินซังองเซ็น (Ginzan Onsen) ตั้งอยู่ที่จังหวัดยะมะกะตะ (Yamagata) มีแม่น้ำกินซัง (Ginzankawa) ตัดผ่าน ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้ คือเหมืองเงิน ที่ถูกค้นพบราว 500 ปีก่อน ต่อมาได้รับการพัฒนาจนกลายมาเป็น สถานที่ผ่อนคลายของชาวญี่ปุ่น มาช้านาน

L1033482

เมื่อเดินทางเข้าสู่เขตบริเวณของแหล่งน้ำพุร้อน จะเห็นแม่น้ำที่ไหลอยู่ตรงกลาง แบ่งตัวเมืองออกเป็นสองด้าน โดยทั้งสองฝั่ง เต็มไปด้วยเรียวกังแบบดั้งเดิม รวมทั้งร้านของฝากเล็กน้อย โดยอาคารแต่ละหลังนั้น ยังคงโครงสร้างไม้ แบบเก่าแก่ ทำให้ทัศนียภาพที่อยู่เบื้องหน้านั้น ไม่ว่าจะมองหันไปทางไหน สัมผัสได้ถึงความสวยงามคลาสสิค ที่น่าทะนุถนอมไว้ ให้คงอยู่อย่างนี้ตลอดไป

L1023419

หากสนใจจะแช่น้ำพุร้อน ที่นี่มีให้บริการทั้งแบบชั่วคราว หรือค้างคืนที่เรียวกัง โดยส่วนมากจะต้อง ทำการจองล่วงหน้าไว้แต่เนิ่นๆ เนื่องจากห้องพักของแต่ละแห่งมีไม่มากนัก หรือสนใจจะใช้บริการแบบไม่เสียสตางค์ มีบ่อน้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้า (Ashiyu) ให้บริการกันแบบฟรีๆ ที่ริมแม่น้ำ สามารถซื้อผ้าขนหนูผืนเล็กไว้เช็ดเท้า หลังจากแช่ผ่อนคลายความเมื่อยล้า ได้ตามร้านค้าที่อยู่ใกล้กัน หรือจะเตรียมความพร้อม พกผ้าขนหนูกันมาจากบ้านเลย ก็ไม่แปลก แต่จะแปลกก็ตรงที่ คงไม่มีใครออกมานั่งทนความหนาวแบบติดลบ เพื่อแช่ให้เท้าอุ่นกันอย่างเดียวเป็นแน่ แต่มาแล้วก็อยากจะแนะนำให้ลองกันสักครั้ง

L1023420

ถ้าพูดถึงอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของกินซังองเซ็น คงต้องยกให้ โนโตยะเรียวกัง (Notoya Ryokan) มีประวัติศาสตร์ ยาวนานเกือบร้อยปี อาคารหลักสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1920 ด้วยรูปแบบของอาคารไม้หลังใหญ่ที่ยังคงความเก่าแก่ แบบดั้งเดิมเอาไว้ ทำให้ความน่าเกรงขามของอาคารที่ส่งออกมา ช่วยให้กินซังองเซ็นงดงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

L1023433

เดินตรงมาเรื่อยๆทางฝั่งซ้าย จะพบกับคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆ ชื่อ Kurie อยู่ตรงข้ามกับ Notoya ryokan

L1023436

L1023437

สั่งเครื่องดื่มแล้วขึ้นมาทานชั้นบน ได้ชมวิวสวยๆ

L1023449

หลังจากนั้นก็มาเดินชื่นชมบรรยากาศกันต่อ สวยทุกมุมจริงๆ

L1023463

L1023467

L1023472

L1033483

ระหว่างทางจากป้ายรถบัสก่อนเข้าหมู่บ้าน จะมีร้านให้เช่าชุดยูกะตะด้วย เผื่อใครสนใจอยากได้เป็นพร็อพถ่ายรุปให้เข้ากับบรรยากาศ

L1033494

  • การเดินทาง: จากสถานี Oishida โดยสารรถบัสด้านหน้าสถานีลงป้ายสุดสายที่ Ginzan Onsen ใช้เวลา 40 นาที
  • เวลาทำการ : บ่อแช่น้ำพุร้อนสาธารณะ มีให้บริการ 2 แห่ง
                    Shirogane-yu เปิดเวลา 8.00-17.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
                    Oo-yu เปิดเวลา 8.00-20.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 100 เยน / เด็ก 50 เยน
  • เว็บไซต์ : Ginzan Onsen

ก่อนจะเดินทางไปจุดหมายต่อไป แวะเติมพลังกันก่อนที่ร้าน Dateya 伊達家 เป็นร้านสไตล์ยะกินิชุเช่นเคย

