รีวิวนี้จะพาไปเที่ยว จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) กันครับ หลายคนอาจยังไม่คุ้นชื่อจังหวัดนี้ แต่ถ้าพูดถึงเมืองหลักอย่าง โกเบ ที่ติดกับโอซาก้า แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า โกเบคือทุกอย่างของเฮียวโกะ แล้วล่ะก็ เราคงยังไม่รู้จักดีนัก เพราะจังหวัดนี้กว้างใหญ่มาก ถึงขนาดที่ว่ามีอาณาเขตจากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคข้ามไปถึงฝั่งทะเลญี่ปุ่นเลยทีเดียว

hyogo_map

หลายๆคนคงเคยไปเที่ยวเมืองดังๆในจังหวัดนี้อย่าง ฮิเมจิ และ คิโนซะกิอนเซ็น กันมาบ้างแล้ว เพราะสองเมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องท่องเที่ยวไม่แพ้เมืองไหนในญี่ปุ่น และครั้งนี้เราจะพาไปทำความรู้จักมุมใหม่ๆในเฮียวโกะเพิ่มขึ้นอีก เผื่อว่าใครมาเที่ยวคันไซบ่อยแล้ว จะได้มีไอเดียวางแผน ได้ไปที่แปลกใหม่กันบ้าง

โดยในครั้งนี้เราบินลงสนามบินคันไซ และเช่ารถขับเที่ยวตามเมืองต่างๆ ทั้ง 5 เมือง (แต่สามารถวางแผนโดยใช้รถไฟเที่ยวก็ได้เช่นกัน) ใช้เวลาทั้งหมด 3 วันเต็มๆ ตามไปเที่ยวกันได้เลยครับ

  • เริ่มกันที่ เมืองอะคะชิ (Akashi) เมืองที่ตกปลาหมึกเยอะที่สุดเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น มาที่นี่จะได้ลิ้มลองปลาหมึกในทุกรูปแบบ และในภาพนี้ก็คือถนนสายช้อปปิ้ง จริงๆเรียกตลาดสดน่าจะเหมาะกว่า ที่ชื่อว่า ตลาดอุโอโนะทะนะ (Uonotana Shotengai) โดยตลาดแห่งนี้เปิดมาเป็นเวลา 450 ปีแล้ว มีร้านค้าทั้งหมด 110 ร้าน ตลอดระยะทาง 350 เมตร

    การเดินทาง: จากสถานี Osaka โดยสารรถไฟ JR ขบวนด่วน LTD. EXP KANI KANI HAMAKAZE ลงสถานี Akashi ใช้เวลา 40 นาที และเดินต่อมาอีก 5 นาที

    DSC01441

    ภายในตลาดมีแต่ปลาหมึกเต็มไปหมด

    DSC01443

    DSC01445

    และเมื่อมาถึงที่นี่ มีเมนูที่ต้องลอง ก็คือ ทะมะโกะยะกิ (Tamagoyaki) ที่ชื่อคล้ายทะโกะยะกิ แต่ว่าไม่ใช่สิ่งเดียวกัน มีอีกชื่อเรียกตามชื่อเมืองว่า อะคะชิยะกิ (Akashiyaki) และต้องมากินที่ ร้านทะโคะอิโซะ (Takoiso) ซึ่งมี 2 สาขาตั้งอยู่ในตลาดอุโอะโนะทะนะแนะนำว่า ให้เดินเข้ามาทานสาขา 2 ที่อยู่ในตรอกเล็กๆฝั่งตรงข้าม เพราะสาขาแรกคนจะเยอะกว่าต้องรอคิว

    DSC01460

    โดยจะใช้ไข่ล้วนๆเป็นวัตถุดิบหลักไม่มีแป้ง มาย่างเป็นม้วนกลมๆ แล้วสอดไส้ ปลาหมึกทะโกะ และ ปลาไหลอะนะโกะ รสสัมผัสช่างนุ่มนวล อร่อยจนกินหมดเรียบ 10 ลูกในพริบตา จานนี้สนนราคาเพียง 700 เยนเท่านั้น และอย่าลืมสั่งข้าวปลาหมึกทะโกะเมชิ (Takomeshi) มาทานคู่กันด้วยนะครับ จานเล็ก 400 เยน ใหญ่ 700 เยน

