ช่วงกลางเดือนตุลาคมของทุกปี ภูมิภาคโทโฮขุ กำลังจะก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงอย่างเต็มตัว และที่อะกิตะ อีกหนึ่งจังหวัดที่ยังคงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เพียบพร้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม บ่อน้ำแร่ธรรมชาติชื่อดัง
โดยทริปนี้เราบินมาลงที่สนามบินฮาเนดะ และต่อเครื่องภายในประเทศ มาลงที่สนามบิน Akita Airport
เห็นภาพแล้วเจ้าสุนัขอะกิตะ อินุ แล้วรู้เลยว่ามาถึงแล้ว
ขึ้นมาชั้นบนจะเจอกับพื้นที่ขายของที่ระลึก
สำหรับใครที่มาถึงเช้าแบบเรา สามารถหาอาหารรองท้องก่อนได้จากห้องอาหารบนชั้นที่ 2 ของสนามบิน
ภายในห้องอาหารทานไปชมวิวเครื่องบินไปด้วย
เราสั่งโซบะร้อนรองท้องก่อนออกตะลุยท่องเที่ยวกันต่อ
จากนั้นเดินทางออกมายังนอกตัวเมือง ไปตะลุยท่องเที่ยวกันที่ เมืองไดเซ็น (Daisen) ตั้งอยู่บริเวณทางตอนกลางของจังหวัดอะกิตะ สัมผัสกับบรรยากาศเมืองที่เงียบสงบ แต่อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมที่สายสโลไลฟ์จะต้องชื่นชอบมากมาย
เริ่มต้นวันแรกของทริปด้วยการไปสักการะ ศาลเจ้าคารามัตสุ (Karamatsu shrine) ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานกว่า 300 ปีคู่เมืองไดเซ็น ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าขนาดเล็ก ล้อมรอบไปด้วยป่าและต้นสนซีดาร์ ที่มีความสูงกว่า 45 เมตร ให้ความรู้สึกร่มรื่น เงียบสงบ ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการมาขอพรที่เกี่ยวกับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคู่ การแต่งงาน ขอบุตร รวมไปถึงการขอพรให้หญิงสาวที่ตั้งครรภ์นั้นสามารถคลอดบุตรอย่างปลอดภัย
ด้านในตัวศาลเจ้า
โดยจะสังเกตเห็นได้จากหมอนข้างเด็กร้อยด้วยกระพรวนจำนวนมาก ที่แขวนไว้ทั่วบริเวณด้านในของศาลเจ้า เพื่อเป็นเครื่องสักการะบูชาจากผู้ที่ได้รับพรให้สมหวัง ไม่เพียงแต่คนในละแวกนี้ ชาวญี่ปุ่นจากหลายๆจังหวัด หรือแม้แต่หญิงชาวญี่ปุ่นที่แต่งงานกับชาวต่างชาติก็ต่างเดินทางมาสักการะขอพรกับศาลเจ้าแห่งนี้มากมาย
ภายในบริเวณเดียวกัน ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าไม้ ความแปลกพิเศษของศาลเจ้าแห่งนี้คือตั้งอยู่กลางบ่อน้ำล้อมรอบ โดยท่านเจ้าของผู้เป็นทายาทของตระกูล ได้พาเราเข้าชมและเล่าถึงประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าไม้กลางน้ำแห่งนี้ว่า เดิมทีศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเพียงศาลเจ้าประจำตระกูลของท่าน มีอายุสืบทอดกันมายาวนานหลายร้อยปี ผู้ที่เข้ามาสักการะศาลเจ้า Karamatsu ด้านในก็มักจะเข้ามาเยี่ยมชมสวนพร้อมสักการะศาลเจ้าประจำตระกูลของท่านไปพร้อมๆกัน เมื่อมีผู้สมหวังตามปรารถนาก็จะนำก้อนหินทรงกลมมน มาวางไว้ที่ศาลเจ้ากันจนเป็นธรรมเนียม จนทางตระกูลท่านได้นำมาสร้างถมบริเวณศาลเจ้าดังที่เห็นในภาพ
แนวต้นสนซีดาร์ที่มีความสูงกว่า 45 เมตรที่อยู่คู่กับศาลเจ้าแห่งนี้มานับร้อยปี
ศาลเจ้า Karamatsu
ที่อยู่: Shitadai-84 Kyowasakai, Daisen, Akita Prefecture 019-2411
โทรศัพท์: +81 18-892-3002
เวลาทำการ : 9.00 น. -16.00 น.
