มาถึงตอนที่ 2 ของเส้นทาง Diamond Route ที่มีเส้นทางการเดินทางคล้ายกับรูปทรงของเพชร โดยตอนแรกเราออกเดินทางจากโตเกียว ไปเที่ยวกันที่จังหวัดโทชิงิกันไปแล้ว มาถึงตอนนี้ จะพาเดินทางขึ้นเหนือมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) กันอีกครั้ง

อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่นี่ >> ตามรอยใบไม้เปลี่ยนสี บนเส้นทาง Diamond Route ตอน 1 : โทชิงิ (Tochigi)

เช้านี้ เราตั้งต้นที่สถานีรถไฟ Tobu Kinugawa Onsen ออกเดินทางสู่จังหวัดฟุคุชิมะ

ด้านหน้าสถานี Kinugawa Onsen มีอนเซ็นแช่เท้าสาธารณะไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่มารอขึ้นรถไฟ

การเดินทาง จากสถานี Kinugawa Onsen ในจังหวัดโทจิงิ โดยสารรถไฟสาย Tobu Revalty ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Aizu-Tajima จากนั้นโดยสารรถไฟสาย Aizu Tetsudo เพื่อไปลงที่ สถานี Yunokami Onsen

ความพิเศษของสถานีรถไฟแห่งนี้คือ เป็นสถานีรถไฟเก่าแก่แห่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่อยู่ในญี่ปุ่น ด้วยสถาปัตยกรรมมุงหลังคาด้วยหญ้าฟางคายะบูกิให้ความรู้สึกคลาสสิค ด้านในสถานีมีเตาผิงไฟอิโรริสำหรับนั่งผิงไฟในช่วงฤดูหนาว หนังสือการ์ตูนให้นั่งรออ่านรอรถไฟพร้อมชาเขียวร้อนให้ชงดื่ม

ด้านข้างสถานีมีอนเซ็นแช่เท้าสาธารณะให้ใช้บริการฟรี นั่งแช่เท้าชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมรถไฟวิ่งผ่านไปผ่านมาก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ


ย้อนเวลากลับไปยังอดีต เดินทางไปชมความสวยงามของ หมู่บ้านโออุจิจูคุ (Ouchijuku) ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา หมู่บ้านโบราณที่มีอายุหลายร้อยปีตั้งแต่สมัยเอโดะ หมู่บ้านแห่งนี้ครั้งนึงเคยใช้เป็นที่พักและเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคม การค้าที่เชื่อมต่อระหว่าง อาณาจักรไอซุ และเมืองอิไมจิในอดีต

จากสถานี Yunokami Onsen เราโดยสารรถบัสนำเที่ยวย้อนยุคโบราณซึ่งวิ่งรับส่งระหว่างสถานี Yunokami Onsen และ หมู่บ้านโบราณ Ouchijuku ราคาไปกลับเพียง 1,000 เยน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

เมื่อมาถึง หมู่บ้านโบราณโออุจิจูคุ จะได้พบกับบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนาๆเรียงรายกันสองฝั่งระยะทางประมาณ 500 เมตร ตลอดทางจะพบกับบ้านโบราณประมาณ 40 – 50 หลัง

เมื่อราวปี พ..2524 หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งในปัจจุบันบ้านโบราณหลายหลังในหมู่บ้านได้รับการบูรณะใหม่ ให้กลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารและที่พักแบบญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

อีกจุดเด่นหนึ่งของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน บริเวณร่องทางน้ำไหลสองฝั่งถนนที่คั่นระหว่างบ้านและถนน น้ำจะใสมากและเย็นสดชื่นมาก นักท่องเที่ยวจึงมักจะได้เห็นภาพที่ชาวบ้านกำลังนำลังเครื่องดื่มมาแช่ไว้ในทางน้ำไหลนี้ เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์เฉพาะตัว ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาพบเห็นได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่เป็นกันเองสบายๆตามแบบวิถีของชาวบ้าน

และเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่อยากให้พลาดลองชิม โซบะต้นหอมยักษ์ (Negi-Soba) คือเมนูเส้นโซะโรยหน้าด้วยหัวไชเท้าขูดและปลาโอแห้งขูดฝอย แต่ความแปลกที่ไม่เหมือนที่ไหนคือเวลารับประทาน จะใช้ต้นหอมยักษ์ (Negi) แทนตะเกียบ ทำหน้าที่เกี่ยวเส้นโซบะขึ้นมาทาน ในขณะที่ทานก็จะกัดต้นหอมไปในเวลาเดียวกันทำให้ได้รสชาติที่อร่อยไม่เหมือนที่ไหนเลย

โดยในช่วงที่เราเดินทางมานั้นจะเป็นช่วงฤดูการจับปลาอายุ ร้านอาหารต่างๆที่นี่ จะนำปลาอายุสดๆมาทาเกลือแล้วปิ้งบนเตาถ่านอิโลริทานคู่กับโซบะต้นหอมยักษ์ช่วยเพิ่มความอร่อยได้อีกด้วย

อิ่มท้องกันแล้วแนะนำให้เดินไปจนสุดทางของหมู่บ้านจะมีทางแยกเป็นบันไดขึ้นบนภูเขา จุดนี้จะเป็นบันไดที่นักท่องเที่ยว สามารถเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพมุมสูงของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ได้อย่างทั่วถึง

หมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุ (Ouchijuku)
เวลาเปิดทำการ : 09.00-16.00 .
วันหยุดทำการ
: เปิดทำการทุกวัน
ค่าเข้าชม
: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง
: จากสถานี Koriyama โดยสารรถไฟสาย JR Ban-etsu- West มาลงที่สถานี Aizu-Wakamatsu จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Aizu-Railway for Aizu-Tajima เพื่อไปลงที่สถานี Yunokami Onsen ใช้เวลาประมาณ 36 นาที ราคา 1,030 เยน จากนั้นโดยสารรถบัสนำเที่ยวย้อนยุคโบราณไป–กลับ ราคา 1,000 เยน หรือสามารถนั่งแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ Ouchijuku


จากนั้นโดยสารรถไฟขบวนพิเศษ “Oza-Toro-Tembo Train” รถไฟชมวิวบนเสื่อทาทามิ ที่วิ่งระหว่างสถานี Yunokami Onsen ไปลงที่สถานี Aizu-Wakamatsu ความพิเศษของรถไฟชมวิวชนิดนี้คือประกอบด้วย 3 ตู้ ขบวนรถไฟขบวนนี้จะไม่ใช่เพียงแค่เบาะนั่งธรรมดาเหมือนรถไฟทั่วไป แต่จะมีความพิเศษโดยชื่อรถไฟนี้ได้มาจากชื่อโบกี้ในขบวนทั้ง 3 แบบรวมกันนั่นเอง

“Oza” มาจาก Ozashiki รถไฟขบวนแบบเบาะนั่งบนพื้นปูด้วยเสื่อ “ทาทามิ” นั่งในโต๊ะโคทัสสึหรือโต๊ะผ้าห่มที่เอาไว้นั่งตอนหน้าหนาวเพิ่มความอบอุ่น

“Toro” มาจาก Torroko ขบวนรถไฟที่เหมาะสำหรับการนั่งเพื่อชมวิวที่รายล้อมโดยรอบเกือบ 360 องศา ด้วยหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นสูงจรดเพดาน

“Tembo” เป็นรถไฟแบบเปิดโล่ง โดยในช่วงฤดูร้อน รถไฟขบวนนี้จะทำการถอด หน้าต่างออกเพื่อให้ลมพัดผ่าน ให้บรรยากาศแบบกินลมชมวิวของจริง แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวจะให้บริการแบบรถไฟปกติแทนการถอดหน้าต่างออก

รถไฟขบวน Oza-Toro-Tembo จะวิ่งแค่เฉพาะช่วงเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน และจะวิ่งในช่วงวันหยุดเท่านั้น แต่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นจะทำการวิ่งทุกวัน และมีแค่ 3 รอบต่อวันเท่านั้น

