ภูมิภาคโทโฮขุ กำลังเป็นที่สนใจในหมู่ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ ในฐานะที่เราเป็นผู้หนึ่งที่เดินทางไปเยือนภูมิภาคนี้หลายครั้ง มนต์เสน่ห์ของภูมิภาคโทโฮขุไม่เคยจางหายไปเลย ความสวยงามจะแตกต่างกันไปก็แค่เพียงแต่ละช่วงเวลาเท่านั้น อีกทั้งยังสะดวกสบายด้วยเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพสู่ภูมิภาคโทโฮขุ ทำให้การเดินทางยิ่งง่ายขึ้นไปอีก
สำหรับทริปนี้เราเดินทางมาเปิดประสบการณ์ใหม่กันที่ จังหวัดอะกิตะ (Akita) และ จังหวัดอิวะเตะ (Iwate) เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่มีโอกาสมาท่องเที่ยวที่จังหวัดนี้ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะเราจะไปตะลุยกับพื้นที่ใหม่ ที่แปลกและแตกต่างไปมากๆ นั่นก็คือพื้นที่ เมืองคะซุโนะ (Kazuno) จังหวัดอะกิตะ และ เมืองฮาจิมันไต (Hachimantai) จังหวัดอิวะเตะ
การเดินทาง: จากสนามบินฮาเนดะ มีเที่ยวบินของ ANA บินตรงไปลง สนามบิน Odate-Noshiro ที่จังหวัดอะคิตะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
แนะนำ 16 สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองคะซุโนะ (Kazuno) และเมืองฮาจิมันไต (Hachimantai)
[1] จุดแวะพักจอดรถ Kazuno Antler Roadside Station, เมืองคะซุโนะ จังหวัดอะกิตะ
จุดแวะพักจอดรถที่ประกอบด้วยแหล่งช้อปปิ้งของพื้นเมือง ศูนย์ทำกิจกรรมและพิพิธภัณฑ์แสดงรถเกี้ยวที่ใช้ในงานเทศกาลฮะนะวะบะยะชิ (Hanawa Bayashi)
แน่นอนว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง มาถึงจังหวัดอะกิตะทั้งที ห้ามพลาดมาลองทำพร้อมชิม “คิริทันโปะ” (Kiritanpo) อาหารชื่อดังที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้ เป็นอาหารพื้นถิ่น นิยมทานกันในช่วงฤดูหนาว
วิธีการทานมีสองแบบคือทานคู่กับนาเบะหม้อไฟโดยใส่ลงในหม้อต้มเป็นซุป และอีกหนึ่งวิธีคือ ทานโดยการนำไปปิ้ง แล้วทาด้วยซอสมิโซะ เป็นอาหารว่าง วิธีการทำคือ นำข้าวไปตให้ละเอียดประมาณ 60 เปอร์เซน เพื่อเพิ่มความเหนียวของข้าวเจ้า ในสมัยก่อนเป็นอาหารที่นำไปทานเวลาไปหาของป่า เมื่อย่างได้ที่ แล้วนำไปทามิโซะ จากนั้นปิ้งต่ออีกประมาณ 10 วินาที อาหารชนิดนี้มีชื่อเรียกชื่อว่า มิโซะทันโปะ
ทานมื้อเที่ยงกันที่ห้องอาหารของ Kazuno Antler Roadside Station เมนูวันนี้มีชื่อว่า “ฮิไนจิโดริ (Hinaijidori)” ที่ติด 1 ใน 3 ของอาหารประเภทไก่ที่ขึ้นชื่อของประเทศ เป็นข้าวอบทานคู่กับซอสโชยุรสหวาน ทำจากเหล้ามิริน
ทานอิ่มแล้วแวะชม พิพิธภัณฑ์แสดงเกี้ยวที่ใช้ในการจัดงานมหรสพ Hanawa Bayashi งานเทศกาลที่มีประวัติเก่าแก่ ก่อตั้งมากว่า 1000 ปี อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยองค์กรยูเนสโก้ ภายในจัดแสดงเกี้ยวที่มีนำหนักประมาน 2 ตัน ใช้แรงคน 30 คนในการลาก ด้านในเกี้ยวจะมีนักดนตรีบรรเลงเพลงซึ่งแต่ละตำบลจะมีเกี้ยวแห่เป็นของตัวเอง
โดยที่เมืองคะซุโนะ งานเทศกาลจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 19-20 สิงหาคม ถือเป็น 1 ใน 3 สุดยอดมหรสพดนตรีระดับประเทศ รองจากเทศกาล Kanda Bayashi ที่โตเกียว และ Gion Bayashi ที่เกียวโต
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : เดือนเมษายนถึงเดือนพฤศจิกายน เวลา 9.00 – 18.00 น. / เดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม เวลา 09.00-17.00 น.
