การเดินทางในครั้งนี้จะเป็นการตะลุยเที่ยว 4 เมืองในอะกิตะ ที่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และยังสามารถพบกับสุนัขสายพันธุ์อะกิตะได้ที่นี่อีกด้วย

DS8_1380

แผนที่ 4 เมืองหลักในจังหวัดอะกิตะ

akita_map

  • ออกเดินทางจากโตเกียวมุ่งหน้าสู่สถานี Kakunodate โดยนั่งรถไฟอะกิตะชินคันเซ็น ขบวนโคมาจิ จุดเช็คอินจุดแรกของเราคือร้านอาหาร “ Kashi Shokudo

    DS8_1191

    บรรยากาศและตัวร้าน ตกแต่งด้วยไม้ที่แสนเรียบง่าย ให้กลิ่นอายความเป็นแสกนดิเนเวียน

    DS8_1176

    ร้าน Kashi Shokudo คือร้านอาหารสไตล์โฮมเมดที่เกษตรกรชาวญี่ปุ่นสามี-ภรรยาเป็นเจ้าของและลงมือเป็นเชฟเอง วัตถุดิบที่ใช้จะเป็นผัก ผลไม้ที่ปลูกได้จากสวนหลังบ้าน แต่ไม่สามารถส่งออกไปขายได้ เนื่องจากมีรอยบ้าง ไม่สวยบ้าง แต่คุณมิกิโอะเจ้าของร้าน พิถีพิถันในการปรุงอาหารทุกๆ จาน ให้ดีต่อสุขภาพและได้รสชาติอร่อย  เหมือนฝีมือแม่ ที่ใครๆต่างก็คิดถึง

    DS8_1279

    DS8_1251

    ช่วงฤดูหนาวประมาณวันที่ 20 ธันวาคม – 31 มกราคม ร้านจะหยุดให้บริการเนื่องจากสภาพอากาศที่มีหิมะตกหนัก หากใครที่จะแวะไปชิมอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมดแห่งนี้ อย่าลืมเช็ควันเวลาให้บริการที่เพจเฟสบุ๊ค Kashishokudo

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ประมาณ 15 นาที จากสถานี Kakunodate

    DS8_1267

    ถ้ามาเที่ยวจังหวัดอะกิตะแล้วโชคเข้าข้าง ก็จะได้เจอสุนัขพันธุ์อะกิตะ เหมือนเราที่ได้เจอ “เจ้าโมโม่จัง และเจ้ามารุคุง” ออกมาทักทาย รอต้อนรับอยู่หน้าร้านพอดี ซึ่งจริงๆ แล้วสุนัขพันธุ์อะกิตะเอง เป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างหายากในจังหวัดอะกิตะ ถ้ามาถึงจังหวัดอะกิตะแล้วไม่เจอถือเป็นเรื่องปกติ

    โมโม่จัง 2 ปี ขนสีน้ำตาล / มารุคุง 2 ปี ขนสีขาว

    DS8_1380

    DS8_1494


    สวน Former Ikeda Family Garden 

    หลังจากที่อิ่มท้องกับมื้ออาหารแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังจุดเช็คอินที่เป็นไฮไลท์ในวันนี้คือ สวนเก่าแก่ของตะกูลอิเคดะ หรือ Former Ikeda Family Garden ที่ถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น

    DS8_1585

    เจ้าของที่ดินแปลงนี้คือคุณอิเคดะ บุคคลที่มีอำนาจและสมบัติมหาศาลในจังหวัดอากิตะคนหนึ่ง ซึ่งเขาได้อุทิศเงินสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล หอสมุด หรือแมท้กระทั้งออกเงินเพื่อเลี้ยงอาหารกลางวันแก่เด็กๆ และอื่นๆ อีกมากมาย จนได้รับความเคารพยกย่องจากชาวอะกิตะ

    DS8_1588

    DS8_1613

    ที่สวน Ikeda Family Garden แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสวนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะทัศนียภาพของใบเมเปิ้ลสีแดงส้ม รวมกับวิวรอบๆ อย่างโคมไฟหินแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือ บ้านไสตล์ยุโรปดึงดูดให้ผู้คนมาเดินเล่น แชะรูปได้ไม่เบื่อ