    DSC01447

    ฝาท่อเมืองอะคะชิ

    DSC01465

    นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ทำจากปลาหมึกมากมายให้เลือกซื้อ อีกหนึ่งเมนูที่น่าลองก็คือ ทะโกะทะมะโกะ (Takotamago) แปลตรงตัวก็ปลาหมึกไข่ ซึ่งเอาไข่นกกระทายัดเข้าไปตรงส่วนหัวของปลาหมึก เคี้ยวได้กรุบๆ ราคา 300 เยน หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป เดินๆยังไงก็ต้องเจอ

    DSC01482

  • มาเที่ยว เมืองฮิเมจิ (Himeji) กันต่อ ซึ่งสามารถขึ้นรถไฟขบวนด่วน จากสถานี Akashi มาได้เลย ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น

    แน่นอนว่ามาถึงเมืองนี้ จะมีอะไรเด่นไปกว่าปราสาทฮิเมจิไม่ได้ แต่ขอแนะนำให้มาเดินเที่ยว วนโคโคเอ็น (Kokoen) ที่อยู่ติดกับปราสาทซะก่อน เชื่อว่าถ้าใครชอบบรรยากาศโบราณและสวนญี่ปุ่นจะต้องหลงไหลที่นี่ เพราะถึงขนาดละครหลายเรื่องยังมาใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำละครย้อนยุคเลย

    ในอดีตเราไม่สามารถเข้ามาเดินเล่นอย่างนี้ได้ ถ้าไม่ได้สืบถอดเชื้อสายของบุคคลสำคัญ แต่ทางรัฐบาลได้ถือโอกาสเฉลิมฉลองที่เมืองฮิเมจิครบรอบ 100 ปี เปิดให้สาธารณชนเข้ามาชมได้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1992 นั่นเอง

    • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
    • ค่าเข้าชม: 300 เยน
    • เว็บไซต์
    • การเดินทาง: จากสถานี Himeji เดิน 15 นาที

    DSC01490

    DSC01494

    บริเวณสวน Oyashiki no niwa (Garden of Lord)

    DSC01503

    ช่วงนี้ดอกบ๊วยเริ่มผลิดอกสวยงามให้ชมกันแล้ว

    DSC01511


    เดินต่อมาอีกไม่ไกลก็ถึง ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ฉายาปราสาทนกกระเรียนขาว ที่อยู่มาทุกยุคตัวจริงเสียงจริง ไม่ว่าจะแผ่นดินไหว หรือแม้แต่สงครามโลก ก็ยังรอดมาได้ และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย

    ถ้ามีโอกาสต้องเข้ามาชมว่าปราสาทแบบดั้งเดิมนั้นเป็นอย่างไร เพราะด้านในยังคงโครงสร้างในอดีตไว้ให้ชมอย่างดี ไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่เหมือนปราสาทโอซาก้า แต่งานนี้ต้องเผื่อเวลาเดินสักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงครึ่งนะครับ

    • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (เข้าได้ถึง 16.00 น.)
    • ค่าเข้าชม: 1,000 เยน (แต่ถ้าซื้อตั๋วคอมโบกับสวนโคโคเอ็น จะเหลือ 1,040 เยน ประหยัดไป 260 เยน)
    • เว็บไซต์

    DSC01524

    DSC01530

    มุมยอดนิยมในการถ่ายละคร ถ้ามาช่วงเดือนเมษายน บริเวณนี้จะมีต้นซากุระบานตลอดทาง

    DSC01537

    ภายในยังคงโครงสร้างดั้งเดิมไว้

    DSC01546

    ขึ้นมาถึงด้านบน จะเป็นหอคอยชมวิว มองเห็นได้ไกลถึงสถานี HImeji

    DSC01549

    ในช่วงสงคราม ปราสาทฮิเมจิรอดจากระเบิดมาได้ เพราะว่าปกคลุมปราสาทไว้ด้วยสีดำ

    DSC01556


    เดินจนเมื่อย ก็ต้องขอพักกันบ้าง แต่จะพักแบบธรรมดาคงไม่ได้ ขอแนะนำ ร้านอาหารที่วิวดีที่สุดในเมือง ที่ร้าน Castle Egret Mille ดื่มด่ำวิวปราสาทฮิเมจิแบบเต็มๆตา พร้อมอาหารชั้นดี ในราคามิตรภาพ อาหารชุดไคเซกิ เริ่มต้นคนละ 3,240 เยนเท่านั้น