- วันหยุด : เปิดให้บริการทุกวันตลอดทั้งปี
- ค่าเข้าชม : ไม่มี / ค่าร่วมกิจกรรมทำคิริทันโปะ คนละ 300 เยน
- การเดินทาง : โดยสารรถแท็กซี่จากสถานี Kazuno Hanawa ใช้เวลาประมาณ 3 นาที
- เว็บไซต์
[2] โรงแรมยุเซะ (Yuze Hotel), เมืองคะซุโนะ จังหวัดอะกิตะ
โรงแรมยุเซะ (Yuze Hotel) ตั้งอยู่ในเมืองคะซุโนะ (Kazuno) ในจังหวัดอะกิตะ ตกแต่งในสไต์ญี่ปุ่น เป็นที่พักที่เหมาะเจาะลงตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวชมเมืองคะซุโนะและเมืองใกล้เคียง ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ผู้เข้าพักจึงสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ของเมืองได้โดยง่าย เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยไม่ว่าจะเป็นห้องอาหาร สปาสำหรับแช่น้ำแร่อนเซน และร้านขายของฝาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
- ค่าใช้จ่าย : ราคาห้องพักเร่ิมต้น 9,800 เยน
- การเดินทาง : จากสถานี Yuzeonsen โดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที
- เว็บไซต์
[3] โบราณสถานเหมืองทองคำโบราณ Osarizawa Mine, เมืองคะซุโนะ จังหวัดอะกิตะ
เหมืองทองอันมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ที่สร้างความร่ำรวยให้กับคนในพื้นที่ก่อนที่จะปิดตัวลงในปีค.ศ. 1978 โดยในสมัยก่อนชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่มีอาชีพจากการขุดเหมืองทอง เหมืองทอง Osarizawa Mine เกิดขึ้นจาก การทับถมของหิน แร่ธาตุต่างๆ น้ำและความเย็น มากกว่า 9 พันล้านปี ทำให้เกิดสายแร่ นอกจากทองคำแล้ว ภายในถ้ำเหมืองทองยังใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาไวน์และสาเก เนื่องจากภายในเหมืองมีความเย็นคงที่ตลอดทั้งปี เฉลี่ยประมาณ 13 องศา
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม เวลา 09.00 – 17.00 น. / เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม เวลา 09.00-15.30 น.