    DS8_1717

    โคมไฟหินสามขาที่สูงถึง 4 เมตร ที่เป็นประติมากรรมอันปราณีตและงดงามแบบฉบับญี่ปุ่น 

    DS8_1706

    พื้นที่ภายในสวน Former Ikeda Family Garden กว้างถึง 42,000 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาคารแบบยุโรปที่รายล้อมด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่น สามารถเดินเข้าไปชมภายในตัวอาคารได้

    DS8_1637

    DS8_1639

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 10 นาที จากสถานี Omagari
    เวลาทำการ 9.00 – 16.00 น. ประตูปิด 15.30 น. (เปิดให้เข้าชม เฉพาะช่วงฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น *แนะนำว่าให้ไปตอนฤดูใบไม้ร่วงจะสวยเป็นพิเศษ)
    เว็บไซต์: Former Ikeda Family Garden

  • Misato Town Tourist Information Center 

    เมืองมิซาโตะ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำผุดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะเห็นกับบ่อน้ำใส หรือแอ่งน้ำขนาดเล็ก ชาวบ้านระแวกนี้มักจะนำน้ำที่ได้จากธรรมชาติไปล้างผัก ผลไม้บ้าง ช่วงฤดูร้อนก็นำแตงโม หรือผลไม้มาแช่น้ำให้เย็นฉ่ำบ้าง

    ถึงแม้จะเป็นน้ำที่ผุดขึ้นมาจากธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการกรองใดๆ น้ำกลับใส และไม่มีกลิ่น ว่ากันว่าสามารถดื่มแก้ดับกระหายในฤดูร้อนอีกด้วย

    DS8_2015

    DS8_2055

    DS8_2082

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 15 นาที จากสถานี Omagari
    เวลาทำการ 8.30 – 17.00 น. *หยุดวันที่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคม


    Misato-cho accommodation Exchange Center “Wakuasu“

    ทริปนี้เราได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมสถานที่เก็บตัวและฝึกซ้อมของนักกีฬาแบดมินตันประเทศไทยสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่ Misato-cho accommodation Exchange Center “Wakuasu”

    DS8_1759

    หลังจากที่ก้าวเข้าไปในอาคารด้านใน ก็ต้องสะดุดตากับเสื้อและลายเซ็นของนักแบดที่ตั้งโชว์อยู่ด้านหน้า แต่ความประทับใจที่เรารู้สึกได้ ไม่ใช่แค่มาเยี่ยมชมสถานที่เท่านั้น แต่เป็นการได้เห็นความสัมพันธ์ที่ญี่ปุ่นและไทยมีต่อกันต่างหาก เพราะชาวอะกิตะเองคอยส่งกำลังใจเชียร์นักแบดมินตันคนไทยด้วยนะ!

    DS8_1761

    DS8_1770

    Iirios

    อาคารฝึกซ้อมแบดมินตันของที่นี่ ทันสมัย เห็นแล้วน่าเข้าไปตีแบดสุดๆ เจ้าหน้าที่บอกว่านอกจากจะใช้เป็นสนามแบดแล้ว ก็ปรับให้เป็นสนามฟุตซอล และสนามบาสได้อีกด้วย

    DS8_1787

    DS8_1799

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 20 นาที จากทางด่วน Akita Expressway Omagari IC หรือประมาณ 30 นาที จากทางด่วน Akita Expressway Yokote IC


    Togaku Sakamoto Residence

    คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่นแห่งนี้ คือสมบัติที่ดินของตระกูลซากาโมโตะมอบให้เป็นของกำนัลแก่เมืองมิซาโตะ ถูกสร้างขึ้นเมื่อสมัยยุคปีค.ศ.1897 หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ซันริคุในปีค.ศ.1896 ปัจจุบันมีพื้นที่บางส่วนได้ถูกรื้อทิ้งออกไป แต่สวนสไตล์ญี่ปุ่นก็ยังคงสภาพแบบดั้งเดิมเอาไว้อยู่

