ตอนที่แล้วพาไปทัวร์บ่อนรกมาแล้ว 4 บ่อ มาเที่ยวกันอีก 4 บ่อที่เหลือต่อเลยครับ
อ่านตอนที่แล้วได้ที่นี่ Oita: ทัวร์บ่อนรกทั้งแปดที่เบปปุ (ตอน 1)
ยักษ์ตัวสีแดง Aka-Oni ยืนต้อนรับอยู่บนหม้อต้มโดดเด่นอยู่ตรงหน้าทางเข้า
ด้านในมีทั้งหมด 6 บ่อเล็ก ซึ่งจะมีลักษณะต่างกันออกไป
ที่นี่คือ Kamado Jigoku かまど地獄 ชื่อนี้มีความหมายว่า บ่อนรกเตาอบ เพราะโดยในอดีตที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ใช้ในการปรุงอาหารนั่นเอง ยักษ์ที่ยืนอยู่บนหม้อปรุงอาหารนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่
เป็นบ่อที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นโบราณกับญี่ปุ่นโมเดิร์นไว้ได้อย่างลงตัวทีเดียว
ภายในมีบริการน้ำพุร้อนแบบสำหรับดื่มให้ด้วย และยังมีน้ำพุร้อนกลิ่นลาเวนเดอร์ ให้ได้ลองสัมผัสกลิ่นกันอีก
เมื่อตอนที่แล้วไปฟาร์มจระเข้ที่อยู่ในบ่อนรกกันมาแล้ว คราวนี้เราจะไปเที่ยวสวนสัตว์ในบ่อนรกกันบ้าง
Yama Jigoku 山地獄 มีทั้งสิงโต ฮิปโป ชิมแพนซี แต่ที่ประทับใจ แบบสุดๆคงต้องเป็นฝูงนกฟลามิงโก้ ที่เดินสวยนวดนาดสะบัดคนที่ส้มอมชมพูระเรื่อให้เราได้ยลโฉมกัน ชมสัตว์โลกน่ารักกันเสร็จแล้ว เดินต่อมาที่บ่อถัดไปเลยครับ ระหว่างที่เดินก็อย่าดูเพลินจนเลยเวลาเค้าปิดนะครับ เพราะส่วนใหญ่เปิดถึงแค่ 5 โมงเย็นเท่านั้น
Umi Jigoku 海地獄 บ่อแห่งนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟราว 1200 ปีที่แล้ว มีความลึกมากถึง 200 เมตร น้ำที่เห็นเป็นสีฟ้าใสราวกับท้องทะเล ที่นี่จึงใช้คำว่าทะเลตั้งชื่อบ่อซะเลย
ถ้าใครมาช่วงเดือนพ.ค.ถึงเดือนพ.ย. Victoria Amazonicas หรือดอกบัวยักษ์ที่นี่จะบานและเราสามารถเข้าไปยืนถ่ายรูปด้านในได้ด้วย น่าไปสุดๆ ส่วนตัวคิดว่าบ่อนี้สวยงามที่สุดแล้ว อาจจะเป็นเพราะด้วยขนาดและวิวรอบข้าง ถ้ามาช่วงใบไมร่วง ใบไม้ก็จะสลับกันเปลี่ยนสี
บ่อนี้มีขนาดกว้างใหญ่มากพอที่จะสร้างสวนญี่ปุ่นได้ ร่มรื่นย์และสง่างามมากครับ
ที่นี่มีดอกไม้นานาพันธุ์ผลัดกันออกดอกงดงามมาก เลยได้ภาพดอกไม้สวยๆ มาฝากกันครับ
นี่ก็เริ่มเย็นมากแล้ว ต้องรีบพุ่งตัวไปบ่อสุดท้ายแล้ว
บ่อนี้เป็นบ่อโคลนมีชื่อเรียกว่า Onishi Bōzu Jigoku 鬼石坊主地獄
บ่อนี้มีลักษณะพิเศษคือจะมีฟองโคลนเดือดปุดๆขึ้นมาตลอดเวลา คนญี่ปุ่นบอกว่าดูคล้ายๆกับหัวของพระ เลยเอามาใช้เป็นชื่อเรียกของบ่อนี้ โคลนที่นี่เป็นสีเทา ไม่เหมือนของที่อื่นที่เป็นสีแดง นั่งเฝ้าดูเวลามันปุดๆขึ้นมาก็แปลกดีครับ
เดินเที่ยวเล่นซะเพลิน 3 ชั่วโมงผ่านไปไวมาก มาถึงตรงนี้แล้วเมื่อยขาอย่างรุนแรง เพราะเดินขึ้นเนินมาตลอด จะให้เดินลงไปก็ไม่ไหวละ โชคดีที่ป้ายรถบัสด้านข้าง พาไปส่งถึงที่ Beppu Station เลย งานนี้เลยได้พักยาวระหว่างทางกลับ โชคดีเจอซากุระต้นใหญ่อยู่ตรงหน้าตอนที่รอรถอยู่ เลยเก็บภาพน้องซากุระงามๆมาฝากกัน
รถบัสรอบนี้วิ่งลงเขาและเลาะเรียบชายฝั่งทะเลกลับมาทางเดิม จำได้ว่าขาไปมองเห็น Beppu Tower เลยตั้งใจว่าขากลับจะแวะ เพื่อที่จะได้ขึ้นไปชมวิวเมืองเบปปุ ตอนเย็นและตอนกลางคืนควบกันไปเลย
Beppu Tower 別府タワー ถึงแม้จะไม่ได้มีความสูงมากนัก แต่มีความเก่าแก่มาก ถือว่าเป็นหอคอยลำดับต้นๆของญี่ปุ่น เลยทีเดียว สร้างขึ้นในช่วงปี 1956-57 เดิมทีใช้เป็นแลนมาร์คของเมืองแต่ในปัจจุบันได้ทำหน้าที่เป็นหอส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์
เทศกาลไฟที่เขาโอกิ Mt. Ogi Fire Festival 扇山火祭り
สมัยเริ่มสร้างหอคอย
Beppu Tower มีความสูง 100 เมตร สามารถขึ้นไปหอชมวิวได้ที่ระดับ 55 เมตร ค่าขึ้นชมคนละ 300 เยน
ภาพมุมสูงของเมืองเบปปุ
ที่ตัวหอคอยด้านนอกมีป้ายไฟคำว่า Asahi Beer ประดับตอนกลางคืนด้วย
ถ้ามีเวลาแค่ 1 วันน่าจะเที่ยวเก็บได้ประมาณนี้ แต่ถ้าใครมาพักมากกว่านี้ ลองแวะไปสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้นะครับ ยังมีอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น Mt.Takasaki Monkey Park หรือ Umitamago Auarium น่าไปทั้งนั้น หรือถ้าใครที่ชื่นชอบคาแรคเตอร์ของ Sanrio แวะไปที่ Harmonyland ได้ครับ ดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ Beppu Sightseeing