- วันหยุด : เปิดตลอดทั้งปี
- ค่าเข้าชม : 1000 เยน ไม่รวมค่าทำกิจกรรมหลังจากการเดินชมเหมือง
- การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Morioka โดยสารรถบัสที่วิ่งตรงมายังเมือง Odate ลงที่ป้ายจุดจอด Kazuno-hanawa จากนั้นโดยสารรถแท๊กซี่อีก 10 นาที
- เว็บไซต์
[4] เส้นทางธรรมชาติบ่อโคลนเดือดและบ่อน้ำพุร้อน Goshogake Onsen, เมืองคะซุโนะ จังหวัดอะกิตะ
เส้นทางธรรมชาติบ่อน้ำพุร้อนโกโชกะเคะอนเซ็น (Goshogake Onsen) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงฮาจิมันไต (Hachimantai) ในเขตของจังหวัดอะกิตะ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai ที่เกิดจากการประทุของโคลนภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่ยังคงมีการระเบิดของภูเขาไฟทุกๆหลายปี ทำให้เกิดเป็นบ่อโคลนเดือดและบ่อน้ำพุร้อน
โดยชื่อของพื้นที่ Goshogake Onsen มีความหมายว่า การละทิ้งหลังชีวิตความตาย มีที่มาจากตำนานของผู้หญิงสองคนที่มีความเกี่ยวพันกับผู้ชายคนเดียวกัน ทำให้เกิดการหึงหวง จนทำให้เกิดโศกนาฎกรรมการกระโดดลงไปในหุบเขาแห่งนรก นอกจากบ่อโคลนเดือดและบ่อน้ำพุร้อน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเทร็กกิ้งตามเส้นทางธรรมชาติพร้อมศึกษาพันธุ์ไม้แปลกๆ ที่มีเฉพาะบนพื้นที่ราบสูงอีกหลายชนิด
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 09.00 – 16.00 น. (เข้าชมก่อนเวลา 15.00 น.)
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน ยกเว้นช่วงที่เกิดการประทุของภูเขาไฟ
- ค่าเข้าชม : 600 เยน
- การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kazuno-Hanawa โดยสารรถบัสลงที่ป้าย Asupite Iriguchi จากนั้นเปลี่ยนรถบัสมาลงที่ Goshogake Onsen หรือจากสถานีรถไฟ Tazawako สามารถโดยสารรถบัสเพียงต่อเดียวมาลงที่ Goshogake Onsen ใช้เวลาประมาณ 110 นาที ราคา 1,840 เยน ** โดยรถบัสจะให้บริการในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์และในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น ระหว่างกลางเดือนเมษายนไปถึงช่วงสิ้นเดือนตุลาคมเท่านั้น
- เว็บไซต์
[5] สวนผลไม้ซาโตะ ชูกะ เอน (Sato Shuka – en Fruit Park), เมืองคะซุโนะ จังหวัดอะกิตะ
แวะเก็บแอ๊ปเปิ้ลสด พร้อมรับประทานกันภายในสวนผลไม้ซาโตะ ชูกะ เอน ความพิเศษของที่นี่คือ สวนแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากเมืองคะซุโนะ ให้นำแอ้ปเปิ้ลของสวนนี้เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับผู้ที่ตั้งใจบริจาคภาษีท้องถิ่นให้กับเมืองนี้
โดยแอ๊ปเปิ้ลของสวนแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ฟูจิ ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ภายในสวนยังมีแอ้ปเปิ้ลอีกหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ชินาโนะ สวีท, สายพันธุ์โอริงและสายพันธุ์โออิราเสะ โดยการเด็ดแอ้ปเปิ้ลที่ถูกวิธีนั้น มีวิธีคือการจับแล้วหักขั้วลง ห้ามหมุนหรือดึงเด็ดขาดเพราะจะทำให้ต้นเสียหาย หลักจากรับประทานเสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกแพกเกจนำผลไม้กลับบ้านไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 08.00 -16.30 น.
- วันหยุด : เปิดทุกวันในช่วงที่เปิดให้บริการ
- ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม / ค่าเก็บผลไม้กลับบ้านได้ 2 ผล 500 เยน 4 ผล 1000 เยน
- การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Towada Minami โดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
[6] จุดแวะพักจอดรถ Yunoeki Oyu Roadside Station
จุดแวะพักจอดรถ ที่รูปร่างหน้าตาสวยงามคล้ายกับแกลอรี่แสดงงานศิลปะ ออกแบบโดย Mr. Kengo Kuma ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบหลัก ภายในประกอบด้วย พื้นที่สันทนาการ ร้านอาหาร และร้านขายของฝากและของที่ระลึกที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ส่วนของบ่ออนเซนสำหรับแช่เท้า พร้อมวิวสนามหญ้ากว้างขวางไว้คอยให้บริการฟรีแก่นักท่องเที่ยว เพื่อใช้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าจาการขับรถ
[7] โรงแรม Kazuno Hotel, เมืองคะซุโนะ จังหวัดอะกิตะ
ตรงข้ามกันยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมคะซุโนะ เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ภายในตกแต่งด้วยสวนสวย พร้อมบ่อแช่น้ำพุร้อนไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 09.00-18.00 น.
