แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใน 5 เมืองใหญ่ของ จังหวัดโทจิกิ (Tochigi) ที่สามารถเดินทางมาจากโตเกียวได้สะดวก และเลือกเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือ ถ้าจะเที่ยวมากกว่า 1 เมืองสามารถค้างคืนก็ได้เช่นกัน โดยเมืองที่จะมาแนะนำในครั้งนี้คือ นิคโก้ (Nikko), นะสุ (Nasu), มะชิโคะ (Mashiko), อุตสุโนะมิยะ (Utsunomiya) และทางตอนใต้ของจังหวัด

tochigi

  • เริ่มเดินทางไปสถานี Tobu Nikko ได้ง่ายๆ จากสถานี Asaksa ด้วยรถไฟ Tobu โดยใช้ Nikko All Area Pass ตั๋วสุดคุ้มที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟ และรถบัสภายในเมืองนิกโก้ได้ไม่จำกัดจำนวน ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 50 นาที >> ข้อมูลพาสรถไฟ

    01 tobu asakusa

    หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเวลาและเส้นทางการเดินรถสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ของโทบุ ที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวสถานี Tobu Nikko

    02 tobu nikko

    ระหว่างรอรถบัส อย่าลืมแวะซื้อขนมมันจูทอด บริเวณหน้าสถานี ที่ร้าน Nikko Sakae Yuba Manju ชิมกันด้วยนะ (พิกัด)

    03 re1

    04 agemanju

    เมื่อออกจากสถานี Tobu Nikko มองหาป้ายรถบัส ที่มีหลังคาไม้ทอดยาวเด่นอยู่หน้าสถานีรถไฟ รถบัสจะมีอยู่ทั้งหมด 4 สาย สายแรกที่เราจะขึ้นกันคือ รถบัสสาย 2C

     

    OLYMPUS DIGITAL CAMERA

    ที่แรกเลยไปชม น้ำตกเคงอน (Kegon) น้ำตกนี้เป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เป็นน้ำที่มาจากทะเลสาบจูเซนจิ (Chuzenji) และด้วยความสูงถึง 97 เมตร ทำให้เกิดละอองคล้ายหมอกกระจายตัวผ่านโขดหิน 

    การเดินทาง: ลงรถบัสที่ป้ายหมายเลข 26 Chuzenji onsen (พิกัด)

    06 kegon

    จากน้ำตก เดินไปประมาณ 10นาที ก็จะได้สัมผัสกับความงามของ ทะเลสาบจูเซนจิ (พิกัด)

    07 lake

    ทะเลสาบแห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีเสน่ห์น่าดึงดูด

    08 Lake chuzenji

    มื่อท้องเริ่มร้อง มื้อกลางวันที่อยากให้ทุกคนมาลอง คือ ร้านอาหาร Wamichaya 和み茶屋 (พิกัด)

    OLYMPUS DIGITAL CAMERA

    ร้านนี้มีเมนูทั้งคาวหวาน โดยเมนูแนะนำคือ ฟองเต้าหู้ ของขึ้นชื่ออันดับ1 ของเมืองนิกโก้

    10 meal1

    11 meal2

    หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เดินย้อนกลับไปทางป้ายรถบัสจะเจอ สะพานชินเคียว (Shinkyo) สะพานไม้สีแดงที่ตัดกับธรรมชาติสีเขียว หนึ่งจุดสำคัญ ที่หากไม่มาถ่ายรูปก็ถือว่ามาไม่ถึงนิกโก้ (พิกัด)

    12 Shinkyo Bridge

    เดินต่อมาไม่ไกลก็จะถึง ศาลเจ้าโทโชกู (Toshigu) นอกจากจะมีบรรยากาศร่มรื่นแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามทางสถาปัตยกรรมอีกด้วย (พิกัด)

    13 toshogu

    14 inari

  • เขตนะสุ (Nasu) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของจังหวัดโทจิกิ จะพาเที่ยวสถานที่ที่สามารถเดินทางได้ด้วยลูปบัสแบบเข้าใจไม่ยาก ใครไม่เคยไปญี่ปุ่นก็ตามรอยได้  รายละเอียดเพิ่มเติม >> Loop bus Kyubii-Go