    • เวลาทำการ: มื้ออาหารเย็น 17.00-21.30 น.
    • การเดินทาง: เดินจากปราสาทฮิเมจิประมาณI 7 นาที
    • เว็บไซต์

    DSC01582

    DSC01586


    มื้อเย็นจบไป แต่ค่ำคืนนี้เรายังไม่จบง่ายๆ ต้องตามมาดริงก์กันต่อที่บาร์ VOL DE NUIT ชั้นบนสุดของโรงแรม Hotel Nikko Himeji ตั้งอยู่ติดกับสถานี Himeji เลย

     

    DSC01628

    ถ้าใครยังไม่กลับโอซาก้า จะเที่ยวแถบนี้ต่อในวันรุ่งขึ้น แอดมินก็ขอแนะนให้พักโรงแรมนี้เลยครับ รับรองเรื่องความสะดวก สนนราคาต่อคืน เริ่มต้นที่ 11,000 เยน

    DSC01622

  • ใครว่าแถบคันไซไม่มีลานสกี จังหวัดเฮียวโกะนี้นั้น ถ้ายิ่งขึ้นเหนือมาเรื่อยๆ ก็จะเป็นภูเขาซึ่งมีทั้งออนเซ็นดีๆมากมาย และมีหิมะตกชุกในช่วงต้นปีอีกด้วย

    รีสอร์ทมิเนะยะมะโคเก็น (Mineyama Kogen Resort) ที่ เมืองคันซะกิ (Kanzaki) เป็นอีกหนึ่งสกีรีสอร์ทที่สามารถมาจากโอซาก้า หรือสนามบินคันไซได้สะดวกที่สุด หรือจะมาจากฮิเมจิก็ได้เช่นกัน เพราะว่ารถบัสวิ่งตรงอำนวยความสะดวกให้ทุกทิศทาง

    มาแต่ตัว แล้วมาเช่าอุปกรณ์เล่นสกี สโนว์บอร์ด รวมไปถึงกิจกรรมทางหิมะได้ที่นี่ โดยเฉพาะถ้ามีเด็กๆ ก็สามารถพามาได้ เพราะว่าทางรีสอร์ทแบ่งโซนที่เป็น Kid’s park ไว้ได้น่าสนุกมากๆครับ

    • การเดินทาง: จากสถานี Himeji โดยสารรถไฟ LTD. EXP KANI KANI HAMAKAZE ลงที่สถานี Teramae ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นมีบริการรถชัทเทิลบัสมาส่งที่รีสอร์ท
    • เว็บไซต์

    DSC01644

    DSC01645

    DSC01655

    โซน Kids Park สำหรับเด็กๆ ผู้ใหญ่ก็เล่นได้ด้วยนะ

    DSC01658

    DSC01664

    มีร้านอาหารให้เลือกทานหลากหลายท่ามกลางหิมะ

    DSC01671

    และมีบาร์ให้บริการในช่วงกลางคืนด้วย

    DSC01682

    ในส่วนของบริเวณที่พัก Mineyama Kogen Resort

    DSC01696

    บรรยากาศจากระเบียงห้องพัก สวยแทบขาดใจ

    DSC01697

    มีออนเซ็นให้บริการ

    DSC01698

    มีกิจกรรมใส่รองเท้าเดินบนหิมะให้สนุกกันด้วย

    DSC01701

    วิวด้านนอกโรงแรม

    DSC01702

    ทริปนี้มาเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งที่แอดมินไม่พลาดพกมาด้วยทุกครั้งก็คือ Tripizee Pocket Wi-Fi ที่บอกทุกครั้งว่า ใช้เองแล้วดีจริง สัญญาณดี แบตทนทาน พกง่าย แชร์ได้หลายคน แถมราคาคุ้มค่าสุดๆ เริ่มต้นที่ 150 บาท สนใจจองได้ >> ที่นี่ และในเดือนมีนาคมนี้มีโปรวันแรก 0 บาท เพียงพิมพ์ zerobaht ฟรีทันที 1 วัน  สำหรับการจอง 5 วันขึ้นไป