- วันหยุด : เปิดตลอดทั้งปี
- ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม
- การเดินทาง : จากสถานี JR Oodate โดยสารรถไฟสาย JR Hanawa มาลงที่สถานี JR Towada Minami จากนั้นโดยสารรถแท้กซี่ มาที่โรงแรมใช้เวลาประมาณ 12 นาที
- เว็บไซต์
[8] สตูดิโอ Appi Urushi, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
สตูดิโอผลิตชิ้นงานศิลปะเครื่องเขินญี่ปุ่น หรือมีชื่อเรียกว่า “อุรุชิ” (Urushi) ภายในสตูดิโอจัดแสดงขั้นตอนการผลิตเครื่องเขินญี่ปุ่น โดยการใช้ยางของต้นอุระชิ ซึ่งจะมีมากในพื้นที่ทางภาคเหนือของจังหวัดอะกิตะและในจังหวัดอิวะเตะ
ต้นยางที่จะนำน้ำยางมาใช้ได้นั้น จะต้องมีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป โดยหนึ่งต้นยางนั้นสามารถนำน้ำยางมาใช้ได้เพียงต้นละ 180 มิลลิลิตรเท่านั้น ขั้นตอนการทำคือ นำภาชนะที่ขึ้นรูปด้วยไม้เคลือบด้วยสีเบงการะผสมกับน้ำยาง จากนั้นเคลือบเป็นจำนวน 6 ครั้ง โดยจะเคลือบแล้วปล่อยให้แห้งไปเอง ใช้เวลา 2-3 เดือนในการสร้างสรรค์แต่ละชิ้นงาน โดยที่จะไม่มีการวาดภาพใดๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามตามธรรมชาติขึ้นเอง เสน่ห์ของเครื่องเคลือบชนิดนี้เมื่อตอนแรกพื้นผิวจะเป็นเนื้อด้าน แต่เมื่อใช้ไปเรื่อยๆพื้นผิวจะเกิดความเงาขึ้นเองตามธรรมชาติ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 09.30 – 17.00 น.
- วันหยุด : ปิดทุกวันจันทร์
- ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม / กิจกรรมเพ้นท์สี เริ่มต้น 2700 เยน
- การเดินทาง : จากสถานี JR Morioka ฝั่ง West Gate โดยสารรถบัสประจำทางมุ่งหน้าไปที่สถานี Odate Ekimae ลงที่ป้าย Teletrack Ashiro ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นเดินต่อประมาณ 10-15 นาที
- เว็บไซต์
[9] น้ำตกฟุโดะ (Fudo Waterfalls), เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
น้ำตกฟุโดะ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยตัวน้ำตกจะตั้งอยู่ด้านหลังของศาลเจ้า Sakuramatsu Shrine ซึ่งมีความเชื่อว่าที่นี่เป็นศาลเจ้าและน้ำตกที่ผู้คนมักจะมาขอคู่ เนื่องมาจากบริเวณด้านหน้าทางเข้าของศาลเจ้านั้น เป็นที่ตั้งของต้นไม้สองต้นที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆกันแล้วรวมกันจนเป็นหนึ่งเดียว น้ำตกแห่งนี้ยังได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ภายในน้ำตกจะพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม แดง ตามลำดับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา
- วันหยุด : เปิดตลอดทั้งปี
- ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม
- การเดินทาง : จากสถานี JR Arayashimmachi โดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที
- เว็บไซต์
[10] ร้านเต้าหู้ Fusetsuka, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
ร้านขายเต้าหู้แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1999 ผลิตสินค้ามากมายที่ทำมากจากถั่ว โดยผลิตภัณฑ์หลักๆของร้านจะเป็นเต้าหู้สด ซึ่งผลิตแบบสดใหม่กันทุกๆวัน นอกจากนั้นยังมี น้ำเต้าหู้เชค ไอศกรีมน้ำเต้าหู้ พุดดิ้งเต้าหู้ และเบเกอรี่ที่ทำจากเต้าหู้ไม่ว่าจะเป็นวาฟเฟิลและโดนัท
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 10.00 – 18.00 น.(ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์) และ 10.00 – 17.30 น.(ตลอดปี)
