เมื่อเอ่ยถึง จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าเอ่ยว่า โกเบ หรือ ฮิเมจิ รับรองว่าทุกคนจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน โดยทั้ง 2 เมืองที่ว่ามานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจังหวัดขนาดใหญ่ที่เกือบจะมีพื้นที่พอๆกับเกียวโต, โอซาก้าและนารารวมกัน

จังหวัดใหญ่ขนาดนี้ เรื่องสถานที่เที่ยวก็ต้องมีเยอะตามแน่นอน โกเบกับฮิเมจิหลายคนคงไปเที่ยวจนทะลุปรุโปร่งกันมาแล้ว ครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่ยังเป็นที่รู้จักน้อย แต่ทว่ามีเสน่ห์สุดๆ ในจังหวัดนี้มีเมืองน้ำพุร้อนที่ดังมากๆ อยู่ด้วยกันถึง 2 แห่ง นั่นก็คือ เมืองน้ำพุร้อนอะริมะ (Arima Onsen) และ เมืองน้ำพุร้อนคิโนซะกิ (Kinosaki Onsen)

DSC_9745

การเดินทางในทริปนี้จะเป็นการลัดเลาะไปจากตอนล่างขึ้นไปทางตอนบน ทำให้ได้พบว่าระหว่างทางนั้นยังมีเมืองเก่าแก่ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซะซะยะมะ (Sasayama), ทะเคดะ (Takeda) และ อิซุชิ (Izushi) ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเมืองปราสาท (Castle town) ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และยังคงกลิ่นอายในวันวานไว้ได้อย่างสวยงาม

การเดินทางส่วนใหญ่นั้นจะต้องเป็นการขึ้นรถไฟและต่อรถบัส หรือต้องเช่ารถขับ จึงจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้หมด หากมีเวลาสัก 2 วัน จากโอซาก้าหรือโกเบ น่าจะกำลังดี สำหรับท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ครับ นอกจากนี้ยังมีบริการ Day Tour จาก Hankyu Travel ตั้งต้นจากเมืองหลักในคันไซ ด้วยราคาสุดประหยัด สามารถเลือกดูทัวร์ที่ถูกใจได้ที่นี่ >> Hankyu Travel

หรือติดต่อทางเฟซบุคแฟนเพจ >> ฮังคิวทราเวลไทยเเลนด์


เริ่มต้นกันที่เมืองโกเบ ย่านคิตะโนะ (Kitano Ijinkan) เป็นย่านเก่าแก่ที่มีอายุมากว่า 150 ปี ในอดีตเคยเป็นย่านพักอาศัยของชาวต่างชาติที่เดินทางมาค้าขาย ทำธุรกิจในเมืองโกเบตั้งแต่สมัยเมจิที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศทำการค้าขายกับชาวต่างชาติ ซึ่งท่าเรือโกเบนี้เอง เป็นจุดแรกที่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้า

ถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบจากสงครามและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้อาคารบ้านเรือนต่างๆเสียหายไปหลายหลัง แต่ในปัจจุบันบริเวณนี้ยังคงมีบ้านเรือนและคฤหาสน์หลังงามในสไตล์ตะวันตกหลงเหลือให้ได้ชมอยู่ จะเห็นได้จากสัญลักษณ์รูปไก่กังหันลมบนหลังคา (Weather Cock House)

โดยจุดหลักๆ จะเป็นบ้านที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์คฤหาสน์ให้เข้าชม อาคารสีเขียวอ่อน Moegi House ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นเรือนรับรองของกงสุลใหญ่อเมริกาในปี ค.. 1903 Teddy Bear Museum หรือจะเดินชมสวนสมุนไพร Nunobiki Herd Garden ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ นอกจากบ้านและคฤหาสเก่าแก่แล้ว ก็มีจะร้านกาแฟ เบเกอรี่ ที่ตกแต่งน่ารักๆอยู่ในย่านนี้อีกหลายร้านให้ได้นั่งพัก ดื่มกาแฟพร้อมชมบรรยากาศสบายๆ และที่พลาดไม่ได้ก็คือ ร้านสตาร์บัคที่เข้ากับย่านนี้สุดๆ

สถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกในย่านคิตะโนะ

DSC08901

สถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกในย่านคิตะโนะ

DSC08908

ย่านคิตะโนะ (Kitano Ijinkan)
ค่าเข้าชม: ราคาไม่เท่ากันตามแต่ละพิพิธภัณฑ์
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 18.00 .
วันปิดทำการ: เปิดทำการทุกวัน
วิธีการเดินทาง รถไฟ: จากสถานี Shin-Kobe หรือสถานี Sannomiya เดิน 10-15 นาที