    DSC01703


    เล่นหิมะแล้วทำให้อยากซอฟท์ครีมตะหงิดๆ ระหว่างเดินทางไปเมืองถัดไป เราแวะชิมซอฟท์ครีมรสพริกไทย! ที่เอาเม็ดพริกไทยสดๆมาผสมลงไปในเนื้อซอฟท์ครีม!! ของแปลกแบบนี้ต้องยกให้พี่ยุ่นเค้า ที่ชอบเอาของดีโอทอปท้องถิ่นมาประยุกต์ได้กับทุกอย่าง ส่วนเรื่องรสชาติ ต้องบอกว่า อร่อยเหลือเชื่อ แบบได้กลิ่นพริกไทยสดๆแต่ไม่เผ็ดเลยสักนิด

    DSC01707

  • มื้อเที่ยงไฮไลท์ประจำวัน คือ ทานข้าวสะท้านความหนาวในบ้านหิมะ ที่เรียกกันว่า คะมะคุระ โดยสถานที่นี้ชื่อว่า Tajima Highland Natural Pure Garden ตั้งอยู่ใน เมือง (Kami)

    DSC01713

    DSC01715

    เมนูหลักของที่นี่ก็คือ เนื้อทาจิมะ (Tajima Beef) ที่เป้นต้นกำเนิดของเนื้อวัวแสนอร่อยทั้งปวงของญี่ปุ่น

    DSC01721


    และที่เมืองนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของ สถานีรถไฟ Amarube ฉายาสถานีลอยฟ้า (Sora no Eki) อายุนับร้อยปี ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว โดยสถานีนี้ที่ตั้งอยู่บนสะพาน เวลาจะขึ้นไปใช้บริการต้องขึ้นลิฟท์ใสบน หอคอยอะมะรุเบะคริสตัล (Amarube Crystal Tower) ขึ้นไปยังชานชาลา ที่อยู่สูงถึง 47 เมตร

    • เว็บไซต์
    • การเดินทาง: จากสถานี Toyooka โดยสารรถไฟ JR สาย San’in Main Line ลงที่สถานี Amarube ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (หรือถ้ามาจากฝั่ง Tottori ก็ได้เช่นกัน)

    DSC01848

    DSC01849

    ในอดีตเคยมีเรื่องเศร้า เนื่องจากสะพานที่เป็นรางรถไฟนี้ ตั้งอยู่ระหว่างเขาสองลูกและหันหน้าเข้าสู่ทะเล ในวันที่ลมแรงมากๆ รถไฟจะไม่สามารถวิ่งได้ แต่มีอยู่วันหนึ่งซึ่งมีลมแรงพัดมาแบบคาดไม่ถึง และสะพานไม่สามารถป้องกันรถไฟได้แน่นหนาเพียงพอ จนทำให้รถไฟร่วงลงสู่พื้น มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการ์ณนี้

    DSC01876

    ทางการจึงสร้างรางรถไฟขึ้นมาใหม่ ให้แข็งแรงขึ้นและมีที่กำบังแน่นนหนา แต่ก็ไม่ได้ทำลายรางรถไฟเดิมเอาไว้ ขนานกับรางใหม่ เก็บเป็นอนุสรณ์ให้ชนรุ่นหลังได้มาชม และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในที่สุด

    DSC01850

    DSC01853

    DSC01857

    DSC01864

    DSC01885

  • แวะช้อปกระเป๋า ที่ถนนสายกระเป๋าชื่อดัง คะบังสตรีท (Caban Street) ของ เมืองโทโยโอกะ (Toyooka) ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของญี่ปุ่นจากสุดยอดช่างฝีมือของเมืองโทโยโอกะ ที่ไปโด่งดังถึงเวทีระดับโลกมาแล้ว