- วันหยุด : เปิดทุกวัน
- ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม
- การเดินทาง : จากสถานี Morioka โดยสารรถไฟสาย Iwate Ginga Tetsudo ลงที่สถานี Koma จากนั้นโดยสารรถไฟสาย JR Hanawa มาลงที่สถานี Koyanohata เดินต่อประมาณ 3-5 นาที
- เว็บไซต์
[11] โรงเรียนธรรมชาติ Appi และโรงแรม Appi Grand, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
พื้นที่ขนาดใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรงแรม Appi Grand ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมมากมายของโรงแรมได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมตีกอล์ฟ เล่นสกี เดินเทร็คกิ้งศึกษาธรรมชาติ นั่งกระเช้ากอนโดล่าไปชมใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมชมทะเลหมอกยามเช้า หรือจะแช่น้ำพุร้อนอนเซนที่ส่วนของสปาที่โรงแรม
โรงแรม Appi Grand ประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 1000 ห้อง รวมทั้งสิ้น 6 อาคาร อีกทั้งยังมีลานสกี 31 จุดเล่นสกี และลิฟท์กระเช้าสำหรับเล่นสกีให้บริการถึง 24 ตัว ข้อดีของลานสกีแห่งนี้คือคุณภาพหิมะที่มีความละเอียดมากเหมาะสมกับการเล่นสกี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม เดินสโนว์ชูส์ สโนว์โมบิลสำหรับผู้ใหญ่และคอร์สสั้นๆ
สำหรับใครเป็นสายรักธรรมชาติแนะนำว่าห้ามพลาดกิจกรรมเดินชมป่าต้น Beech จัดโดยโรงเรียนธรรมชาติ Appi นอกจากจะได้ความเพลิดเพลินยังได้ศึกษาธรรมชาติของพื้นที่ราบสูง ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด รวมถึงสัตว์ต่างๆอีกด้วย อาทิตัว Tohoku Salamander ซึ่งจะสามารถพบเห็นได้ในบริเวณพื้นที่นี้เท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : กระเช้ากอนโดล่า เปิดทำการเวลา 06.30 – 07.45 น.ในช่วงเช้า โดยจะให้บริการช่วงวันที่ 29 เมษายน – 5 พฤศจิกายน
- วันหยุด : เปิดให้บริการทุกวันช่วงวันที่ 29 เมษายน – 5 พฤศจิกายน
- ค่าเข้าชม : 1,000 -1,500 เยน (สำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 วันก่อนเวลา 17.00 น.)
- การเดินทาง : จากสถานี Morioka นั่งรถไฟสาย JR Hanawa ลงสถานี Appi Kogen ประมาณ 1 ชั่วโมง (จากสถานี Appi Kogen จะมีรถรับส่งของโรงแรมฟรี แต่ต้องจองล่วงหน้า)
- เว็บไซต์
[12] สตูดิโอย้อมผ้า Hachimantai Geothermal Dyeing, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
สตูดิโอย้อมผ้าบาติก ที่ใช้ทักษะการผสมสีโดยใช้หลักของแม่สี เป็นความสนุกสนานอีกอย่างในการย้อมผ้า โดยแต่ละครั้ง ในการจุ่มผ้าลงไปในสีแต่ละสี ผู้ทำจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าชิ้นงานของตนจะออกมาเป็นรูปแบบใด หลังจากขั้นตอนการผสมสีเรียบร้อย จะนำไปอบด้วยความไอร้อน 100 องศา เป็นเวลา 20 นาที โดยกรรมวิธีการย้อมสีผ้าแบบ Geothermal Dyeing ที่มีเพียงสตูดิโอแห่งนี้ที่เดียวในโลก ที่ใช้กรรมวิธีเปลี่ยนพลังงานความร้อนจากใต้พื้นพิภพมาใช้เป็นตัวกลางในการย้อมผ้า
โดยคุณ Kazuyuki Takahashi ตัวศิลปินผู้ย้อมผ้านั้น ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและสิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ต้นไม้ สัตว์ หรือจะเป็นฤดูกาล นำมารังสรรค์ผลงานบนผืนผ้าให้เกิดเป็นงานศิลปะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 08.30 – 17.30 น.
