การผจญภัยครั้งใหม่กับเส้นทาง Diamond Route เปิดประสบการณ์การเดินทางบริเวณใจกลางของประเทศญี่ปุ่น เส้นทางที่จะพาไปพบกับความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละท้องถิ่น

Diamond Route เป็นชื่อเรียกของเส้นทางการท่องเที่ยวที่มีเส้นทางการเดินทางคล้ายกับรูปทรงของเพชร โดยเส้นทางท่องเที่ยวนี้จะทำการเดินทางติดต่อถึงกันตั้งแต่โตเกียว (Tokyo) โทชิงิ (Tochigi) ฟุคุชิมะ (Fukushima) อิบะระกิ (Ibaraki) แล้วมาจบลงที่โตเกียว

ด้วยความโดดเด่นและไม่ซ้ำใคร ทำให้การท่องเที่ยวแบบ Diamond Route นั้นได้ความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซึมซับความเป็นญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ ทั้งเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ อย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็น โบราณสถานมรดกโลกที่เมืองนิกโก้, สวนริมทะเลฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค, หมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุและเมืองเก่าที่ยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งซามูไร ที่เมืองไอซุวะคะมัตสุ

DR 1


สำหรับการเดินทางวันแรก เราเริ่มต้นจากโตเกียว ขึ้นรถไฟสาย Tobu จากสถานี Asakusa ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Shimo-Imaichi จากนั้นไปลงที่สถานี Tobu-Nikko ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางมาท่องเที่ยวกันยังเมืองนิกโก้ (Nikko) ในจังหวัดโทจิงิ (Tochigi)

ด้านหน้าของสถานีรถไฟ Tobu-Nikko

 ด้านในของสถานีมีจุดให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว จุดจำหน่ายตั๋วรถไฟ 

ตู้อัตโนมัติจำหน่ายตั๋วสำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

และสำหรับใครที่มีสัมภาระมาด้วยสามารถใช้บริการแมวดำ เพื่อส่งกระเป๋าล่วงหน้าไปยังโรงแรมที่พักได้อีกด้วย

เดินทางมาถึงเมืองนิกโก้ แนะนำว่าอย่าพลาดชิมขนมมันจูทอดไส้ถั่วแดง (Nikko Age Yuba Manju) 

รับรองว่ารสชาติที่นี่เด็ดมากจริงๆ สนนราคาเพียงชิ้นละ 200 เยนเท่านั้น

เมืองนิกโก้ ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริง ตามสโลแกน “Nikko is Nippon” ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตขึ้นชื่อในเรื่องของการชมใบไม้เปลี่ยนสี อีกทั้งยังตั้งอยู่ไม่ไกลมากจากกรุงโตเกียว เดินทางสะดวกสบาย ด้วยความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และยังมีความสำคัญอย่างมากในด้านของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจนทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย

สถานที่ที่เมื่อพูดถึงเมืองแล้วนิกโก้จะพลาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ ศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ (Nikko Toshogu) ตั้งอยู่ในบริเวณของผืนป่าขนาดใหญ่ สร้างขึ้นโดยโทกุงะวะ อิเอมิทสึ (Tokugawa Iemitsu) โชกุนรุ่นที่ 3 เพื่อบวงสรวงบูชาและใช้เป็นสุสานของ ท่านโชกุนโทกุงะวะ อิเอยะซุ (Tokugawa Ieyasu) โชกุนคนแรกในสมัยเอโดะ ซึ่งเป็นโชกุนที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

รวมถึงที่นี่ยังมีการอัญเชิญดวงวิญญาณของบุคคลสำคัญอีก 2 ท่านคือ โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ไดเมียวคนสำคัญ และ มินาโมโตะ โยริโตโมะ (Minato Yoritomo) ผู้ที่จัดตั้งรัฐบาลทหาร มาสถิตย์ ณ ที่แห่งนี้ด้วย

เจดีย์ 5 ชั้นบริเวณด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้า

และที่โด่งดังไม่แพ้ตัวศาลเจ้านั่นก็คือ Sanzaru (Three Wise Monkeys) ภาพแกะสลักลิงปิดตา ปิดหู ปิดปาก อันเป็นปริศนาธรรม ที่สอนให้เราไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี

ปัจจุบันได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างใหม่อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูโยเมมงที่ว่ากันว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่วิจตรงดงาม ตัวอาคารมีสีสันสดใสสลับด้วยสีทองโดดเด่นสะดุดตา พร้อมด้วยงานแกะสลักอันปราณีตมากมาย

อาคารต่างๆภายในตัวศาลเจ้า

ด้านหน้าซุ้มประตู Omotemon

 อาคารคลังเก็บสมบัติ Sanjinko

และรูปปั้นแมวหลับ Nemurineko ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางไปสุสานของโชกุนซึ่ง นับเป็นอีกหนึ่งภาพแกะสลักที่ได้ความนิยมไม่แพ้กัน ปรัชญาที่แฝงอยู่ในรูปแกะสลักนี้เป็นการแฝงปรัชญาที่สื่อความหมายถึงสันติภาพอันสงบสุข นั้นยังเป็นผลงานของศิลปินคนเดียวกันกับผู้ที่ภาพแกะสลักลิงที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ด้วยโบราณสถานและสิ่งก่อสร้างอันทรงคุณค่าต่างๆ มากกว่า 103 รายการทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้ ด้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO World Heritage Site ในปี ค..1999

ศาลเจ้า Nikko Toshogu
เวลาทำการ
: เวลา 8.00-17.00 . (ปิดเวลา 16.00 . ช่วงเดือนพฤศจิกายนมีนาคม)
วันหยุด : เปิดทุกวัน
ค่าเข้าชม : 1,300 เยน หากต้องการเข้าไปชมสุสานโชกุน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกอีก 520 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ โดยสารรถบัสหน้าสถานีรถไฟ JR Nikkoหรือสถานีรถไฟ Tobu Nikko ไปลงป้าย Nishi-sando และเดินต่อไปประมาณ 5 นาที ค่ารถ 310 เยน/เที่ยว หรือสามารถใช้ World Heritage Bus Pass ราคา 500 เยน


เดินลงมาด้านล่างของวัดจะพบกับอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองนิกโก้ คือ สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) หรือสะพานศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ ณ ประตูทางเข้าศาลเจ้าและวัดนิกโก้ นับเป็น 1 ใน 3 ของสะพานที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
เวลาทำการ 8.00-17.00 . (ช่วงเดือนเมษายน กันยายน) / 8.00-16.00 . (ช่วงเดือนตุลาคม – กลางพฤศจิกายน) / 9.00-16.00 . (ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน  -มีนาคม)
ค่าเข้าชม: 300 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR หรือสถานี Tobu Nikko โดยสารรถบัสไปลงที่ป้าย Shinkyo ใช้เวลา 5 นาที ราคา 200 เยนหรือเดินไปประมาณ 20-30 นาที


มื้อเที่ยว เรามาทานชุดไคเซกิ “Yuba” วัฒนธรรมการทานอาหารที่มีชื่อเสียงของเมืองนิกโก้ โดย ยูบะ (Yuba) คือแผ่นเต้าหู้สดที่ทำจากผิวด้านบนของนมถั่วเหลืองเมื่อผ่านการต้ม มีลักษณะคล้ายฟองเต้าหู้ นำมาปรุงด้วยกรรมวิธีสูตรเฉพาะตัวจนได้เป็นอาหารท้องถิ่นจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปในระดับภูมิภาค อาทิเช่น ซาซิมิยูบะ แนะนำว่าเมื่อเดินทางมายังเมืองนิกโก้แล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

ซาซิมิยูบะ (Yuba Sashimi)

จากนั้นเดินทางมายังหมู่บ้าน Nikko Edomura หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ Edo Wonderland ธีมพาร์คที่จำลองหมู่บ้านโบราณในสมัยเอโดะ ในยุคปีค.. 1603-1868 ภายในประกอบด้วยสวน บ้านเรือนต่างๆนอกจากสิ่งก่อสร้างต่างๆที่สร้างขึ้นจนเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปในช่วงสมัยเอโดะ

อัตราค่าเข้าชมหมู่บ้าน Nikko Edomura

สำหรับใครที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศความรู้สึกของการเป็นชาวเมืองเอโดะแบบเต็มตัว แนะนำว่าให้ลองเช่าชุดเป็นตัวละครชาวบ้านในแบบต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลากหลายอาชีพ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก

บรรยากาศของบ้านเมืองในสมัยเอโดะ

ที่นี่ยังมีกิจกรรมมากมาย ให้ผู้เข้าชมรู้สึกสนุกสนานไม่รู้สึกเบื่อ ชมวิถีชีวิตของชาวเมืองไม่ว่าจะเป็นซามูไรผู้สูงศักดิ์มัดมวยผม นินจาที่จะคอยแอบลับๆ ล่อๆ อยู่บนยอดหลังคา เกอิชาผู้แต่งกายงดงาม และเด็กสาวชาวบ้านน่ารักในชุดกิโมโน

แวะร้านค้าต่างๆ ร้านอาหารและทดลองทำอาชีพต่างๆ จากยุคเอโดะ ไม่ว่าจะเป็นการปิ้งข้าวเกรียบ เสริมสวยด้วยผลิตภัณฑ์พื้นบ้านจากธรรมชาติที่เกิดจากภูมิปัญญาคนยุคก่อน หรือฝึกเล่นดนตรีด้วยเครื่องสายโบราณ Shamisen เพื่อให้กลมกลืนกับเมืองจำลองแห่งนี้ อย่าพลาดที่จะแต่งกายเลียนแบบชาวเอโดะในหลากหลายอาชีพ

เดินเล่นกันจนเหนื่อยแล้วแวะชมการแสดงอันตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงนินจาจากโรงละครใหญ่ ที่สร้างความตื่นตาตื่นจากทุกนาทีที่นั่งชมการแสดงและอีกหนึ่งการแสดงที่โด่งดังของที่นี่ คือขบวนแห่สาวงามโออิรันวากะมัตสึยะ แค่เพียงยลโฉมความงามของโออิรัน ชายหนุ่มทั้งหลายก็พร้อมที่จะตกหลุมรักเธอในทันที

ขบวนแห่สาวงามโออิรันวากะมัตสึยะ ด้านหน้าโรงละคร

โฉมหน้าของสาวงามโออิรันวากะมัตสึยะ

การแสดงเบาสมองชุดน้ำเวทย์มนตร์ มิซึเกซะ ที่เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

ก่อนเดินทางกลับนักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกไปฝากคนทางบ้านได้อีกด้วย

คุ้กกี้ช็อกโกแลตที่แพกเกจจิ้งสุดน่ารักเป็นรูปมาสคอตเจ้าสุนัขชื่อว่า”เนียน-มาเงะ”

หมู่บ้าน Nikko Edomura (Edo Wonderland)
เวลาทำการ : เข้าชมก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง
ช่วงฤดูร้อน เวลา 9.00-17.00. (เริ่มวันที่ 20 มีนาคม - 30 พฤศจิกายน)
ช่วงฤดูหนาว
 เวลา 9.30-16.00. (เริ่มวันที่ 1 ธันวาคม - 19 มีนาคม
)
วันหยุด : หยุดทุกวันพุธ หากวันพุธตรงกับวันหยุดของประเทศญี่ปุ่น จะเปิดทำการและหยุดในวันถัดไป และวันหยุดซ่อมบำรุงประจำปี 14 วัน ช่วงวันที่ 8 ธันวาคม - 21 ธันวาคม
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 4,700 เยน / เด็ก 2,400 เยน / ผู้สูงอายุ 3,290 เยน
ค่าเข้าชมช่วงบ่าย หลัง
14.00 .ในช่วงฤดูร้อน และ หลัง 13.00 .ในช่วงฤดูหนาว : ผู้ใหญ่ 4,100 เยน / เด็ก 2,100 เยน / ผู้สูงอายุ 2,870 เยน
การเดินทาง : รถประจำทางฟรีให้บริการระหว่าง Fujiya Kanko center (Nikko Toshogu Mae) – สถานี JR Nikko – Nikko Edomura
เว็บไซต์ : EDO WONDERLAND


ติดตามรีวิวการเดินทางของทริปเส้นทางสาย Diamond Route ได้ในครั้งต่อไป สำหรับรีวิวนี้ขอลากันไปด้วยภาพบรรยากาศสวยๆจากห้องพักของโรงแรมใน Kinugawa Onsen ครับ

ค้นหาที่พักในคินุงะวะอนเซ็นได้ >> ที่นี่