การเดินทางครั้งนี้มีไฮไลต์คือ รถไฟขบวนใหม่ล่าสุดของ Tobu Railway สายรถไฟที่พวกเราคุ้นเเคยกันอย่างดี ตอนนี้มีรถไฟขบวน SPACIA X Tobu Limited Express ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน หรูหรามากๆ โดยจุดหมายคือ เมืองนิคโก้ จะพาไปเที่ยวโซนโอคุนิคโก้ (Oku-Nikko) ที่มีศูนย์กลางคือทะเลสาบจูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) หลังจากนั้นไปเก็บสถานที่เที่ยวอันซีนในเมืองอุทซึโนะมิยะ (Utsunomiya) และนอนค้างที่นี่ก่อนกลับเข้าโตเกียว


SPACIA X Tobu Limited Express

รถไฟขบวนใหม่ล่าสุดของ Tobu Railway มุ่งหน้าจากสถานี Tobu Asakusa ไปยัง นิกโก้ และ คินุกาวะออนเซ็น รถไฟถูกออกแบบอย่างหรูหราโดยผสมผสานความงามของนิกโก้ที่สามารถสัมผัสและรู้สึกได้ระหว่างการเดินทาง 

ภายในมีทั้งหมด 6 ตู้โดยสาร นอกจากที่นั่ง Standard และ Premium แล้วยังมีห้องส่วนตัว Compartment, ที่นั่งโซฟา Box seat และ ห้องโดยสารสุดหรูที่หัวขบวนรถทั้งสองฝั่ง คือ Cockpit Suite และ Cockpit Lounge 

ครั้งนี้เราออกเดินทางรอบเช้า เดินทางจากอาซาคุสะ ไปสถานี Tobu Nikko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เรียกได้ว่าผ่านไปไวมากๆ เป็นการเดินทางที่แสนสบาย ได้นั่งในห้องคอมพาร์ตเมนต์แบบส่วนตัว สุดพิเศษ แนะนำเลยสำหรับใครที่มีแผนการเดินทางไปนิคโก้ครั้งหน้า ไม่อยากให้พลาดจริงๆ

ห้องส่วนตัว Compartment

ทริปนี้มากับแขกคนพิเศษ คุณกัน นภัทร

ที่นั่งแบบ Premium


Tobu World Square

ธีมปาร์คย่อส่วนโลกในไซส์มินิที่ดีเกินคาด ส่วนตัวเคยได้ยินชื่อ Tobu World Square มานาน ตั้งแต่เคยมานิคโก้ครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ต้องยอมรับว่าไม่ได้คิดว่าเป็นเป้าหมายต้นๆในการไป เพราะสถานที่ส่วนใหญ่เคยไปเห็นของจริงมาแล้ว ทำไมถึงต้องไปดูของย่อส่วนอีก ก็เลยยังไม่เคยไปสักครั้ง แต่พอได้ไปแล้ว กลับต้องทิ้งความคิดแบบเดิมไปทันที เพราะมันสุโก้ยมากกก 

ไม่เพียงแต่สถานที่ที่คัดเลือกมาจัดแสดงจะมาจากทั่วโลกจำนวนมากมายแล้ว ในส่วนของคะแนนงานละเอียดเอาไปเลยเต็มร้อย เก็บได้ครบทุกดีเทลจริงๆ เดินชมแล้วมีแต่ทึ่งกับทึ่ง ว่าทำออกมาได้ยังไงให้สมจริงขนาดนี้ และถ้าใครเดินทางไปญี่ปุ่นกับเด็กๆ นี่เป็นอีกสถานที่ที่เหมาะจะพาไปเรียนรู้มากๆ ช่วงที่ไปก็มีนักเรียนญี่ปุ่นมาทัศนศึกษากันเยอะ เดินทางรอบโลกได้ เพียงมาที่ Tobu World Square 

ธีมปาร์คแห่งนี้จัดแสดงมรดกโลกทางวัฒนธรรมของ UNESCO 48 แห่ง และสถานที่สำคัญจาก 102 ประเทศ ที่ถูกสร้างสรรค์อย่างประณีตในสเกล 1/25 เห็นครบทุกรายละเอียดราวกับเป็นกัลลิเวอร์สูง 45 เมตร แบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 โซน คือ Modern Japan, America, Europe, Egypt, Japan และ Asia ที่มีวัดอรุณของไทยด้วย

อีกทั้งที่นี่ยังแฝงไปด้วยแนวคิดที่อยากปกป้องวัฒนธรรมทางสถาปัตยกรรมของโลก ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ทรงคุณค่า ที่เราอยากจะทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง เพราะปัจจุบันมีแหล่งมรดกหลายแห่งที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ด้วยภัยที่มาจากเงื้อมมือของมนุษย์ ดังนั้นขั้นตอนแรกที่เราสามารถทำได้ เพื่อปกป้องและอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกคือ การเรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งมรดกโลก และซึมซับในคุณค่าของการมีอยู่ 

