ฤดูใบไม้ผลิในภูมิภาคโทโฮคุจัดว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการชมดอกไม้เป็นอย่างยิ่ง นอกจากซากุระที่เป็นเสน่ห์ของฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่นแล้ว ยังมีดอกไม้นานาพันธุ์ที่บานสะพรั่งรับความสดใสของฤดูนี้ที่จะทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกัน

ช่วงเวลาชมเริ่มจากช่วงต้นเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เราสามารถชมดอกซากุระที่เริ่มผลิบานหลังจากผ่านฤดูหนาวอันทรหดจนเบ่งบานเป็นสีชมพูย้อมทัศนียภาพรอบตัว ซึ่งไฮไลท์สำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของโทโฮคุคือ เราสามารถชมทิวทัศน์ที่มีหิมะพร้อมกับซากุระได้ และยังสามารถชมซากุระไปพร้อมกับดอกไม้พันธุ์อื่นๆได้อีกด้วย  

จุดชมซากุระที่จะแนะนำในครั้งนี้เป็นสถานที่ที่คนในพื้นที่แนะนำว่าต้องมาให้ได้สักครั้ง เน้นที่ความสวยงามและมีพื้นที่กว้าง เหมาะกับการเที่ยวชมแบบหลีกเลี่ยงฝูงชนในยุคที่ยังต้องมีการระมัดระวังตัวจากสถานการณ์โควิด ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมวางแผนไปเที่ยวชมดอกไม้ในซีซั่นหน้ากันเถอะ

1. สวนฮิโรซากิ | จังหวัดอาโอโมริ

สวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) เป็นสวนที่อยู่บริเวณปราสาทฮิโรซากิ ตั้งอยู่ที่เมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ เป็น 1 ใน 100 แหล่งชมซากุระขึ้นชื่อของญี่ปุ่น และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติทางวัฒนธรรม

สวนฮิโรซากิครอบคลุมพื้นที่กว่า 500,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 2,600 ต้น ทั้งหมด 52 สายพันธุ์ ที่จะผลิดอกในช่วงปลายเดือนเมษายน ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์หลักโซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino) ที่บางต้นมีอายุมากกว่า 100 ปี รวมไปถึงพันธุ์ย้อยชิดาเระซากุระ (Shidare-zakura) และ พันธุ์กลีบซ้อนยาเอะซากุระ (Yae-zakura) ซึ่งผู้ดูแลสวนที่นี่จะใช้เทคนิคการตัดแต่งกิ่งแบบเดียวกับต้นแอปเปิ้ล ทำให้ในแต่ละต้นมีปริมาณดอกไม้มากกว่าที่อื่นๆ

งานเทศกาลชมซากุระ Hirosaki Cherry Blossom Festival จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ภายในงานจะมีการออกร้าน กิจกรรมต่างๆ อาทิ นั่งเรือชมซากุระรอบปราสาท รวมถึงการประดับไฟไลฟ์อัพในตอนกลางคืนด้วย 

นอกจากจะได้ชมความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของปราสาทฮิโรซากิแล้ว ยังได้พบกับซากุระนับพันต้น อีกทั้งยังเดินทางมาได้สะดวก เรียกได้ว่าคุ้มค่าแก่การมาเยือนสุดๆ

ค่าเข้าชม : ปราสาทฮิโรซากิ ผู้ใหญ่ 320 เยน, เด็ก 100 เยน
เวลาทำการ : บูทร้านค้า 9.00-21.00 น. / ไลท์อัพตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน-22.00 น. (ช่วงชมซากุระ : ปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม)
การเดินทาง : สถานี JR ฮิโรซากิ นั่งแท็กซี่ประมาณ 10 นาที หรือ หรือขึ้นรถบัส Dotecho junkan (เส้นตะวันตก) ประมาณ 15 นาที และลงที่ ป้าย Shiyakushomae เดิน 5 นาทีจากป้ายรถเมล์
เว็บไซต์