    การเดินทางจากโตเกียว: ตั้งต้นจากสถานี Ueno ขึ้น Tohoku Shinkansen ลงที่สถานี Utsunomiya เพื่อเปลี่ยนเป็นรถไฟธรรมดา สาย Utsunomiya ลงที่สถานี Kuroiso ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

    จากนั้นที่ทางออก West ขึ้นรถบัสสายที่มุ่งหน้าไป Nasu yumoto ใช้เวลา 20 นาที ลงที่ป้าย Michi no eki Nasu kogen yuai no mori (พิกัด) เพื่อเปลี่ยนเป็นขึ้น Loop Bus [Kyubii-Go] สามารถซื้อพาสได้ในราคา 1,000 เยน

    01 Kuroiso station

    ชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงงานศิลปะของ ฟุจิชิโระ เซจิ (Fujishiro Seiji) ศิลปินที่มีชื่อเสียงในศิลปะการตัดแบบญี่ปุ่น เรียกว่า Kiri-e โดยใช้กระดาษซ้อนกัน3ชั้นตัดเป็นลวดลาย วางบนกระจกและแสงไฟ ตัวอาคารมีความโดดเด่นที่ทางเข้าเป็นประตูแบบเก่าในสมัยเมจิ สร้างขึ้นในปีค.ศ.1994 อีกทั้งยังมีโบสถ์ในสวนที่ภายในมีศิลปะกระจกที่สวยงาม รอบ ๆ บริเวณของพิพิธภัณฑ์มีบรรยากาศร่มรื่นสวยงามเหมาะกับการนั่งเล่นและถ่ายรูปเพลินๆ
    • เวลาทำการ: 9.30-16.30 น.
    • วันหยุด: ทุกวันอังคาร
    • ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,600 เยน เด็ก 1,100 เยน
    • การเดินทาง: จากป้าย Michi no eki Nasu kogen yuai no mori โดยสารรถลูปบัสไปลงที่ป้าย 9 Seiji Fujishiro Museum (พิกัด)

    02 fujishiro musuem1

    พิพิธภัณฑ์หมีเทดดี้นะสุ (Nasu Teddy Bear Museum) ที่รวบรวมตุ๊กตาหมีให้มาอยู่รวมกันอย่างอบอุ่น พร้อมที่จะมอบความสุขให้ผู้ที่ได้เข้าชม ใครที่ชื่นชอบตุ๊กตาหมีเทดดี้ มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะมีจุดให้ถ่ายภาพและน้องหมีน่ารักๆให้เราได้พากลับบ้านเป็นของที่ระลึกมากมาย

    • เวลาทำการ: 9.30-17.00 น.
    • วันหยุด: หยุดทุกวันพุธที่ 2 ของสัปดาห์ ในเดือนก.พ.,มี.ค.,มิ.ย.,ธ.ค.
    • ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,080 เยน เด็กมัธยม 860 เยน เด็กประถม 640 เยน
    • การเดินทาง: ลงที่ป้าย 16 Teddy Bear Museum (พิกัด)

    03 teddy bear

    04 teddy bear 2

    ในช่วงนี้ยังมีนิทรรศการพิเศษจัดแสดงตุ๊กตาคาแรคเตอร์ จากอนิเมชั่นเรื่อง My Neighbor Totoro

    05 teddy bear 3

    แวะทานอาหารกลางวันกันที่ Nasu Rindoh-ko LAKE VIEW ร้านอาหารในสวน ที่มีทั้งเมนู สเต็ก ข้าวห่อไข่ ซอฟต์ครีม ฯลฯ ภายในมีสวน ยังมีพาเหรดสัตว์ นำขบวนโดย อัลปาก้า แพะ แกะ คาปิบาร่า ห่าน ลูกวัว ม้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม สวนสนุกเด็ก ล่องเรือ air wheel จักรยานครอบครัว กระโดดหอข้ามทะเลสาบ สายกิจกรรมและรักสัตว์ ต้องชอบที่นี่แน่นอน

    • เวลาทำการ: 9.30-16.00 น.
    • ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,600 เยน เด็ก 800 เยน
    • การเดินทาง: ลงป้ายรถบัสหมายเลข 18 (พิกัด)