อะริมะอนเซ็น (Arima Onsen) เป็น 1 ใน 3 บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหลักอย่างโอซาก้าและโกเบ สามารถเดินทางได้ง่ายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

DSC08521

อะริมะอนเซ็น เป็นหมู่บ้านที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของภูเขารอคโคะ (Mt.Rokko) ที่อนเซ็นแห่งนี้ประกอบไปด้วยน้ำพุร้อนหลายบ่อ อาทิเช่น บ่อสีทอง (Kin no yu) หรือที่รู้จักกันในนามของ Gold Spring เนื่องมาจากธาตุเหล็กทำให้น้ำจะมีสีน้ำตาลแดงคล้ายสนิม หรือจะเป็นบ่อสีเงิน (Gin no yu) ซึ่งมีน้ำใสไม่มีสี เต็มไปด้วยแร่ธาตุคาร์บอเนตเรเดียมที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผลและโรคภัยต่างๆ ที่เปิดให้เป็นบ่อสาธารณะสามารถเข้าไปลองแช่ดูได้

บ่อสีทอง (Kin no yu)

DSC08511

บ่อสีเงิน (Gin no yu)

DSC08498

ตาน้ำภายในหมู่บ้าน

DSC_9703

หรือจะเลือกเข้าพักในเรียวกัง ที่พักแบบญี่ปุ่น และผ่อนคลายในอนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติบนภูเขา และที่ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปขอพรคือ ศาลเจ้าโทเซ็น (Tousen Jinja) นั้นเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าผู้ปกป้องคุ้มครองอะริมะอนเซ็นแห่งนี้

DSC_9695

หลังจากแช่น้ำร้อนผ่อนคลายแล้วออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศของย่านช้อปปิ้งบริเวณถนนสายหลัก ถนนไทโกะ (Taiko-dori) นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อของฝากและสินค้าที่ระลึกได้จากที่นี่อีกด้วย

DSC08518

Gin no yu Onsen
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 550 เยน, เด็ก 290 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อ (Kin no Yu & Gin no Yu) ราคา 850 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อและค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ (Taiko-no-yu Museum) ราคา 1,000 เยน
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 21.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 20.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน, วันขึ้นปีใหม่, เปิดในวันนักขัตฤกษ์และปิดทำการในวันถัดไป

Kin no yu Onsen
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 650 เยน, เด็ก 340 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อ (Kin no Yu & Gin no Yu) ราคา 850 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อและค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ (Taiko-no-yu Museum) ราคา 1,000 เยน
เวลาเปิดปิด: 8.00 – 22.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 21.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของเดือน, วันขึ้นปีใหม่, เปิดในวันนักขัตฤกษ์และปิดทำการในวันถัดไป

วิธีการเดินทาง
จากสถานี Umeda ในโอซาก้า : โดยสารรถบัสของบริษัท JR หรือ Hankyu Bus ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
จากสถานี Sannomiya ในโกเบ: โดยสารรถบัสของบริษัท JR หรือ Hankyu Bus ใช้เวลาประมาณ 30 นาที


เมืองซะซะยะมะ (Sasayama) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของจังหวัดเฮียวโงะ เมืองเก่าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 โดยท่านโชกุน Tokugawa Ieyasu ได้มีคำสั่งให้สร้างปราสาทซะซะยะมะ (Sasayama Castle) เพื่อใช้ป้องกันกบฏจากปราสาทโอซาก้า ในภายหลังท่านโชกุนได้ยกให้ท่าน Aoyama ซึ่งเป็นข้าราชบริพารของท่านได้สืบทอดการดูแลปราสาทหลังนี้ต่อไป โดยมี Dai-shoin อาคารไม้ขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางบัญชาการของปราสาท

จากนั้นในปีค..1944 ถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ อาคารหลังใหม่จึงได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน ปีค..2004 โดยได้รับความร่วมมือจากชาวเมืองที่ช่วยบริจาคเพื่อบูรณะปราสาทขึ้นใหม่