L1033501

L1033508

L1033509

  • การเดินทาง: ร้านตั้งอยู่ในใกล้กับ Shiroishi Onsen ขับรถมาจะสะดวกกว่า (ใช้ทาง Shiroishi Inter มุ่งหน้าไปเซนได)
  • เวลาทำการ: มื้อเที่ยง 11.00-14.30 น. มื้อเย็น 17.00-23.00 น.
  • เว็บไซต์

สถานที่ต่อไป เราเดินทางมาถึงอีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์ หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซะโอ (Zao Fox Village) ตั้งอยู่บนภูเขาในจังหวัดมิยางิ เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงสุนัขจิ้งจอกแบบเปิด ที่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิด

L1033514

ภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยโซนแรกนั้น เป็นเหมือนแผนกต้อนรับทั่วไป ที่มีทั้ง ลูกสุนัขจิ้งจอกที่ยังเด็กเกินกว่าจะไปรวมกับฝูง และสัตว์ชนิดอื่นๆ ให้เราได้เดินดูเล่นกันไปก่อน แบบพอหอมปากหอมคอ หลังจากนั้นจึงค่อยเดินผ่านเข้าประตูมายังบริเวณที่ไม่มีกรงขัง

L1033528

ในส่วนของหมู่บ้านนี้เป็นสวนขนาดใหญ่ที่เปิดให้เราเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมของฝูงสุนัขจิ้งจอกทั้งหลาย บ้างก็นอน บ้างก็นั่ง บ้างก็อาหารจากเรา น้องไม่ดุเลย แต่ว่าเราก็ต้องทำตามกฎของหมู่บ้านด้วยนะครับ

L1033540

L1033546

ช่วงที่เราไปจะเป็นช่วงผลัดขน ก็จะดูมอซอหน่อยๆ แนะนำว่า ให้ไปช่วงหน้าหนาว น้องจะขนฟู น่ารักมองกว่าครับ
(เครดิตภาพจาก วาฬมีปีก)

zao_fox

ร้านขายของที่ระลึกตรงบริเวณทางออก

L1033547

  • การเดินทาง: จากสถานี Shiroishi โดยสารรถ Castle Kun Bus (ปลายทาง Kawarago Dam) มีรอบทุกวันอังคาร และ วันศุกร์ (ต้องบอกคนขับรถบัสว่าจะลงที่ Zao Fox Village)
  • เวลาทำการ: 9.00 – 17.00 น. (ฤดูหนาวเปิดถึง 16.00 น.) หยุดทุกวันพุธ (ยกเว้นเดือนก.พ. และ ส.ค.)
  • ค่าเข้าชม: 1,000 เยน
  • เว็บไซต์: Zao Fox

สำหรับที่พักในค่ำคืนนี้ เราเข้าพักกันที่ Surikamitei Ohtori 摺上亭大鳥 เรียวกังในเขตหมู่บ้านน้ำพุร้อนอิอิซะกะ (Iizaka Onsen) ในจังหวัดฟุคุชิมะ ให้บริการห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น และ ห้องสไตล์ตะวันตก

  • การเดินทาง: จากสถานี Iizaka Onsen สามารถเดินมาได้ 25 นาที หรือใช้บริการรถชัทเทิลบัสของโรงแรม รับส่งฟรี
  • ราคาเริ่มต้น: ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น ราคา 4,700 บาท สำหรับ 2 ท่าน รวมอาหารเช้า
  • เว็บไซต์

L1033599

บาร์พร้อมวิวสวนญี่ปุ่น  ที่นี่รวมสาเกชื่อดังเอาไว้มากมาย และมีขวดที่ได้รับรางวัลสาเกอันดับ 1 ของประเทศด้วย

L1033602

ห้องกว้างขวางมาก

L1033613

ทางที่พักจะจัดมื้อเย็นในสไตล์ไคเซกิให้ที่ห้องอาหารชั้นล่าง

L1033614

ทานเสร็จก็มาแช่ออนเซ็นให้ผ่อนคลายสบายตัว

L1033623

กลับขึ้นมาที่ห้อง ฟูตองนุ่มก็ถูกเตรียมไว้ให้เรียบร้อยพร้อมนอนหลับสบาย

L1033626

ภาพจากเว็บไซต์ของทางโรงแรม

ohtori_iizaka


จุดหมายแรกของเราเช้านี้ เริ่มต้นกันที่ หมู่บ้านโบราณโออุจิจูคุ (Ouchijuku) จะได้พบกับบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนา ลักษณะเดียวกับหมู่บ้านชิราคาวะโก เรียงรายกันสองฝั่งประมาณ 40 – 50 หลัง ตลอดระยะทางประมาณ 500 เมตร

L1033642

เมื่อราวปี พ.ศ.2524 หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งในปัจจุบันบ้านโบราณหลายหลังในหมู่บ้านได้รับการบูรณะใหม่ ให้กลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารและที่พักแบบญี่ปุ่น