    06 lakeview3

    07 lakeview

    เมื่อเต็มที่กับกิจกรรมหลากหลายในสวนแล้ว ไปตามหาของว่างยามบ่ายกันต่อที่ Cheese Garden ร้านชีสเค้กบรรยากาศสวนยุโรป มีเมนูชีสเค้กหลากหลายเหมาะสำหรับเป็นของว่างยามบ่ายหรือซื้อเป็นของฝาก

    • เวลาทำการ: 9:00-18:00
    • การเดินทาง: ลงป้ายรถบัสหมายเลข 24 Cheese Garden Nasu Honten (พิกัด)

    08 cheese garden

    เนื่องจากที่เขตนะสุ มีชื่อเสียงในเรื่องออนเซนท่ามกลางธรรมชาติ หากมาเที่ยวที่นี่แล้วแนะนำให้พักเรียวกังสักคืน จะให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อนแบบญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์แบบ ขอแนะนำ Sansuikaku เป็นเรียวกังระดับ 4 ดาว และนอกจากจะมีออนเซ็นส่วนตัวที่อยู่ในห้องพักแล้ว ยังมีออนเซ็นแบ่งเป็นห้องๆในโรงแรม ที่สามารถจองเวลาเข้าใช้ออนเซนได้อย่างส่วนตัวอีกด้วย (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)

    • การเดินทาง: โดยสารรถบัส Kyubii ลงที่ป้าย Shinnasu เดินเพียง 5 นาที(ใช้พาสได้)
    • เว็บไซต์

    09 privatehotspring1

    10 room

    11 room2

  • เที่ยวเขตตะวันออกที่ เมืองมะชิโคะ (Mashiko) ซึ่งเป็นโซนใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยี่ยมชมมากนัก แต่ถ้าได้ไปแล้วก็จะได้สัมผัสบรรยากาศและความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด และจังหวัดโทจิกิ เป็นจังหวัดที่มีผลผลิตสตรอเบอร์รี่มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่เมืองนี้ มีผลผลิตสตรอเบอร์รี่มากถึง 1 ใน 3 ของจังหวัด ที่มีไร่สตรอเบอร์รี่ที่สามารถเก็บทานสดๆจากต้นได้แบบไม่อั้น รวมถึงจะพาไปชมเครื่องปั้นดินเผาน่ารักสไตล์มินิมอลแบบญี่ปุ่น ของขึ้นชื่อของเมืองด้วย

    การเดินทาง: จากสถานี Utsunomiya ทางออก West ที่ป้ายหมายเลข 14 ขึ้นรถบัส (ปลายทางลงสถานี Mashiko) ลงที่ป้าย Junaizaka จากนั้นเดินเพียง 5 นาที จะมีร้านเช่ารถจักรยานราคาย่อมเยาว์ ชื่อร้าน Ebiko Cycle (พิกัดค่าเช่าเริ่มต้นที่ 500 เยนต่อวัน (เวลาทำการ: 8.00-18.00น. หยุดทุกวันพุธ)
    01 Mashiko station
    โดยจะใช้จักรยานปั่นเที่ยวรอบเมือง สถานที่แรกจะพาไปไร่สตรอเบอร์รี่กัน ใช้เวลาปั่นประมาณ 20 นาที ก็จะถึงไร่สตรอเบอร์รี่ Yoshimura no-en ที่ไร่นี้มีสตรอเบอร์รี่ถึง8สายพันธุ์ที่มีความหวานฉ่ำ อร่อยแตกต่างกันให้เราได้ชิมแบบจุใจ และไม่จำกัดเวลาอีกด้วย
    • ค่าเข้า: 1,000-1,600 เยน (ตามฤดูกาล)
    • เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
    • (พิกัด)

    02 Yoshimura no-en (1)

    เมื่ออร่อยเต็มที่กับสตรอเบอร์รี่แล้ว ขี่รถจักรยานกลับมาทางเดิน จุดมุ่งหมายคือป้ายรถบัส Junaizaka ระหว่างทางจะมีร้านจำหน่ายเซรามิคและคาเฟ่น่ารักๆอยู่มากมาย สามารถทานอาหารกลางวันและเลือกซื้อของฝากได้