DSC08532

Dai-shoin อาคารไม้ขนาดใหญ่ใช้เป็นศูนย์กลางบัญชาการของปราสาท

DSC08543

นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเที่ยวบริเวณรอบๆย่านเมืองเก่าแห่งนี้ สัมผัสกับประสบการณ์เที่ยวชมบรรยากาศของบ้านซามูไรในสมัยเอโดะ Anmas Bukeyashiki บ้านซามูไรหลังสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน ในอดีตบ้านแห่งนี้เป็นที่อาศัยของเหล่าบรรดากบฏ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเหล่าซามูไรในสมัยก่อนว่ามีความเป็นอยู่กันอย่างไรบ้าง

ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเกษตรกรรมชื่อดัง โดยผลผลิตที่มีชื่อเสียงของเมืองซะซะยะมะได้แก่ถั่วแดงอะซึกิ (Azuki Redbean) และถั่วดำ (Kuromame Bean) เหล้าสาเกและยังมีเห็ดมัสสึซะเกะที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน

นอกจากที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว อีกหนึ่งเทศกาลที่ไม่ควรพลาดคือ Tamba Sasayama Cherry Blossom Festival หรือเทศกาลชมดอกซากุระที่ซากปราสาทซะซะยะมะ นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมเดินทางมาชมความสวยงามของซากุระมากกว่า 1,000 ต้นที่พร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานสะพรั่งทั่วบริเวณปราสาทซะซะยะมะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อีกทั้งในช่วงกลางคืนยังมีการแสดง Light-up เพื่อช่วยเพิ่มความตื่นตาตื่นใจในการชมดอกซากุระอีกด้วย

e-018ขอบคุณภาพจาก Travel Hyogo

ซากปราสาทซะซะยะมะ (Sasayama Castle Ruins) และห้องโถง Sasayama Castle Oshoin
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 400 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย 200 เยน, เด็กอายุ 6-15 ปี 100 เยน
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 17.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 16.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดทำการในวันถัดไป)

บ้านซามูไรโบราณ Buke-yashiki Samurai House Anma’s Historical Museum
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 200 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย 100 เยน, เด็กอายุ 6-15 ปี 50 เยน
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 17.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 16.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดทำการในวันถัดไป)

วิธีการเดินทาง จากโอซาก้า : จากสถานี Osaka โดยสารรถไฟสาย JR Fukuchiyama ลงที่สถานี Sasayamaguchi ใช้เวลาประมาณ 75 นาที


ซากปราสาททาเคดะ (Takeda Castle Ruins) เจ้าของฉายา “Castle in the Sky” ที่ได้ชื่อเรียกนี้เพราะว่า วันที่อากาศเหมาะสมในช่วงเช้าหมอกรวมตัวหนาเราสามารถมองเห็น ฐานของปราสาทราวกับลอยอยู่เหนือท้องฟ้า และยังถูกขนานนามว่าเป็น Machu Pichu ของญี่ปุ่น ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เหลือแค่ตัวฐานของปราสาทเท่านั้น ตัวฐานตั้งอยู่บนเขาที่เมืองอะซะโงะ (Asago) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)

takeda 1

ปราสาททาเคดะ (Takeda-jo) ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ราวปีค..1431 ขนาดของฐานปราสาทวัดจากด้านเหนือใต้ 400 เมตร และ ตะวันออกตะวันตก 100 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือระดับน้ำทะเล 353 เมตร สามารถมองเห็นตัวเมืองได้ 360 องศา และในปีค.. 1943 ได้รับการอนุรักษ์ และขึ้นทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์

takeda 3

ทะเลหมอก มีจุดกำเนิดมาจากแม่น้ำมะรุยะมะ (Maruyama-gawa) ที่อยู่เบื้องล่าง หมอกจะลอยสูงขึ้นไปในอากาศจนถึงระดับกลางๆ ของภูเขา ทำให้เราสามารถมองเห็นฐานปราสาทล้อมไปด้วยทะเลหมอกคล้ายกับปราสาทลอยอยู่บนท้องฟ้า วิวนี้จะยิ่งสวยขึ้นไปอีกถ้ามีแสงแรกจากพระอาทิตย์ขึ้นในตอนรุ่งเช้าสะท้อนแสงสีทองไปบนเมฆ

ช่วงฤดูที่เหมาะสมสำหรับการขึ้นเขาชมวิวทะเลหมอกรอบฐานปราสาท เริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิ จะเห็นทะเลหมอกได้ ในช่วงเช้ามืดไปจนถึงหลังพระอาทิตย์ขึ้น (ไม่เกิน 8 โมงเช้า หรือแล้วแต่สภาพอากาศ) ช่วงที่ดีที่สุดเป็นตอนฤดูใบไม้ร่วงสามารถชมวิวนี้ได้สวยที่สุด โอกาสที่จะเห็นทะเลหมอกอยู่ที่เฉลี่ย 7-10 ครั้งต่อเดือน ในช่วงเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ร่วง