2. อิชิวาริซากุระ| จังหวัดอิวาเตะ

อิชิวาริซากุระ (Ishiwarizakura) สายพันธุ์เอโดะฮิกันซากุระที่เติบโตจากรอยแยกของหินแกรนิตใหญ่ มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ด้านหน้าสำนักงานศาลเมืองโมริโอกะ เป็นที่รักของชาวเมือง และเป็นต้นซากุระที่ผลิดอกไวที่สุดต้นหนึ่ง ซึ่งบ่งบอกถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิในทุกๆ ปี

โดยแรกเริ่มเป็นเพียงเมล็ดที่อยู่ในรอยแตกของหินขนาดใหญ่ และงอกขึ้นมาจากรอยแยกนั้นและเติบโตขึ้นจนมีความสูงกว่า 10 เมตร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติในปีค.ศ. 1923  ถือเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งสำหรับเมืองโมริโอกะและภูมิภาคโทโฮคุ เพราะสามารถฟันฝ่าภัยพิบัติและเติบโตมาได้อย่างแข็งแกร่ง

นับว่าเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์มากอย่างหนึ่งในญี่ปุ่น ถ้าได้ไปแล้วต้องไม่พลาดที่จะถ่ายภาพต้นอิชิวาริซากุระ แล้วแชร์ให้เพื่อนๆได้รับรู้ถึงความสวยงามพร้อมกับความแข็งแกร่งนี้

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : เปิดตลอดทั้งปี (ช่วงชมซากุระ : กลางเมษายน-ต้นพฤษภาคม)
การเดินทาง : จากสถานี JR Morioka เดินประมาณ 20 นาที หรือ นั่งรถบัสลงป้าย Chuodori 1 ใช้เวลา 8 นาที แล้วเดินประมาณ 1 นาที
เว็บไซต์


3. เขตหมู่บ้านซามูไรคาคุโนดาเตะ | จังหวัดอาคิตะ

เขตหมู่บ้านซามูไรคาคุโนดาเตะ (Kakunodate Samurai District) ตั้งอยู่ที่เมืองเซ็มโบคุ (Senboku) ในอดีตเคยเป็นที่พักอาศัยของชุมชนซามูไรมากถึง 80 ตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ภายในได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยมยังคงสภาพดังเดิมในอดีตกว่า 300 ปี

บนถนนบุเคยาชิกิ (Bukeyashiki-dori) จะได้พบกับต้นซากุระพันธุ์ย้อยชิดาเระซากุระ (Shidare-zakura) ที่เรียงรายสองข้างถนนจำนวน 162 ต้น และจะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระ Kakunodate Cherry Blossom Festival ช่วงปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม

เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชม สามารถเช่าชุดกิโมโนมาเดินเล่นถ่ายรูป หรือจะนั่งรถลาก (Jinrikisha) เข้ากับบรรยากาศย้อนยุคของหมู่บ้านซามูไรได้อย่างดี นอกจากนี้ยังเดินไปชมแนวต้นซากุระพันธุ์โซเมโยชิโนะเลียบแม่น้ำฮิโนคิไน (Hinokinai River) เป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร และยังมีร้านเช่ากิโมโนให้เราได้แต่งสวมบทเป็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นถ่ายรูปกับซากุระ พร้อมสัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ 

ค่าเข้าชม : ฟรี (หากไม่ได้เข้าชมภายในบ้านซามูไร)
เวลาทำการ : เปิดตลอดทั้งปี (ช่วงชมซากุระ : ปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม)
การเดินทาง : จากสถานี JR Kakunodate เดินประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์


4. สวนไซเกียวโมโดชิโนะมัตสึ| จังหวัดมิยางิ

สวนไซเกียวโมโดชิโนะมัตสึ (Saigyo Modoshi no Matsu Park) ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถชมวิวพาโนรามาของอ่าวมัตสึชิมะที่เต็มไปด้วยเกาะที่ปกคลุมด้วยต้นสน เป็น 1 ใน 3 วิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระกว่า 260 ต้นบานสะพรั่ง ทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตาของอ่าวมัตสึชิมะสีฟ้าครามผสานกับแนวต้นซากุระสีชมพูบนเนินเขาได้อย่างลงตัว จึงเป็นวิวซากุระที่หาชมได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น