    03 Junaizaka (1)

    จากนั้นไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Mishiko Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลงานเซรามิค เปิดให้เข้าชมมากว่า 25 ปี และใน 1 ปีจะมีนิทรรศการหมุนเวียนทุกๆ 3-4 เดือน ซึ่งนิทรรศการที่จัดแสดงนั้นมีทั้งผลงานของประเทศญี่ปุ่นและนานาชาติ

    • ค่าเข้าชม 600 เยน
    • เวลาทำการ: 9.30-17.30 น.
    • (พิกัด)

    04 museum2

    05 musuem

  • พาเที่ยว อุตสุโนะมิยะ (Utsunomiya) ตอนกลางของจังหวัดโทชิงิ เดินทางสะดวกจากโตเกียว ด้วยชินคันเซ็น ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง จะพาไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และชิมเกี๊ยวซ่า อาหารขึ้นชื่อของย่านนี้

    01 oyaji1

    เดินทางจากสถานี Ueno ด้วย Tohoku shinkansen มาลงที่สถานี Utsunomiya ออกจากที่ตรวจตั๋วมา จะมีศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว สามารถสอบถามเวลา การเดินทาง รถบัส และที่ท่องเที่ยวต่างๆ จากนั้นขึ้นรถบัสที่ West exit มีรถบัสหลายสายที่สามารถใช้เดินทางไป ศาลเจ้าอุตสึโนะมิยะฟุตะระซัง (Utsunomiya Futarasan) ได้

    02 futarasan-jinja1

    ศาลเจ้าอุตสึโนะมิยะฟุตะระซัง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองซึ่งก่อตั้งมานานกว่า 1,600 ปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลต่างๆตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เช่น วันปีใหม่ วันฉลองรับขวัญเมื่อเด็กอายุ 3, 5, 7 ปี เป็นต้น (พิกัด)

    03 futarasan-jinja

    อาหารที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองนี้คือ เกี๊ยวซ่า มื้อเที่ยงวันนี้เราแนะนำร้านที่อยู่ไม่ห่างจากศาลเจ้า เดินเพียง 3 นาทีก็ถึง คือร้าน Utsunomiya MinMin เป็นร้านที่ตั้งมากว่า 60 ปี เรียกได้ว่าเป็นร้านเกี๊ยวซ่าอันดับ 1 ของเมือง แนะนำให้ไปก่อนเที่ยง จะได้ไม่ต้องรอคิวนาน

    • เวลาทำการ: 11.30-20.00 น.
    • วันหยุด: ปิดทุกวันอังคาร และวันพุธที่สองของเดือน
    • (พิกัด)

    04 minmin-gyoza

    เมื่ออิ่มแล้วเดินทางกันต่อสู่สถานที่แสนลึกลับชื่อว่า พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่โอยะ ซึ่งภายในมีลักษณะเป็นถ้ำหิน มีพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม.เทียบง่ายๆ ก็กว้างเท่าสนามบอล 5 สนามรวมกันเลยทีเดียว ภายในมีจัดนิทรรศการแสดงวิธีการทำเหมืองแร่ในยุคสมัยต่างๆ และที่สำคัญมีการตกแต่งไฟภายในโถงพิพิธภัณฑ์ ให้บรรยากาศที่สวยงามราวกับอยู่ในอาคาร (ที่เป็นซากปรักหักพัง) ของยุคโรมัน

    • การเดินทาง: โดยขึ้นรถบัสสาย 45 ลงที่ป้าย History Museum entrance เดิน 5 นาที (พิกัด)
    • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
    • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน

    05 oyamusuem

    วัดโอยะ (Oya-ji) ตั้งอยู่ในถ้ำหิน ภายในวิหารหลักมีพระโพธิสัตว์พันมือ มีความสูง 4 เมตร เป็นพระพุทธรูปหินที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในญี่ปุ่น คือถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอันประมาณ 800 ปีที่แล้ว ที่ผาหินด้านนอกมีรูปแกะสลักพระโพธิสัตว์ อายุกว่า 60 ปี ที่มีความสูงถึง 75 เมตร ซึ่งถูกทำขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อเป็นการอุทิศให้กับผู้เสียชีวิตในสงคราม

    • การเดินทาง: จากพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ เดินเพียง 10 นาที (พิกัด)
    • เวลา: 8.30-17.00 น.
    • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 200 เยน