สนนราคาค่ารถไฟจากสถานี Yunokami Onsen มาถึงสถานี Aizu-Wakamatsu แบบรถไฟธรรมดาราคาเที่ยวละ 1,030 เยน และบวกกับค่านั่งรถไฟขบวนพิเศษ Oza-Toro-Tembo อีก 310 เยน รวมเป็น 1,340 เยน

สามารถตรวจสอบเที่ยวรถได้จากเว็บไซต์ >> Ozatoro

ด้านในรถไฟยังมีตู้ไปรษณีย์สีแดงให้ผู้โดยสารสามารถเขียนโปสการ์ดแล้วหยอดใส่ตู้ได้เลย

ภาพบรรยากาศสวยๆของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีบนขบวนรถไฟสาย Oza-Toro-Tembo

ไม่นานนักรถไฟจะวิ่งไปผ่านที่ สถานี Ashinomaki Onsen เพื่อแวะทักทายนายสถานีสุดหล่อ พบแมวนายสถานีสุดน่ารักชื่อ “Love” ที่เพิ่งจะเข้าประจำการเมื่อปี 2016 ต่อจากนายสถานี “Bus” ที่เพิ่งจะจากไป ที่จะคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังชมวิวสวยๆของสถานีได้อีกด้วย

เมื่อมาถึง สถานี Aizu-Wakamatsu เราเดินทางไปยังร้านเช่าชุดกิโมโนที่ร้าน Kakure Gura Aiya เพื่อจะแต่งชุดกิโมโนเดินเล่นชมเมืองเก่าแห่งนี้ โดยสามารถนั่งรถบัสมายังร้านแห่งนี้ได้

โดยสารรถบัสสีเขียวหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Yuubinkyoku Mae หรือหากต้องการความสะดวกสามารถโดยสารรถแท็กซี่จากหน้าสถานีมาที่ร้านเลยก็ได้ ค่าเช่าชุดกิโมโนของร้าน Kakure Gura Aiya จะเริ่มต้นที่ราคา 3,500 เยนเป็นต้นไป (ปิดให้บริการในวันพุธ)

จากนั้นเดินทางไปยังร้านคาเฟ่ชื่อดัง Aizu Ichibankan ร้านกาแฟบรรยากาศ Retro อบอุ่น ตั้งอยู่ติดกับหออนุสรณ์ฮิเดโยะ โนงุจิ (Hideyo Noguchi Memorial Hall) เป็นหอที่รำลึกถึงท่านโนงุจิ ผู้วิจัยวัคซีนสำหรับรักษาโรคไข้เหลือง และยังเป็นผู้ค้นพบสาเหตุของโรคซิฟิลิสเมื่อปี ค.. 1911

โดยชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านในด้านการค้นพบและการวิจัยเพื่อมนุษยชาตินั้น ทำให้ท่านได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นก็ยกย่องท่านโดยการนำรูปภาพของท่านไปพิมพ์อยู่บนธนบัตร 1,000 เยนอีกด้วย

อาคารหอรำลึกถึง Noguchi Hideyo

เมนูแนะนำของร้าน Aizu Ichibankan ที่ใครแวะมาแล้วไม่อยากให้พลาดชิม พุดดิ้งสาเก รสชาตินุ่มหอมหวานทำจากเศษของสาเกทำให้มีรสอ่อนๆ ทานคู่กับกาแฟโบราณหรือชาร้อนที่ใช้น้ำผึ้งแท้ 100% แทนน้ำตาล ส่วนใครที่ชอบเครื่องดื่มเย็น แนะนำน้ำแอปเปิ้ล อีกหนึ่งผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดฟุกุชิมะ

พุดดิ้งสาเก

 บรรยากาศภายในร้านกาแฟ

วิธีการเดินทางก็ไม่ยาก โดยสารรถบัส Haokari San (สีเขียว) มาลงที่ป้ายรถบัส Noguchi Hideyo Seisyun Kan

สำหรับการเดินทางในฟุคุชิมะจบลงเพียงเท่านี้ ติดตามรีวิวเปิดประสบการณ์ใหม่กับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีบนเส้นทางสาย Diamond Route ตอนสุดท้ายที่จังหวัดอิบะระกิได้ในครั้งต่อไปครับ