- วันหยุด : เช็คได้จากหน้าเว็บเพจและทางเว็บไซต์
- ค่าเข้าชม : กิจกรรมย้อมผ้า เซทผ้าเช็ดหน้า ราคา 2,500 เยน (ไม่รวมภาษี) / เซทผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ + ผืนเล็ก 3,500 เยน (ไม่รวมภาษี)
- การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Morioka ฝั่ง East Gate โดยสารรถบัสประจำทางสาย A12 มุ่งหน้าไป Matsukawa Onsen ลงที่ป้าย Shofusou-guchi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที จากนั้นเดินต่อประมาณ 2-5 นาที
- เว็บไซต์
- ติดต่อเข้าร่วมกิจกรรมล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 วัน ทาง Facebook : @geocolor.hachimantai / Email : geocolor@basil.ocn.ne.jp
[13] ร้านอาหาร LAMP, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน LAMP ร้านอาหารขนาดเล็ก แต่อัดแน่นไปด้วยเมนูมากมายหลากหลาย ตั้งแต่สเต็ก สปาเก็ตตี้ ข้าวแกงกะหรี่ เซทอาหารกลางวัน แต่ที่พลาดไม่ได้ แนะนำว่าชีสเค้กสดของร้านนี้ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : เปิดให้บริการเป็นสองช่วงเวลา โดยมื้อกลางวันจะเริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 – 14.30 น. และมื้อเย็นจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.30 – 20.30 น.
- วันหยุด : ปิดวันอาทิตย์เฉพาะช่วงเย็น
- ค่าใช้จ่าย : อาหารเริ่มต้นที่ 1000 เยน
- การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Morioka ฝั่ง East Gate โดยสารรถบัสประจำทางสาย A12 มุ่งหน้าไปที่ Matsukawa Onsen ลงที่ป้าย Kashiwadai ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที จากนั้นเดินต่อประมาณ 2-5 นาที
- เว็บไซต์
[14] เส้นทางขับรถชมวิว Hachimantai Aspite Line, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
เส้นทางขับรถชมวิว Hachimantai Aspite Line นี้มีความยาวกว่า 47.2 กม.ทอดผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai ในจังหวัดอะกิตะและจังหวัดอิวะเตะ และช่วงปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป พื้นที่บริเวณนี้จะเปิดเป็นจุดชมวิวกำแพงหิมะที่ความยาวกว่า 9.8 กม. ส่วนช่วงฤดูกาลอื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถชมทัศนียภาพอันสวยงามของเส้นทาง Hachimantai Aspite Line แตกต่างไปตามแต่ฤดูกาล
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา ตั้งแต่กลางเดือนเมษายนถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
- วันหยุด : ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนเมษายน
- ค่าเข้าชม : ไม่มี
- การเดินทาง :
– จากสถานีรถไฟ Tazawako โดยสารรถบัส ราคา 2,050 เยนต่อเที่ยว เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน โดยรถบัสอาจจะมีการหยุดให้บริการได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ สามารถตรวจสอบก่อนเดินทางได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเทียวที่สถานีรถไฟ Tazawako
– จากสถานีรถไฟ Morioka บริเวณฝั่ง East Exit หมายเลข 3 โดยสารรถบัสสาย Morioka-Hachimantai Line (หยุดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป) ลงที่ป้าย Hachimantai Chojo ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที - เว็บไซต์
[15] ธารลาวาบนภูเขา Iwate “Yakehashiri” Lava flow, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