ภายในสวนมีจุดนั่งพักชมวิวที่ Matsushima Panorama House โดยชั้นสองเป็นคาเฟ่บรรยากาศดีชื่อ Le Roman ตัวร้านออกแบบด้วยกระจกใสล้อมรอบเหมือนอยู่ท่ามกลางดอกซากุระและสามารถมองออกไปเห็นวิวอ่าวมัตสึชิมะได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่อยากมาพักผ่อนชมวิวสวยๆ ไปพร้อมจิบกาแฟอร่อยๆ นั่งเสพบรรยากาศซากุระท่ามกลางเนินเขาแบบฟินๆ

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : เปิดตลอดทั้งปี
การเดินทาง : จากสถานี Matsushimakaigan เดิน 20 นาที หรือนั่งรถ 5 นาที
เว็บไซต์

เครดิตรูป Miyagi Prefecture Tourism Promotion
เครดิตรูป Miyagi Prefecture Tourism Promotion 

5. สวนเอโบชิยามะ | จังหวัดยามากาตะ

สวนเอโบชิยามะ (Eboshiyama Park) อยู่ที่เมืองนันโย (Nanyo) มีอีกชื่อเรียกว่า Eboshiyama Senbonzakura เนื่องมีต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นร่วม 25 สายพันธุ์ อาทิ เอโดะฮิกังซากุระ, โซเมโยชิโนะ, ชิดาเระซากุระ ได้รับเลือกเป็น 100 สถานที่ชมซากุระขึ้นชื่อของญี่ปุ่น

ไฮไลท์คือพันธุ์เอโดะฮิกังที่หาชมได้ยากและมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีซากุระพันธุ์โยชิโนะที่มีอายุมากกว่า 120 ปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลอิจะมีจัดงานเทศกาลชมซากุระ Akayu Onsen Sakura Festival และมีการเปิดไฟ ไลท์อัพในตอนกลางคืน

ภายในสวนมีศาลเจ้าเอโบชิยามะฮาจิมังงู (Eboshiyama Hachimangu) ที่ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวและความปลอดภัยในการเดินทาง มีเสาประตูโทริอิ Ishitzukuri Otorii ที่สร้างด้วยหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

สวนแห่งนี้อยู่ติดกับ เมืองน้ำพุร้อนอาคะยู (Akayu Onsen) ที่ว่ากันว่าคุณสมบัติของน้ำพุร้อนที่นี่ช่วยเยียวยาแผลโดนบาด แผลน้ำร้อนลวก และอาการปวดตามเส้นประสาทได้ แนะนำว่าให้พักที่นี่เพื่อแช่ออนเซ็นพร้อมกับชมวิวซากุระ และได้ออกมาเดินชมซากุระทั้งในตอนกลางวันกลางคืน

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : ตลอดทั้งปี (ช่วงชมซากุระ : กลาง-ปลายเมษายน) ไลท์อัพ 18:00~22:00
การเดินทาง : จากสถานี Akayu นั่งแท๊กซี่ประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์


6. สวนฮานามิยามะ | จังหวัดฟุคุชิมะ

สวนฮานามิยะมะ (Hanamiyama Park) เนินเขา Satoyama ที่เต็มไปด้วยดอกไม้แต่งแต้มสีสันให้สดสวยในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฉายาว่า หุบเขาดอกไม้แห่งจังหวัดฟุคุชิมะ

เปิดให้บริการครั้งแรกในปีค.ศ.1959 และดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาชมความงามของดอกซากุระที่เบ่งบานพร้อมกับดอกไม้อีกหลายสายพันธุ์ ชมได้ตลอดเดือนเมษายน จนถึง ต้นเดือนพฤษภาคม ถือว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุด

สวนแห่งนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของคุณลุง Abe Ichiro ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเนินร่วมใจกันปลูกดอกไม้กันเต็มพื้นที่กว่า 30 ชนิด รวมถึงดอกบ๊วย ซากุระ ฟอร์ซีเธีย คามีเลีย แมกโนเลีย และ นาโนะฮานะ จนได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์บนดิน เลยทีเดียว