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 2,800 เยน เด็ก 1,400 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Tobu Asakusa ขึ้นรถไฟโทบุ ขบวน Limited Express ลงสถานี Tobu World Square ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
  • เว็บไซต์
  • พิกัด

แวะทานมื้อเที่ยงเป็นของขึ้นชื่อ Nikko Yuba กันที่ร้าน Magokoro ด้านในนะ อร่อยมากๆ

ซอฟครีมช็อกโกแลตรสชาติเข้มๆแบบผู้ใหญ่ และ โดนัทเต้าหู้ ดีงาม

Chuzenji Cruise

ทะเลสาบจูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการปะทุของภูเขาไฟนันไต (Nantai) ราว 2 หมื่นปีก่อน เป็นต้นกำเนิดของ ธารน้ำที่กลายเป็น น้ำตกเคะกอน (Kegon Falls) นั่นเอง ด้านทิศตะวันออกของทะเลสาบยังเป็นที่ตั้งของเมืองน้ำพุร้อนชื่อว่า “จูเซ็นจิ ออนเซ็น” (Chuzenji Onsen) ที่มีทั้งที่พัก ร้านค้า ร้านอาหารท้องถิ่น และ เรือท่องเที่ยวชมทะเลสาบจูเซ็นจิที่มีทิวทัศน์เปี่ยมความเป็นธรรมชาติ 

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการล่องเรือ Lake Chuzenji Boat Cruise เรือสำราญลำใหม่เปิดตัวในช่วงฤดูร้อน ปี 2017 รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 500 คน มีห้องโดยสารแบบมีแอร์และมีชั้นลอยฟ้า เรือลำนี้ใช้พลังงานโซลาร์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพลิดเพลินกับวิวพาโนรามาสีสดใสของใบไม้แรกผลิ ที่เราเดินทางไปช่วงกลางพ.ค. อากาศยังเย็นสบายสดชื่น หรือช่วงเดือนต.ค. ชมใบไม้เปลี่ยนสีรอบทะเลสาบจูเซ็นจิจากบนเรือที่สะดวกสบาย รับรองว่าตลอดระยะเวลา 55 นาทีที่อยู่บนเรือ จะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของนิกโก้ที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน

  • เวลาทำการ: 9.30-15.30 น. (มีเรืออกทุก 1 ชั่วโมง)
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,680 เยน เด็ก 840 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Tobu Nikko ขึ้นรถบัส ลงป้าย Chuzenji Onsen ใช้เวลา 45 นาที เดินต่อ 5 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด


Nikko Astraea Hotel

โรงแรมสไตล์รีสอร์ทแห่งเดียวใน Kotoku Onsen ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาตินิคโก้ โอบล้อมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของโอคุนิกโก้ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เหมือนเดิม เพราะแม้แต่จะตัดกิ่งไม้เพียงกิ่งเดียว ก็ต้องได้รับอนุญาตก่อน เนื่องจากตั้งอยู่ในอุทยาน ช่วงที่เราเดินทางไปกลางพ.ค. อากาศเย็นสบายเพียง 14 องศา

ที่นี่มีบ่อออนเซ็นกลางแจ้ง Mori-no-Hoshi ที่น้ำแร่มาจากแหล่งต้นทางโดยตรง มีสีเขียวมรกต จากความเข้มข้นของซัลเฟอร์มากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่มีประโยชน์หลายประการ เช่น ลดอาการปวดจากเส้นประสาท และไวต่อความเย็น ช่วยให้ผ่อนคลายจิตใจและร่างกายที่เหนื่อยล้าได้อย่างช้าๆ 

  • การเดินทาง: จากสถานี Tobu Nikko ขึ้นรถประจำทาง Tobu Bus (มุ่งหน้าไป Kotoku Yumoto onsen) ลงป้าย Nikko Astraea Hotel ใช้เวลา 70 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด


น้ำตกเคกอน (Kegon Falls) 

น้ำตกแห่งนี้ มีความสูงถึง 97 เมตร ซึ่งสูงที่สุดติดอันดับท็อป 3 ของญี่ปุ่น ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่จากจุดชมน้ำตก สามารถลงลิฟท์ไปดูวิวจากด้านล่างของหน้าผาได้ ให้มุมมองที่แตกต่างไปอีกแบบ สามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ละฤดูกาลก็จะสวยงามมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน เช่น ในช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่หิมะเริ่มละลายทำให้กระแสน้ำไหลมาเพิ่ม ช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีเพิ่มสีสัน หรือในช่วงที่น้ำตกกลายเป็นน้ำแข็ง