    DS8_1819

    DS8_1834

    DS8_1822

    DS8_1850

    DS8_1949

    วิธีการเดินทาง นั่งรถบัสประจำทาง 30 นาที จาก Omagari Bus Terminal สถานี Omagari
    เวลาทำการ 9.00 – 17.00 น. ประตูปิด 16.30 น.*หยุดทุกวันจันทร์ และฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม ถึง มีนาคม


    New Japan roadside trees Hyakkei “pine, cedar tree” 

    ตื่นมาสูดอากาศตอนเช้าของฤดูใบไม้ร่วงที่ทางเดินต้นสน 1 ใน 100 สถานที่ทิวทัศน์สวยงามในประเทศญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นของทิวทัศน์สวยงามแห่งนี้ เกิดขึ้นเมื่อสมัยปีค.ศ.1897  ตระกูลซาคาโมโตะต้องการให้เมืองมิซาโตะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว จึงได้ริเริ่มโครงการปลูกแนวต้นสนนี้ขึ้นมา จนเวลาผ่านไปที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นทางเดินต้นสนแสนโรแมนติคไปโดยปริยาย


    Yokochan

    ร้านขายผักผลไม้ ผักดองและของแปรรูปแห่งนี้ คือร้านที่รณรงค์ให้ชาวบ้านใช้ของในท้องถิ่นที่ผลิตในท้องถิ่น รวมไปถึงของฝากที่หาซื้อได้เฉพาะเมืองมิซาโตะก็มีวางจำหน่าย

    สิ่งหนึ่งที่มาแล้วอยากให้ลองก็คือ Niteko Cider ไซเดอร์ที่ใช้น้ำจากบ่อน้ำนิเทโกะ รสชาติหวานละมุนเหมือนไซเดอร์ทั่วไปแต่ความซ่าไม่บาดคอ ทานคู่กับโดนัทถั่วเหลืองก็อร่อยไปอีกแบบ และเจลาโต้รสข้าว Akitakomachi

    DS8_2152

    DS8_2153

    DS8_2184

    DS8_2194

    เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น. (เม.ย.-ต.ค.) / 9.00 – 17.00 น. (พ.ย.-มี.ค.) *หยุดวันพฤหัสบดีที่ 2 และ 4 ของเดือน

  • Komatsuya

    มองเผินๆ ก็คงจะคิดว่าที่นี่เป็นนิทรรศการจัดโชว์แมลงสต๊าฟ แต่จริงๆ แล้วมันคือร้านขายขนมหวานต่างหาก ซึ่งของขึ้นชื่อของร้านนี้คือช็อคโกแลตรูปแมลงต่างๆ โดยเฉพาะตัวด้วง ที่หน้าตาของมันเหมือนแมลงสต้าฟจริงๆ แถมรสชาติก็อร่อยด้วย! ดูเพิ่มได้ที่เฟสบุคแฟนเพจ Komatsuya

    DS8_2202

    DS8_2225

    วิธีการเดินทาง เดินเท้า 10 นาที จากสถานี Yokote
    เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น. *หยุดทุกวันอังคาร


    Idehaya

    เมืองโยโคเตะ ถือเป็นเมืองต้นกำเนิดของเมนูยากิโซบะ มีร้านขายยากิโซบะด้วยกันกว่า 40 ร้าน แต่ร้านที่ได้รับการการันตีว่าอร่อยที่สุดในเมือง คือร้าน Idehaya

    DS8_2234

    DS8_2355

    ไข่ดาวเยิ้มๆ และเส้นหนานุ่ม ผัดซอสหวานสูตรเฉพาะของทางร้าน ทำให้เมนูจานนี้ไม่เหมือนยากิโซบะทั่วไป ไข่แดงที่คลุกเคล้ากับเส้น อร่อยจนละมุนลิ้นมากๆ ราคาจานปกติ 550 เยน /เพิ่มเนื้อวัว  860 เยน /เพิ่มพริก 650 เยน

    DS8_2344

    วิธีการเดินทาง เดินเท้า 10 นาที จากสถานี Yokote
    เวลาทำการ 11.00-13.30 น. / 17.30-22.00 น. *หยุดทุกวันจันทร์


    Yokote Kamakura

    พิพิธภัณฑ์โยโคเตะคามาคุระได้จำลองกระท่อมหิมะคามาคุระในอุณหภูมิ -10 องศา เพื่อให้คนได้เข้ามาชมได้ตลอดทั้งปี ด้านในมีบริการเช่าชุดกันหนาวแบบโบราณให้เปลี่ยนถ่ายรูปด้วยนะ เพื่อความเหมือนจริง

    DS8_2393

    DS8_2406

    ขากลับอย่าลืมแวะซื้อน้ำองุ่นรสเข้มข้น 100% ส่งตรงสดๆ จากฟาร์ม Osawa

    DS8_2445

    วิธีการเดินทาง เดินเท้า 10 นาที จากสถานี Yokote
    เวลาทำการ 9.00-17.00 น. *หยุดวันที่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคม
    เว็บไซต์ Yokote Kamakura


    Chida Fruit Farm

    ถิ่นกำเนิดแอปเปิ้ลพันธุ์อะกิตะ หวานฉ่ำ อยู่ที่ สวนผลไม้ Chida Fruit Farm เป็นสวนผลไม้ที่เปิดมายาวนานตั้งแต่ปีค.ศ. 1890 นอกจากแอปเปิ้ลพันธุ์อะกิตะ หรือชินาโนะสวีทแล้ว ยังมีแอปเปิ้ลอีกกว่า 14 สายพันธุ์ให้คุณได้ชิมความอร่อยกันแบบสดๆ  ใครชอบสายพันธุ์ไหนก็สามารถออกมาซื้อกลับบ้านได้ที่ร้านของฝากด้านหน้า

    DS8_2531

    DS8_2502

    DS8_2511

    DS8_2528

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 10 นาที จากสถานี Jumonji
    ค่าใช้จ่าย 500 เยน กินได้ไม่อั้น (เฉพาะแอปเปิ้ล) *กรุณาจองล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ


    Inaniwa Udon Sato Yosuke Urushigura Museum

    Inaniwa Udon หรืออุดงเส้นแบนของจังหวัดอะกิตะ ที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตด้วยมือทุกขั้นตอน มีรสสัมผัสนุ่ม และลื่นคอต่างจากเส้นอุด้งอ้วนๆ ทั่วไป หากคนไทยคนไหนมาแล้วคิดถึงอาหารไทยแต่ก็อยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่น เขาก็มีเมนูอุด้งแกงเขียวหวาน อุด้งแกงมัสมั่นอีกด้วย

    DS8_2534

    DS8_2573

    DS8_2588

    และร้านที่เรามาชิมอุด้งต้นตำรับในวันนี้คือร้าน Sato Yosuke Urushigura Museum อันเก่าแก่ เปิดตั้งแต่สมัยค.ศ. 1860 นอกจากจะเปิดเป็นร้านอุด้งแล้ว ยังมีโซนที่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์เอาไว้โชว์อุปกรณ์ รวมถึง กรรมวิธีการผลิตให้ลูกค้าได้ชมกันเพลินๆ

    DS8_2546

    DS8_2551

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 10 นาที จากสถานี Jumonji
    เวลาทำการ 9.00 – 17.00 น. (ส่วนของพิพิธภัณฑ์) / 9.00 – 17.00 น. (ส่วนของร้านค้า) / 11.00-15.00 น. (ส่วนของร้านอาหาร) *หยุดวันขึ้นปีใหม่ และวันจันทร์ (เฉพาะฤดูหนาว)
    เว็บไซต์ Sato-Yosuke


    Uchigura In Matsuda Town

    เข้ามาที่ถนนคุระ สองข้างทางที่เต็มไปด้วยบ้านญี่ปุ่นแบบโบราณ ซึ่งถ้ามองแค่ภายนอกจะไม่รู้เลยว่าด้านในบ้านจริงๆ คือโถงโกดังเก็บของสำคัญที่ดูโอ่อ่า (คุระในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าโถงโกดัง) เมื่อก้าวเข้าไปในบ้านจะพบกับโถงโกดังคุระ ที๋ซ่อนตัวอยู่หลังประตูบานไม้เก่า ปัจจุบันบางบ้านจะเปิดใช้คุระ หรือโกดังสำหรับเก็บสินสอดในงานพิธีมงคลเท่านั้น หรือบางทีก็ใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย

    DS8_2778

    DS8_2838

    DS8_2861

    DS8_2865

    DSC08186

    DSC08195

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 10 นาที จากสถานี Jumonji
    ค่าใช้จ่าย บางหลังสามารถเข้าชมได้ ในราคา 200 เยน
    เว็บไซต์ Uchigura


    Kurawo

    ระหว่างทางเดินในถนนคุระ เราแวะมาลิ้มลองอาหารที่ญี่ปุ่นที่ใช้ โคจิ เป็นส่วนประกอบสำคัญเกือบทุกเมนู โคจิที่ว่า คือการนำข้าวมาหมักกับโชยุ หรือมิโสะจนเกิดเป็นซอส เพื่อใช้ในการปรุงอาหารให้ได้สุขภาพที่ดีจากภายใน

    DS8_2991

    DS8_3002

    นอกจากจะใช้ปรุงอาหารแล้ว ยังนำมาใส่ในซอฟต์ครีม รสชาติหวานกลมกล่อมลงตัว

    DS8_3019

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 10 นาที จากสถานี Jumonji
    เวลาทำการ 10.00-16.00 น. / อาหารกลางวัน 11:30 น.-14:00 น. *หยุดทุกวันพุธ


    Michi No Eki

    แหล่งรวมตัวของแม่บ้านชาวอะกิตะคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ตลาดใกล้สถานี Jumonji ที่เพรียบพร้อมไปด้วยผักผลไม้ ปลาสด รวมไปถึงของฝากก็สามารถหาซื้อได้จบแบบครบครัน มาถึงจังหวัดอะกิตะทั้งทีแล้ว ของพลาดที่ไม่ควรพลาดคือ อิบุริกักโคะ หรือ หัวไชเท้าดองแบบรมควัน จะกินเป็นผักดองเครื่องเคียง หรือแกล้มเหล้าก็อร่อย

    DS8_3026

    DS8_3027

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 5 นาที จากสถานี Jumonji
    เวลาทำการ 9.00-19.00 น. / ฤดูหนาว (ธ.ค.-มี.ค.) 9.00-18.00 น.

  • Yamamo Miso and Soy Sauce Brewing Company

    ร้านขายโชยุในบรรยากาศไม้เก่า สัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็มไวน์เนอร์รี่ด้วยเฟอร์นิเจอร์และขวดโชยุที่เรียงรายนับร้อยระหว่างที่เจ้าของร้านพาทัวร์โรงบ่มโชยุและอธิบายถึงกรรมวิธีการผลิต กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมิโสะโชยุก็ลอยมาแตะจมูกเราตลอดทาง ทำให้อดใจไม่ไหว ต้องแวะซื้โชยุกลับบ้านติดไม้ติดมือ

    DS8_3127

    DS8_3151

    ไม่ไกลจากโรงบ่มโชยุ มีศาลเจ้า Hachiman , ศาลเจ้า Sui และตุ๊กตาฟาง Okashimasama ให้ได้แวะเช็คอินด้วย

    DS8_3106

    DS8_3107

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 10 นาที จากสถานี Jumonji
    เวลาทำการ 9.00-18.00 น. *หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 


    Abe Ryokan

    อีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ คือการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่หุบเขา Oyasu ระหว่างทางเราขึ้นเขาจะเห็นไอน้ำสีขาวจากแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นลอยฟุ้งขึ้นมาตัดกับใบเมเปิ้ลสีแดงดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

    พอยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะได้เจอกับเรียวคังเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หุบเขาสีแดงสดอย่าง Abe Ryokan โรงแรมแบบญี่ปุ่นที่คุณสามารถเข้าพัก นอนแช่ออนเซ็นท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีได้

    DS8_2618

    DS8_2651

    DS8_2668

    DS8_2678

    วิธีการเดินทาง นั่งรถยนต์ 45 นาทีจากสถานี Yuzawa