วันหยุด : –
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Ugosakai เดินประมาณ 10 นาทีหรือโดยสารรถแท็กซี่
เว็บไซต์
ไม่ไกลกันจากศาลเจ้าคารามัตสุ เป็นที่ตั้งของ ซากปราสาทเก่าฮตตะโนะซะขุ (Hotta no Saku) ที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลในช่วงยุคสมัยเฮอัน (ราวปีค.ศ. 784-967) ภายหลังได้ถูกทำลายแล้วสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงละครโนห์ (Noh) ด้านในยังแบ่งเป็นพื้นที่ใช้จัดแสดงและเก็บรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงละครโนห์ เช่น หน้ากาก ชุดละครอีกทั้งข้อมูลต่างๆ
เวทีที่ใช้สำหรับทำการแสดงละครโนห์
ภายในตัวห้องโถงหลัก
เครื่องแต่งกายที่ใช้สำหรับการแสดงละครโนห์
หน้ากากที่ใช้สำหรับการแสดงละครโนห์
ซากปราสาทเก่า Hotta no Saku และโรงละครโนห์
เวลาทำการ : 9.00 น. -16.00 น.
วันหยุด : เปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น
ค่าเข้าชม : –
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Omagari โดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
อีกหนึ่งสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอะกิตะ ก็คือสาเกรสชาติเยี่ยม ด้วยการยอมรับให้ที่นี่เป็นแหล่งปลูกข้าวชั้นดีระดับประเทศ เราจึงเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตสาเกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นชื่อ Suzuki Shuzoten Hideyoshi Sake Brewery ที่สืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 320 ปี ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1689 โดยปัจจุบันดำเนินการบริหารโรงงานสาเกแห่งนี้เป็นรุ่นที่ 19 แล้ว ด้วยกรรมวิธีการบ่มที่อาศัยประสบการณ์และทักษะขั้นสูง จึงทำให้สาเกของที่นี่มีชื่อเสียงจนได้รับรางวัลมากมาย รสชาตินุ่ม ดื่มง่าย มีรสหวานนิดๆ ไม่ขมเหมือนสาเกทั่วไป
ทางเดินเข้าสู่ประตูโกดังด้านในโรงงาน
ภายในโรงงานยังมีสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น
ทดลองชิมสาเกข้าว (อามะสาเก)
โรงงานผลิตสาเก Suzuki Shuzoten Hideyoshi Sake Brewery
เวลาทำการ : 9.00 น. -16.00 น.
โดยจะแบ่งเวลาเข้าชมโรงงานเป็น 2 ช่วงเวลาคือ 9.00 -12.00 น. และ 13.00 น. – 16.00 น.
วันหยุด : ปิดการเข้าชมโรงงานในช่วง 29 ธันวาคมถึง 3 มกราคม
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kakunodateโดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที หรือเดินจากสถานีรถไฟ Ugo Nagano ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าชมโรงงานสามารถสำรองทัวร์เข้าชมโรงงานได้ทางอีเมล์ info@hideyoshi.co.jp หรือโทร 0187-56-2121 (มีไกด์ทัวร์โรงงานสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้)
เริ่มต้นเช้าวันที่สองของทริป เราเดินทางไปชม โรงงานผลิตน้ำมะเขือเทศ Daisen Sounou โดยที่นี่เป็นโรงงานไม่ใหญ่มาก ใช้พนักงานทั้งหมดเพียงแค่ 5 คนเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นการผลิตโดยใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมทั้งหมด
น้ำมะเขือเทศของโรงงานแห่งนี้จะใช้มะเขือเทศสายพันธุ์ natsu no shun มีลักษณะผลไม่ใหญ่มาก หน้าตาคล้ายกับมะเขือเทศของบ้านเรา เปลือกแข็ง รสชาติกลางๆ ไม่หวานและไม่เปรี้ยวเกินไป เวลานำมาทำน้ำผลไม้จะได้ไม่หวานติดปาก โดยปกติมะเขือเทศของญี่ปุ่นทั่วไปจะเป็นสายพันธุ์ลูกใหญ่ ผลมีสีแดงอ่อน เปลือกบาง รสหวานมากและอมเปรี้ยว