    06 oyaji2

    การเดินทางจากโตเกียว ตั้งต้นที่สถานี Ueno ขึ้นรถไฟชินคันเซ็น วิ่งตรงมาที่สถานี Utsunomiya ใช้เวลาประมาณ 45 นาที

    07 utsu-station2

  • ตอนใต้ของจังหวัดโทจิกิ เขตนี้มีสวนดอกไม้ Ashikaga Flower Park ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามของดอกวิสทีเรียที่เป็นที่รู้จักกันดี นอกจากนี้ยังมีแหล่งช้อปปิ้งที่ Sano Premium Outlet อีกทั้งยังมีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม ไม่ไกลจากสถานี Tochigi

    การเดินทางจากโตเกียว: ตั้งต้นที่สถานี Ueno ขึ้นรถไฟ Tohoku Shinkasen ลงสถานี Oyama จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR ธรรมดาสาย Ryomo ลงสถานี Tochigi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

    ย่านคุระโนะมะจิ (Kura no Machi) อาคารที่เป็นโกดังในสมัยเอโดะเรียงรายกันอยู่ตลอดสองฝั่งของแม่น้ำ ซึ่งมีเรือไว้บริการสำหรับชมวิวสองข้างทางด้วยในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะมีการประดับธงปลาคาร์ฟ ในช่วงเทศกาลวันเด็กผู้ชาย หากได้ไปเดินเล่นหรือล่องเรือชมวิวในช่วงนั้นก็จะได้ภาพปลาคาร์ฟแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางสายลม แสงแดด เป็นทัศนียภาพที่สวยงามที่เราหาดูไม่ได้ในประเทศไทย

    การเดินทาง: จากสถานี Tochigi เดินประมาณ 10 นาที (พิกัด)

    01 kuranomachi

    ร้านอาหารแนะนำของเมืองนี้คือร้านราเมน Mendo Home Ramen เป็นร้านราเมนท้องถิ่นที่ได้รับเลือกจากเว็บ Tabelog (เว็บไซต์แนะนำร้านอาหารอันดับ1ของญี่ปุ่น) ว่าเป็นร้านราเมนยอดนิยมของจังหวัดโทจิกิ มีเมนูหลากหลาย เช่น โชยุราเมน ชิโอะราเมน สึเคเมน และจะมีเมนูพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นราเมงน้ำหรือราเมงแห้งในทุกๆวันพุธ

    • การเดินทาง: เดินจากสถานี Tochigi มาทางประตูทางออก North ประมาณ 5นาที (พิกัด)
    • เวลาทำการ: 11.30-14.30 น. และ 17.30-20.00 น.
    • วันหยุด: วันพฤหัสบดีและศุกร์ที่ 2 ของเดือน

    02 ramen

    ต่อจากนั้นไปชม สวนดอกไม้อะชิคะงะ (Ashikaga Flower Park) มีพื้นที่ประมาณ 13 สนามฟุตบอล ตลอดทั้งปีจะมีการจัดงานในฤดูต่างๆทั้งหมด 8 ธีมด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกวิสทีเรีย จะบานสะพรั่งเป็นม่านดอกไม้สวยงาม และยังมีดอกไม้อื่นๆอีกมากมายเช่น กุหลาบ ทิวลิป ไฮเดรนเยีย เป็นต้น

    • การเดินทาง: จากสถานี Tochigi นั่งรถไฟสาย Ryomo ลงที่สถานี Ashikaga (พิกัด)
    • ค่าเข้าชม: 300-1,800 เยน
    • เวลาทำการ: 10.00-17.00 น.
    • เว็บไซต์

    06 night wisteria

    07 night wisteria

    08 night wisteria

    09 tsutsuji

    เมื่อเดินชมดอกไม้ ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาช้อปปิ้งกันแล้วที่ Sano Premium Outlet รวบรวมหลากหลายแบรนด์ชื่อดังจากทั่วโลก ให้เลือกสรรในราคาสมเหตุสมผล ถือว่าเป็นการช้อปปิ้งส่งท้ายทริปที่โทจิกิอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

    • การเดินทาง: จากสถานี Ashikaga ขึ้นรถไฟลงที่สถานี Sano แล้วต่อรถบัสที่ทางออก South (พิกัด)
    • เวลาทำการ: 10.00-20.00 น.

    10 Outlet