นอกจากการเที่ยวชมทะเลหมอกแล้ว ที่นี่ยังสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี โดยช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะบานเต็มสวน ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขารอบๆ ก็เต็มไปด้วยสีสัน และช่วงฤดูหนาว ทั้งภูเขาจะปกคลุมได้ด้วยหิมะ สำหรับครั้งนี้ที่ไปมาเป็นช่วงหน้าร้อน กลางเดือนพฤษภาคม แดดจะค่อนข้างแรง ฟ้าโปร่ง เมฆน้อย แต่ทางเดินขึ้นเขาจะมีร่มเงาต้นไม้ตลอดทาง พอขึ้นถึงด้านบนก็จะมีลมโชยเย็นๆให้พอหายเหนื่อย

7.-ทางเดินขึ้นฐานปราสาท

ซากปราสาททาเคดะ (Takeda Castle Ruins)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่และเด็กมัธยมปลายขึ้นไป 500 เยน สำหรับเด็กมัธยมต้นและเด็กเล็กไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาทำการ :
ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เปิดเวลา 8.00 – 18.00 .
ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม เปิดเวลา 6.00 – 18.00 .
ช่วงเดือนกันยายน พฤศจิกายน 4.00 – 17.00 .
ช่วงเดือนธันวาคม – วันที่ 3 มกราคม 10.00 – 14.00 . (อาจมีเปลี่ยนแปลง)
วันปิดทำการ : ตั้งแต่ช่วง 4 มกราคม – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์
วิธีการเดินทาง จาก Himeji : โดยสารรถไฟสาย JR Bantan ลงที่สถานี Takeda ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง


สำหรับนักเดินทางอย่างเราที่ต้องการการอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา ทริปนี้ได้ตัวช่วยในการอัพเดทตลอดทั้งทริปอย่างไม่มีสะดุดด้วยพ็อกเก็ตไวไฟจาก Wi-Ho ที่ไม่ว่าจะเดินทางไกลแค่ไหน สัญญาณก็แรงดีไม่มีตก รับประกันคุณภาพครับ จองได้ที่นี่ >> Wi-Ho Thailand

หรือติดต่อได้ทางแฟนเพจ >> WiHo ประเทศไทย

DSC02165


เมืองอิซุชิ (Izushi) เมืองเล็กๆ ที่น่าสนใจทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka เมืองที่มีประวัติศาสตร์รุ่งเรืองมายาวนานกว่า 200-300ปี ตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะจนได้สมญานามว่า “Little Kyoto” เมืองอิซุชิได้ชื่อว่าเป็นเมืองปราสาท (Castle town) ที่ยังคงกลิ่นอายจากอดีตมาจวบจนปัจจุบันไว้ได้อย่างสวยงาม

DSC_9850

สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนี้ก็คือ Shinkoro หอนาฬิกาไม้โบราณขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อปีค.. 1871 และยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน

DSC08653

เดินทางไปชม ซากปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle Ruins) แต่เดิมปราสาทแห่งนี้มีชื่อว่า ปราสาทอะริโกะยะมะ (Arikoyama Castle) สร้างขึ้นในปีค.. 1504 ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาอะริโกะยะมะ ใช้เพื่อเป็นหอสังเกตุการณ์ข้าศึกในสมัยอดีต

DSC08654

จากนั้นในปีค.. 1604 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายลง หลงเหลือไว้เพียงบางส่วนและซากปรักหักพัง อีกทั้งในช่วงยุคสมัยเมจิ ตัวปราสาทได้พังลงมาทั้งหมด จากนั้นจึงได้มีการบูรณะบางส่วนเช่น หอคอย, กำแพงหิน, คูน้ำ, ประตูและส่วนของสะพานไม้ที่บรรดาซามูไรจะใช้เพื่อข้ามขึ้นไปยังตัวปราสาท ด้านบนจะมีศาลเจ้า สังเกตได้จากเสาโทริดิสีแดงตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ ภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทอิซูชิ

นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงของฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระหลายร้อยต้นพร้อมใจกันเบ่งบานอวดความสวยงามกันเต็มพื้นของปราสาท อีกทั้งเมืองปราสาทของอิซูชิยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของประเทศ

DSC_9852

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองอิซุชิ ก็คือการลองชิมซารุโซบะชื่อดังของเมืองนี้หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ อิซุชิโซบะ (Izushi Soba) โซบะแบบต้นตำหรับทานซุปดาชิ, ต้นหอม,วาซาบิต่อด้วยตอกไข่ออนเซนลงในซุป ปิดท้ายด้วยโทโรโรอิโมะ (Tororo Imo) มันป่าที่นำมาบดและกวนจนยืดเหนียว โดยมีวิธีการเสริฟที่แปลกไปจากที่อื่น คือปริมาณเส้นโซบะ 1 คนทานจะแบ่งเส้นโซบะเป็น 5 จานเล็กๆ จนมีคำเปรียบเปรยกันว่าถ้าหากใครสามารถทานโซบะจนเรียงจานเท่าความสูงของตะเกียบได้ นั่นคือคุณได้ทานอาหารแบบผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้ว

DSC_9841

DSC_9839

ปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle)
เวลาทำการ: 10.00-18.00 .
วันปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน

วิธีการเดินทาง จากโอซาก้า : โดยสารรถไฟ LTD.EXP. Konotori or Hamakazeลงที่สถานี Toyooka ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Zentan Busที่หน้าสถานี JR Toyooka ใช้เวลาประมาณ 30 นาที


อีกหนึ่งสถานที่ในรีวิวนี้ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสมาเยือนจังหวัดเฮียวโงะ หมู่บ้านน้ำพุร้อนคิโนะซะกิ (Kinosaki Onsen Town) ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka หมู่บ้านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมบ้านเรือนเป็นแบบคลาสสิกโบราณ ที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิริมฝั่งแม่น้ำจะเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง

จุดเด่นของที่นี่ได้แก่น้ำพุร้อนอนเซ็นจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติไม่เพียงแต่จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าเท่านั้นแต่ยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมายที่จะช่วยบำรุงผิวและมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคภัยต่างๆ ได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ที่ต้องการประสบการณ์การเข้าพักในสไตล์ญี่ปุ่นนี่มีที่พักแบบเรียวกังให้ได้เลือกมากมายให้เลือกพักผ่อน อีกทั้งผู้ที่เข้าพักที่เรียวกังในหมู่บ้านคิโนะซะกิอนเซ็นจะสามารถเข้าใช้บริการอนเซ็นสาธารณะได้ทุกที่ในเมืองอีกด้วย

DSC_9817

Ashiyu อนเซ็นสำหรับแช่เท้าสาธารณะ

DSC_9785

เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Toyooka นักท่องเที่ยวสามารถมาขอข้อมูลการท่องเที่ยวได้จาก ศูนย์ให้บริการข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว Kinosaki Onsen Tourist Information (SOZORO Tourist Information Center) ตั้งอยู่ติดกับสถานี JR Toyooka เพียงไม่กี่ก้าว ที่นี่ยังมีไวไฟและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ให้บริการฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว เวลาทำการ : 9.00 – 18.00 น.

DSC08624

นักท่องเที่ยวสามารถโดยสาร กระเช้าไฟฟ้าคิโนะซะกิ (Kinosaki Ropeway) เพื่อขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามด้านบนจุดชมวิว ด้านบนสามารถมองเห็นวิวของเมือง, แม่น้ำมะรุยะมะ (Maruyama River)ไปจนถึงทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) แบบพาโนรามา

DSC08616

วัดอนเซนจิ (Onsenji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่บนภูเขาไทชิ (Mount Taishi) ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองคิโนะซะกิ สร้างขึ้นในปี ค.. 738 บริเวณห้องโถงกลางยะคุชิโด (Yakushido) ของวัด เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม 11 เศียรที่สูงถึง 2 เมตร ซึ่งจะเปิดให้ได้เข้าสักการะทุกๆ 33 ปี โดยมีระยะเวลาเปิดให้ชมเพียงครั้งละ 3 ปี ครั้งต่อไปจะเป็นในช่วงปี ค.. 2018 ถึง 2021 นอกจากนี้บริเวณด้านหลังวัดยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะคิโนะซะกิ (Kinosaki Art Museum) อีกด้วย

กระเช้าไฟฟ้าคิโนะซะกิ (Kinosaki Ropeway)
ค่าเข้าชม: ไปกลับ ผู้ใหญ่ 900 เยน, เด็ก 450 เยน เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 460 เยน, เด็ก 240 เยน
เวลาทำการ : 9.10 – 16.45 . (รอบสุดท้าย 16.45 . และรอบสุดท้ายลงเวลา 17.10 .)
วันปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน
การเดินทาง : จากสถานี Kinosakionsen ไป Kinosaki Ropeway เดินประมาณ 20 นาที