ในทุกๆเช้าจะเริ่มต้นด้วยการคัดผลผลิตจากเกษตรกร โดยจะคัดผลที่มีคุณภาพดีและที่สำคัญจะต้องปลอดยาค่าแมลงและสารเคมี เน้นเก็บตอนเป็นสีแดงแล้ว
- คัดผลที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ตัดส่วนใบออก
- ทำการล้างทำความสะอาด โดยใช้น้ำระบบบับเบิล เพื่อการทำความสะอาดได้ทั่วถึง จากนั้นใช้เกลือผสมกับน้ำสะอาดเสปรย์ไปให้ทั่วผล ล้างทำความสะอาดอีก 1 ครั้ง แล้วทำการตรวจผลมะเขือเทศอีกครั้งโดยใช้แรงงานคนตรวจสอบ
- จากนั้นเข้าสู่กระบวนการสกัดน้ำมะเขือเทศ โดยโรงงานงานแห่งนี้จะสามารถผลิตได้เพียงวันละ 10 ตันหรือราวชั่วโมงละ 1200 กิโลกรัม โดยจะทำการผลิตน้ำผลไม้เพียงแค่ในช่วงหน้าเก็บเกี่ยวมะเขือเทศในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน และในช่วงหน้าหนาวจะเป็นการทำผลผลิตของน้ำแอปเปิ้ล
โดยผลผลิตที่สำเร็จรูปแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 สูตรคือ
ซองสีขาว – น้ำมะเขือเทศธรรมชาติ
ซองสีแดง – น้ำมะเขือเทศเข้มข้น
ซองสีเหลือง – น้ำมะเขือเทศผสมน้ำแอปเปิ้ล
โดยทุกสูตรไม่ผสมน้ำตาล
โรงงานผลิตน้ำมะเขือเทศ Daisen Sounou
เวลาทำการ : 9.00 น. -17.00 น.
วันหยุด : ปิดทำการทุวันจันทร์และวันอังคาร
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Ugo-Nagano โดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 10-15 นาที
เว็บไซต์
สวนเก่าแก่ของตระกูลอิเคดะ (Former Ikeda Family Garden) อีกหนึ่งสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ว่ากันว่าที่สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 42,000 ตารางเมตร เทียบเท่ากับขนาดของโตเกียวโดมเลยทีเดียว
โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนั้นสวนแห่งนี้จะสวยงามเป็นพิเศษ เงาของตึกสไตล์ยุโรปแห่งแรกของจังหวัดอะกิตะสะท้อนกับเงาในสระน้ำภายในสวน ผสมผสานกับโคมไฟหินโทโรแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีขนาดความสูงกว่า 4 เมตร ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความสวยงามของสวนแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
บริเวณโกดังใช้เก็บผลผลิตและอุปกรณ์ต่างๆ
บริเวณโรงครัวและห้องใต้ดินกระจกที่ใช้สำหรับเก็บรักษษและถนอมอาหาร
ภายในห้องจัดแสดงประวัติได้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณมากมาย อีกทั้งยังมีนิทรรศการขนาดย่อมๆ ที่จัดแสดงถึงความดีความชอบที่ตระกูลอิเคดะนั้น ได้ช่วยเหลือผู้คนมากมาย จนเป็นที่รักของชาวอะกิตะ โดยคุณอิเคดะผู้เป็นเจ้าของที่ดินมากมาย นั้นเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย มีอำนาจรวมถึงสมบัติมากมาย แต่ท่านก็ได้อุทิศตนรวมถึงทรัพย์สมบัติที่มีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอะกิตะให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ที่ท่านทำข้าวกล่องจำนวนมากมายเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กนักเรียนเพื่อเป็นอาหารกลางวัน หรือจะจัดพื้นที่ในคฤหาสน์บางส่วนเพื่อเป็นโรงเรียนสอนวิชาป้องกันตัวเคนโด้แก่เด็กๆ อีกทั้งยังสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็กเพื่อให้ผู้ป่วยที่ยากไร้ได้เข้ามาใช้บริการแบบไม่ต้องเสียเงิน
ตึกสไตล์ยุโรปแห่งแรกของจังหวัดอะกิตะ
โคมไฟหินโทโรแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีขนาดความสูงกว่า 4 เมตร
สวนเก่าแก่ของตระกูลอิเคดะ (Former Ikeda Family Garden)
เวลาทำการ : 9.00 น. -16.00 น.
วันหยุด : เปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น
ค่าเข้าชม : 300 เยน
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Omagari โดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
ช่วงบ่ายเข้าชม พิพิธภัณฑ์ดอกไม้ไฟแห่งเมืองไดเซ็น
Hanabi Tradition and Culture Preservation Museum “Hanabi・um”
ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ Maruko จัดแสดงขั้นตอนและกรรมวิธีการผลิตดอกไม้ไฟจนมีชื่อเสียงในฐานะของผู้จัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟแห่งเมือง Omagari ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 4 ชั้นไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการผลิตดอกไม้ไฟ วิธีการผสมสี อีกทั้งยังมีโรงภาพยนต์ขนาดย่อมๆ จัดแสดงภาพยนตร์ดอกไม้ไฟบนจอ 4K แบบสมจริงเสมือนไปนั่งชมอยู่ในงาน
บริเวณจัดแสดงขั้นตอนและวิธีการผลิตดอกไม้ไฟ
ตัวอย่างดอกไม้ไฟ
ห้องจัดแสดงเกียรติประวัติของคณะผู้จัดทำดอกไม้ไฟในแต่ละปี
พิพิธภัณฑ์ Hanabi Tradition and Culture Preservation Museum “Hanabi・um”
เวลาทำการ : 9.00 น. -16.00 น.
วันหยุด : ปิดทุกวันจันทร์
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Omagari เดินประมาณ 10 นาที หรือโดยสารรถแท็กซี่
เว็บไซต์ : https://hanabimuseum.jp/
ไฮไลท์ของทริปนี้คือการไปชมความอลังการของ งานเทศกาลแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติ Omagari Fireworks – Autumn Chapter จัดแสดงขึ้นบริเวณริมปากแม่น้ำ Omono ตื่นตาไปกับโปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่ของดอกไม้ไฟมากกว่า 8000 นัด ที่ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านการแสดงดอกไม้ไฟโดยเหล่าช่างทำดอกไม้ไฟทั่วประเทศ ที่มาประชันฝีมือกัน สร้างความสวยงามเป็นสีสันบนฟากฟ้า โดยมีผู้เข้าร่วมงานแต่ละครั้งนับหมื่นคน >> ข้อมูลเพิ่มเติม
การแสดงดอกไม้ไฟในครั้งนี้เป็นการเปิดจำหน่ายบัตรสำรองที่นั่งล่วงหน้า
ทานเบนโตะรองท้องก่อนเริ่มชมการแสดงดอกไม้ไฟ
ตัวอย่างของดอกไม้ไฟ งานเทศกาลแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติ Omagari Fireworks – Autumn Chapter
เช้าวันสุดท้ายของทริปเราเดินทางไปชมความสวยงามของ ทะเลสาบทะซะวะ (Lake Tazawa) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะทะเลสาบที่มีความลึกที่สุดในประเทศ นอกจากความลึกและกว้างใหญ่แล้ว ความใสของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ยังไม่เป็นรองใคร ด้วยจุดเด่นของที่นี่คือไม่ว่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงเพียงใด น้ำในทะเลสาบแห่งนี้จะไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง อย่าลืมถ่ายภาพกับแลนด์มาร์ครูปปั้นสีทองอร่ามของเจ้าหญิงทัตสึโกะหญิงสาวผู้เป็นตำนานของทะเลสาบแห่งนี้
การเดินทาง จากสถานี Tazawako นั่งรถเมล์สาย Tazawako Circuit ไปยังป้าย Tazawa-Kohan ใช้เวลา เดินทางประมาณ 12 นาที ราคา 360 เยน รวมถึงรถบัสที่มุ่งหน้าไป Nyoto Onsen และ Tamagawa Onsen ก็จะผ่านป้ายนี้เช่นกัน
สังเกตความใสของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้