คุณลุงอาเบะได้เปิดให้เป็นสวนสาธารณะที่บุคคลภายนอกรวมทั้งนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชื่นชมความสวยงามได้อย่างเต็มที่โดยไม่เก็บค่าเข้า มีเส้นทางเดินขึ้นเนินเขาไปชมวิวทั้งหมด 3 คอร์ส คือ 30 นาที, 45 นาที และ 60 นาที

นอกจากจะได้ชมซากุระที่ปีนึงจะบานเพียงแค่ครั้งเดียวแล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ชมดอกไม้นานาพันธุ์ซึ่งสามารถหาชมได้แค่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นอีกด้วย

หากวันไหนอากาศดีจะสามารถมองเห็นยอดเขา Azuma และเทือกเขา Adatara ได้ เมื่อลองสังเกตดูแล้วจะเห็นหิมะบนภูเขารวมตัวเป็นรูปกระต่าย (Azuma Snow Rabbit)  หากได้มาก็อย่าลืมสังเกตกระต่ายบนภูเขาแล้วถ่ายรูปแชร์ความน่ารักนี้กัน

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ  : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง :  จากสถานี Fukushima ขึ้นรถบัสที่ไปยัง Hanamiyama Park ประมาณ 15 นาที และเดินต่ออีก 15 นาที
เว็บไซต์

DSC03490
DSC03487

7. สวนปราสาททาคาดะ | จังหวัดนีงาตะ

สวนปราสาททาคาดะ (Takada Castle Site Park) ตั้งอยู่ที่เมืองโจเอทสึ จังหวัดนีงาตะ เป็น 1 ใน 3 สถานที่ชมซากุระยามค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในสวนมีต้นซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะกว่า 4,000 ต้น โดยมีจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมคือมุมอาคารปราสาท 3 ชั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ ที่สามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อมองลงมาชมพรมดอกซากุระ และทัศนียภาพตระการตาบริเวณรอบปราสาทได้

ในช่วงต้นเดือนเมษายนจะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระ Takada Castle Sakura Festival ที่จะมีร้านค้ามาร่วมออกงานกว่า 300 บูธ และจะเปิดไฟไลท์อัพในช่วงกลางคืน พร้อมแสงจากโคมไฟกระดาษกว่า 3,000 ชิ้นที่สะท้อนกับผิวน้ำสวยงามซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานนี้ที่ไม่ควรพลาด 

สำหรับใครที่อยากชมซากุระพร้อมกับสัมผัสบรรยากาศของงานเทศกาล ตะลุยกินช้อปตามร้านที่เรียงราย ต้องมาลองที่นี่สักครั้ง

ค่าเข้าชม : ฟรี (ค่าขึ้นปราสาท 310 เยน)
เวลาทำการ  : เปิดตลอดทั้งปี (ช่วงชมซากุระ : ต้น-กลางเมษายน)
การเดินทาง : จากสถานี JR Takada แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์

เครดิตรูป Joetsu Tourism Convention Association
เครดิตรูป Joetsu Tourism Convention Association

8.  สวนอาโอบะยามะ| จังหวัดมิยางิ

สวนอาโอบะยามะ (Aobayama Park) ที่ตั้งของอดีตปราสาทเซนได ภายในสวนมีรูปปั้นดาเตะ มาซามูเนะ ผู้ครองแคว้นเซนไดคนแรก ขี่ม้าตั้งตระหง่าน เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมือง

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระกว่า 480 ต้นจะออกดอกบานสะพรั่งสองข้างทางในสวน รวมถึงริมคลองที่ทอดยาวออกไป กลีบดอกซากุระที่ร่วงลงมาเป็นทางยาวสีชมพู ให้ความรู้สึกอ่อนโยนราวกับถูกรายล้อมอยู่ในโลกสีชมพู

หากได้มาถึงแลนด์มาร์คแห่งนี้แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายภาพซากุระคู่กับรูปปั้นท่านดาเตะ พร้อมย้อนรอยอดีตไปกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเซนได

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : เปิดตลอดทั้งปี
การเดินทาง : จากสถานี Sendai ขึ้นรถบัส Loople Sendai ลงที่ป้าย Sendai Castle Ruins (No. 6) ใช้เวลา 25 นาที
เว็บไซต์