L1033644

L1033648

จากถนนหมู่บ้านที่คึกคัก ด้านข้างจะมีมุมสงบๆ ที่หลบซ่อนอยู่

L1033653

แนะนำให้เดินไปจนสุดทางของหมู่บ้านจะมีทางแยกเป็นบันไดขึ้นบนภูเขา จุดนี้จะเป็นบันไดที่นักท่องเที่ยว สามารถเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพมุมสูงของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ได้อย่างทั่วถึง

L1033659

L1033671

ส่วนถ้าใครเดินทางไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะได้บรรยากาศต่างไปอีกแบบ

DR 55

DR 50

ไม่อยากให้พลาดลองชิม โซบะต้นหอมยักษ์ (Negi-Soba) คือเมนูเส้นโซะโรยหน้าด้วยหัวไชเท้าขูดและปลาโอแห้งขูดฝอย แต่ความแปลกที่ไม่เหมือนที่ไหนคือเวลารับประทาน จะใช้ต้นหอมยักษ์ (Negi) แทนตะเกียบ ทำหน้าที่เกี่ยวเส้นโซบะขึ้นมาทาน ในขณะที่ทานก็จะกัดต้นหอมไปในเวลาเดียวกันทำให้ได้รสชาติที่อร่อยไม่เหมือนที่ไหนเลย

L1033694

L1033695

  • การเดินทาง : จากสถานี Yunokami Onsen โดยสารรถบัสนำเที่ยวย้อนยุคโบราณไป–กลับ ราคา 1,000 เยน หรือสามารถนั่งแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
  • เวลาเปิดทำการ : 9.00-16.00 น.
  • ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • เว็บไซต์ : Ouchijuku

ช่วงซัมเมอร์ของญี่ปุ่น นอกจากจะมีดอกไม้สวยๆให้ชมแล้ว ยังเป็นฤดูกาลของผลไม้อย่างลูกพีช หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า โมโมะ  (Momo) และแน่นอนว่ามาเยือนถึงถิ่น จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) ทั้งที กิจกรรมไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ Peach Pickingก็บลูกพีชกินสดๆจากสวนนั่นเอง สำหรับสวนที่เปิดให้เข้าไปเก็บลูกพีชได้ในจังหวัดฟุคุชิมะ มีหลายแห่ง ดูรายละเอียดที่นี่ >> PEACH PICKING

และครั้งนี้เรามากันที่ Azuma orchard あづま果樹園 ที่เปิดให้เข้าไปกินลูกพีชสดๆจากสวน ในราคาเพียงคนละ 800 เยน กินได้ไม่อั้นเป็นเวลา 30 นาที รับรองว่างานนี้สายพีชต้องฟิน เพราะเวลาได้กินสดๆจากสวน มันช่างหอม หวาน ฉ่ำ เหลือเกิน วันที่เดินทางไป มีติดธงไทยต้อนรับคณะของพวกเราด้วย น่ารักมากๆครับ

L1033552

เราสามารถไปทานลูกพีชสดๆกันได้ตั้งแต่กลางเดือนก.ค. จนถึงสิ้นเดือนส.ค. โดยจะมีสายพันธุ์ต่างๆทยอยกันออกผล อย่างช่วงที่แอดมินไป เป็นสายพันธุ์ที่ออกผลก่อนใคร ชื่อว่า ฮัทสึฮิเมะ (Hatsuhime) ส่วนวิธีการเก็บง่ายมาก แค่เล็งผลที่เราต้องการ และก็ใช้กรรไกรที่ทางสวนเตรียมให้ ตัดที่โคนกิ่งแล้วใส่ในถังได้เลย

L1033582

ใครสนใจจะซื้อกลับบ้าน มีขายในราคามิตรภาพนะครับ ตกกิโลละไม่ถึง 300 บาทเท่านั้น

L1033565

คุณลุง (ขวาสุด) เจ้าของฟาร์ม และ ลูกชาย รวมไปถึง คุณป้าที่คอยมาแนะนำ ดูแล น่ารักมากๆ

L1033597

  • การเดินทาง: จากสถานี Fukushima ทางออก East ป้ายรถประจำทางหมายเลข 12 โดยสารรถบัสลงที่ป้าย Zatomachi
  • เวลาทำการ: 8.00-15.00 น.
  • ค่าใช้จ่าย: 800 เยน 30 นาที
  • เว็บไซต์: Azuma Orchard

ปลายปีนี้ การบินไทย เปิดบินตรงไป เซนได (Sendai) จะทำให้การไปจังหวัดรอบๆ ไม่ว่าจะฟุคุชิมะ หรือ ยะมะกะตะ เป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก มีชินคังเซ็นเชื่อมต่อจากสถานี Sendai ไม่ต้องไปตั้งต้นที่โตเกียวอีกต่อไป

B777-200ER Royal Silk Class 001

messageImage_1563866141815