ภูเขาอิวะเตะ (Mt.Iwate) มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Ganju-san มีรูปทรงคล้ายกับภูเขา ไฟฟูจิ หรือ Kofuji “Little Fuji” ตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของเทือกเขาโออุ (Ou) อีกทั้งยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ของภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น บนระดับความสูง 2038 เมตรเหนือจากระดับน้ำทะเล
ในช่วงระหว่าง ปีค.ศ.1686 -1934 ภูเขาอิวะเตะเกิดระเบิดขึ้นหลายครั้ง แต่ความแตกต่างของการระเบิดนั้น เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟด้านข้าง ซึ่งเป็นภูเขาไฟขนาดเล็กที่ติดอยู่กับของภูเขาไฟหลักทำให้เกิดเป็นธารลาวาของภูเขาอิวะเตะ “Yakehashiri” ทำให้เกิดเป็นลานหินสีดำ แผ่ปกคลุมออกไปเป็นบริเวณกว้าง กว่า 1 กิโลเมตรและมีความยาวถึง 3 กิโลเมตร
ที่ราบสูงหินขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อภูเขาอิวาเตะเกิดการปะทุ และลาวาเผาไหม้กลายเป็นบริเวณกว้างที่ด้านข้างของภูเขา ถูกตั้งให้เป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติพิเศษของประเทศญี่ปุ่น ธารลาวานี้มีความสูง 550 – 1200 เมตรเหนือจากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชม Yakehashiri ได้ตลอดทั้งปี ยกเว้นในช่วงฤดูหิมะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา
- วันหยุด : เปิดทุกวันตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วงฤดูหิมะ
- ค่าเข้าชม : ไม่มี
- การเดินทาง :
-โดยสารรถไฟสาย JR Hanawa ลงที่สถานี Obuke จากนั้นโดยสารรถแท๊กซี่ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
– จากสถานีรถไฟ Morioka บริเวณฝั่ง East Exit หมายเลข 3 โดยสารรถบัสสาย Morioka-Hachimantai Line (หยุดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป) ลงที่สถานี Obuke ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นโดยสารรถแท้กซี่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที - เว็บไซต์
[16] Salad Farm, เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวะเตะ
แวะทานอาหารกลางวันกันที่ Salad Farm ฟาร์มขนาดใหญ่ ตั้งโดดเด่นโดยมีเทือกเขาอิวาเตะเป็นฉากหลัง นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับสวนดอกไม้ เล่นกับสัตว์น่ารัก อาทิ อัลปาก้าและกระต่าย อีกทั้งยังมีกิจกรรมนั่งรถวิบากสุดระทึก ภายในฟาร์มมีทั้งร้านอาหารและร้านขายของฝากและอุปกรณ์ทำสวน โดยเมนูส่วนใหญ่ของร้านอาหารจะมาจากไข่ออแกนิก ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน นักท่องเที่ยวยังสามารถสนุกสนานไปกับเก็บผลสตรอเบอร์รี่ หรือจะช้อปปิ้งซื้อของฝากที่ระลึกได้อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : ตั้งแต่ 08.00 – 17.00 น. ให้บริการตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน – ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
- วันหยุด : ปิดทำการตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนเป็นต้นไปในช่วงฤดูหนาวจนถึงต้นเดือนเมษายน
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็กต่ำกว่ามัธยมต้น ไม่เสียค่าเข้าชม
- การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Morioka ฝั่ง East โดยสารรถบัสประจำทางสาย A13 มุ่งหน้าไปที่ Hachimantai Mountain Hotel ลงที่ป้าย OOBUKE Bus Stop ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นโดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที
- เว็บไซต์