เมื่อมาถึงเมืองอนเซ็นที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนคิโนะซะกิ (Kinosaki Onsen Town) สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือบ่อน้ำพุร้อนของที่นี่ โดยบ่อน้ำพุร้อนของคิโนะซะกิอนเซ็น

DSC_9762

DSC_9766

นอกจากจะมีบ่อตามเรียวกังแล้วยังมีแบบ Public Bath ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเข้าใช้ได้มีด้วยกัน 7 สถานที่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Satono-yu, Jizou-yu, Yanagi-yu, Ichino-yu, Goshono-yu, Mandara-yu และสุดท้าย Kouno-yu โดยทั้ง 7 ที่นั้น ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน สามารถเดินถึงกันได้ โดยผู้ที่มาใช้บริการเป็นคนแรกของแต่ละที่ของแต่ละวันจะได้รับของที่ระลึกเป็นแผ่นเหล็กสลักว่าได้มาเยือนเป็นคนแรกอีกด้วย

DSC08612

บ่อน้ำพุร้อนคิโนะซะกิ อนเซ็น (Kinosaki Onsen Spring Bath)

1. Satono-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 400 เยน
เวลาทำการ : 13.00 – 21.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันจันทร์

2. Jizou-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันศุกร์

3. Yanagi-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 15.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันพฤหัสบดี

DSC_9748

4. Ichino-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันพุธ

5. Goshono-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 400 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : วันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน

6. Mandara-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 15.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันพุธ

7. Kouno-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันอังคาร

DSC_9754


ถ้ำเก็นบุโด (Genbudo Cave) ตัวถ้ำเกิดจากการทับถมฟอร์มตัวของหินภูเขาไฟที่เย็นตัวลงจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อ 1.6 ล้านปีก่อน หินที่นี่มีรูปทรง 6 เหลี่ยม และมีความแข็งแรงคงทน จึงนำไปใช้สร้างสิ่งปลูกสร้างมากมายในอดีต รวมไปถึงกำแพงที่อยู่เลียบคลองในเมืองน้ำพุร้อนคิโนซากิด้วย ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Kinosaki Onsen โดยถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตมรดกทางธรณีวิทยา San’in Kaigan Geopark

DSC08634

DSC_9820

DSC08630

ถ้ำเก็นบุโด (Genbudo Cave)
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา
การเดินทาง : จากสถานี Toyooka โดยสารรถไฟสาย JR Saninhon ลงที่สถานี Genbudo จากนั้นนั่งเรือข้ามมาฝั่งถ้ำได้เลย


สถานที่สุดท้ายสำหรับรีวิวนี้ เอาใจน้องๆหนูๆด้วยการพาไปชม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคิโนะซะกิมารีนเวิลด์ (Kinosaki Marine World)

info

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งของทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโชว์สุดน่ารักและแสนรู้ของสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาโลมา สิงโตทะเล หรือเพนกวิน

options

จากที่นี่ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของปราสาทกลางทะเลริวงุโจ (Ryugujo) ที่ตั้งอยู่บนผาหินขนาดใหญ่ ห่างออกไปจากชายฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร

seaขอบคุณภาพจาก Marine World

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคิโนะซะกิมารีนเวิลด์ (Kinosaki Marine World)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 2,470 เยน, เด็กอายุ 6-15 ปี 1,230 เยน, เด็กอายุ 3-5 ปี 620 เยน
เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 16.30 .)
ช่วงวันที่ 20 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม เปิดทำการ 9.00 – 18.00 .
และช่วง Golden Week , ช่วงฤดูร้อนและช่วงเทศกาล O-bon สามารถเช็คเวลาทำการได้ทางเว็บไซต์
วันปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน
การเดินทาง จากสถานี Kinosaki Onsen โดยรถบัสและรถแท็กซี่ ลงที่ป้ายรถบัส Hiyoriyama bus stop จากนั้นเดินต่อ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที และปั่นจักรยาน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ : Marine World


บริการ Day Tour จาก Hankyu Travel ตั้งต้นจากเมืองหลักในคันไซ ด้วยราคาสุดประหยัด สามารถเลือกดูทัวร์ที่ถูกใจได้ที่นี่ >> Hankyu Travel