ศาลเจ้าเล็กๆตั้งติดกันกับรูปปั้นของเจ้าหญิงทัตสึโกะ
ไม่ไกลกันเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิ (Gozanoishi Shrine) ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่บูชาเทพเจ้าแห่งความเยาว์วัยและเทพเจ้าประจำทะเลสาบทะซะวะ อีกทั้งยังสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ เจ้าหญิงทัตสึโกะ ผู้เป็นแลนด์มาร์คตั้งตระหง่านอู่บริเวณทะเลสาบทะซะวะ บริเวณภายในศาลเจ้า จะมีรูปปั้นเจ้าหญิงที่เป็นมังกรครึ่งร่าง ร่องรอยของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ตามตำนาน ผู้ซึ่งมาที่นี่เพื่อดื่มน้ำเพื่อให้เป็นสวยเป็นอมตะและอ่อนเยาว์ แต่เพราะนางขาดความยับยั้งใจจนดื่มน้ำมากเกินไป ทำให้ต้องคำสาปให้กลายร่างเป็นครึ่งมังกรน้ำอยู่ภายในทะเลสาบแห่งนี้
การเดินทาง จากสถานี Tazawako นั่งรถเมล์สาย Tazawako Circuit ลงป้าย Gozanoishi
บริเวณศาลเจ้าหลัก
รูปปั้นเจ้าหญิงที่เป็นมังกรครึ่งร่าง
เสาโทริอิขนาดใหญ่หันหน้าออกสู่ทะเลสาบทะซะวะ
ช่วงบ่ายเดินทางไปกันต่อที่ หุบเขาดาคิกะเอริ (Dakigaeri Gorge) อีกหนึ่งสถานที่ทางธรรมชาติที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮขุ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เดินเที่ยวชมตามน้ำตกน้อยใหญ่ สัมผัสกับทัศนียภาพของหุบเขาแห่งนี้ได้บนสะพานแขวน “Kami No Ishibashi” สีแดงขนาดใหญ่ที่เชื่อมหน้าผาทั้งสองฝั่งเข้าไว้ด้วยกัน
การเดินทาง จากสถานี JR Jindai บนสายรถไฟ JR Tazawako Line โดยสารรถแท๊กซี่ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือจากสถานี JR Akita Shinkansen โดยสารรถแท๊กซี่ ลงที่สถานี Kakunodate ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
สะพานแขวน “Kami No Ishibashi”
เดินเข้ามาด้านในราว 1.1 กิโลเมตรจะพบกับน้ำตก Mikaeri no Taki
จากนั้นไปเยี่ยมชมถิ่นซามูไรกันที่ ย่านคะคุโนะดะเตะ (Kakunodate Samurai District) ย่านชุมชนซามูไรเก่าแก่ ในอดีตนั้นจังหวัดอะกิตะ เป็นที่ตั้งของชุมชนซามูไรจำนวนมากถึง 80 ตระกูล บรรยากาศของชุมชนหมู่บ้านซามูไรตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 นั้นยังคงความสวยงามอยู่เช่นดังในวันวาน อีกทั้งบ้านหลายหลัง ยังได้รับการดูแลไว้เป็นอย่างดีเยี่ยมในสภาพแบบเดิม
การเดินทาง จากสถานีรถไฟ JR Kakunodate เดินประมาณ 20 นาทีหรือโดยสารรถแท๊กซี่ประมาณ 5 นาที
สำหรับผู้ที่อยากจะเที่ยวชมให้รอบหมู่บ้านอาจจะนั่งรถลากคินนิกฉะ รถลากโบราณสีแดงที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้เสมือนย้อนยุคกลับไปในสมัยนั้น ขณะนั่งผู้ลากก็จะคอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ
เราเดินทางเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์บ้านอะโอยะงิ (Aoyagi House) ด้านในเป็นคฤหาสน์ของซามูไรชั้นสูงขนาดใหญ่ หลายอาคารด้านในถูกจัดให้เป็นที่นำเสนอข้อมูลในด้านประวัติศาสตร์ รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของซามูไรในยุคก่อนมากมายซึ่งไม่สามารถประเมินค่าได้
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของเหล่าบรรดาซามูไรชั้นสูง