    • เว็บไซต์
    • การเดินทาง: จากสถานี Toyooka เดินประมาณ 15 นาที

    DSC01890

    ร้านที่เราเลือกไปชมในครั้งนี้ เป้นแบรนด์ดังชื่อ ARTPHERE

    DSC01892

    กระเป๋าลายดาร์ธเวเดอร์ จากร้าน Artphere ที่ขายดีจนผลิตแทบไม่ทัน

    DSC01898

    ความน่ารักของถนนสายนี้ อยู่ที่ ตู้กดกระเป๋าผ้าอัตโนมัติ ใครไปมาก็ต้องแวะมาถ่ายรูปที่นี่

    DSC01906


    จากนั้นมาเที่ยวต่อที่อุทยานทางธรรมชาติ ถ้ำเก็นบุโด (Genbudo) หินทรงหกเหลี่ยมที่เกิดจากลาวาที่ไหลมาจากภูเขาไฟที่ปะทุเมื่อ 1.6 ล้านปีก่อน เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติซันอินไคกัง (San’in Kaigan GEO Park) คุณสมบัติพิเศษของหินที่นี่คือมีแร่ธาตุเหล็ก ซึ่งสามารถดูดแม่เหล็กได้

    • เว็บไซต์
    • การเดินทาง: จากสถานี Toyoka โดยสารรถไฟ JR ลงสถานี Gembudo ใช้เวลา 6 นาที

    DSC01924

    การก่อตัวของหินเกิดจากแมกม่าที่ไหลลงมาแล้วปะทะกับความเย็น จนแข็งตัวตกผลึกเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม (คล้ายกับกระดองเต่า) ทอดตัวยาวเป็นเสาแนวนอน (มีลักษณะคล้ายงู) จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า เก็นบุ (Genbu)

    DSC01933


    ปิดท้ายกันที่เมืองน้ำพุร้อนที่ชิคที่สุดของญี่ปุ่นอย่า คิโนซะกิอนเซ็น (Kinosaki Onsen) ที่มีตำนานมากว่า 1,200 ปี และยังคงเป็นหนึ่งในออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เป็นอีกเมืองสุดโปรดของแอดมินเลยครับ ทางเราเคยทำรีวิวไว้แล้ว สามารถไปอ่านได้ >> ที่นี่

    • การเดินทาง: จากสถานี Toyooka โดยสารรถไฟ JR ขบวน LTD. EXP KONOTOR ลงสถานี Kinosaki Onsen ใช้เวลา 10 นาที
    • ดูข้อมูลอัพเดทได้ที่ >> Visit Kinosaki

    DSC01945

    บริเวณด้านหน้าสถานี

    DSC01946

    DSC01948

    ซะโตะโนะยู (Satonoyu)

    DSC01949

    DSC01952

    แวะทานมื้อกลางวันที่ร้าน Okesho Sengyo Kaichuen

    DSC01953

    นอกจากการเดินแช่ออนเซ็นทั้ง 7 บ่อจะเป็นไฮไลท์ของที่นี่แล้ว อีกความสนุกที่ไม่ควรพลาดคือเดินตระเวนชิมของอร่อยๆ ตามร้านรวงและคาเฟ่ที่เปิดเรียงรายมากมาย รอบนี้ที่ได้ลองไปก็มี ชีสทาร์ตโรยผงช็อกโกแลตเป็นรูปปู / ซาลาเปาไส้เนื้อปู / โรลเค้กครีมสดมัทฉะ / โทฟูโดนัทกับมัทฉะลาเต้ โดยเฉพาะอันสุดท้ายเป็นคาเฟ่เปิดใหม่ ชื่อ Kinosaki Tokiwa Garden ตั้งอยู่ใกล้กับ Jisouyu

    DSC01962

    คาเฟ่เปิดใหม่ แนะนำว่าต้องไปนั่งให้ได้

    DSC01978

    จิโซยู (Jisouyu)

    DSC01977

    DSC01976