  • เวลาทำการ: 8.00-17.00 น.
  • ค่าเข้าชม: 570 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Tobu Nikko ขึ้นรถบัส ลงป้าย Chuzenji Onsen ใช้เวลา 45 นาที เดินต่อ 5 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด


น้ำตกริวซู (Ryuzu Waterfall)

น้ำตกขนาดกว้าง 10 เมตร สูง 210 เมตร ไหลลงมาอย่างทรงพลังผ่านชั้นลาวาที่เย็นตัวลงหลังการระเบิดของภูเขานันไต (Mount Nantai) ใกล้ ๆ บริเวณแอ่งฐานน้ำตกมีหินก้อนใหญ่ทำให้น้ำตกแยกออกเป็นสองสาย แลดูคล้ายกับหัวของมังกร จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกริวสึ ซึ่งมีความหมายว่า “หัวมังกร” นั่นเอง

  • เวลาทำการ: เปิดตลอดเวลา
  • ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าเข้าชม
  • การเดินทาง: จากสถานี Tobu Nikko ขึ้นรถบัส ลงป้าย Ryuzu no taki ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
  • เว็บไซต์
  • พิกัด


พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอยะ (Oya History Museum)

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นความเป็นมาของการทำเหมืองแร่ของ “หินโอยะ” ซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองที่มีเฉพาะที่เมืองอุทซึโนะมิยะ โดยมีการจัดแสดงแสดงวิธีการขุดที่ใช้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17  เครื่องมือการขนส่งและการเปลี่ยนแปลงวัสดุวิธีการทำเหมืองแร่ เป็นต้น โดยเหมืองแร่ใต้ดินนั้นมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากถึง 20,000 ตรม. โดยสามารถบรรจุสนามเบสบอลได้ 1 สนาม ซึ่งให้บรรยากาศชวนนึกถึงซากปรักหักพังของยุคโรมันโบราณ โดยมักถูกนำไปใช้เป็นโลเคลั่นถ่ายทำ PV ของนักร้องดัง สถานที่ถ่ายทำหนัง คอนเสิร์ต การแสดงเวที ละครโน งานเลี้ยงของบริษัท และสถานที่จัดงานแต่งงาน เป็นต้น

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (ฤดูหนาวปิด 16.30 น.)
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 800 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Utsunomiya ฝั่งตะวันตก ขึ้นรถบัสหมายเลข 45 (มุ่งหน้าไป Oya/Tateiwa) ลงป้าย Shiryokan Iriguchi ใช้เวลา 30 นาที เดินต่อ 3 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด


ฟาร์มไผ่วาคายามะ (Wakayama Bamboo Farm)

ฟาร์มแห่งนี้ปลูกต้นไผ่โดยมีจุดประสงค์เพื่อเกษตรอินทรีย์ปลอดสารกำจัดศัตรูพืชมาเป็นเวลากว่า 80 ปี โดยป่าไผ่ขนาด 24 เฮกตาร์ ยังใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาต่างๆ อีกด้วย

นอกจากการเดินเล่นในป่าไผ่แล้ว ยังมีกิจกรรมเก็บหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิ เก็บผลเบอร์รี่ในฤดูร้อน และค้นหาเกาลัดในฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงฤดูหนาวจะมีการประดับไฟตรงโซนป่าไผ่ในช่วงสุดสัปดาห์ ให้เพลิดเพลินกับแสงไฟที่สวยงาม และไม่ควรพลาดคาเฟ่ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้า ซอฟต์ครีมนมของที่นี่อร่อยมากๆ

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (สุดสัปดาห์และวันหยุดปิด 20.00 น.)
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 750 เยน เด็ก 500 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Utsunomiya ฝั่งตะวันตก ขึ้นรถบัสหมายเลข 52,56,58 ลงป้าย Nozawateramae ใช้เวลา 35 นาที เดินต่อ 10 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด


Utsunomiya Tobu Hotel Grande

วันนี้เข้าพักในตัวเมืองอุทซึโนะมิยะ เหมาะสำหรับคนที่จะเดินทางมาเที่ยวโซนนิกโก้, นาสุ, สวนดอกไม้อาชิคางะ, รวมถึงโซนพื้นที่โอยะ ที่เราพาไปเที่ยวกันมาแล้ว โรงแรมมีความสะดวกสบายตามมาตรฐาน มีห้องอาหารให้บริการ เหมาะสำหรับกลุ่มคณะขนาดกลาง ใกล้กับแหล่งช๊อปปิ้ง อย่างห้าง Tobu Department Store Utsunomiya และ Orion-dori Shopping Street

  • การเดินทาง: จากสถานี Utsunomiya ฝั่งตะวันตก ขึ้นรถบัสหมายเลข 37 ลงป้าย Kenchō-maeใช้เวลา 7 นาที เดินต่อ 2 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด