ทริปนี้เป็นการเดินทางไปเที่ยวคิวชูตอนเหนือ 5 เมือง ลัดเลาะไปเรื่อยๆ เริ่มจาก Sasebo (จ.นางาซากิ), Hita (จ.โออิตะ), Kumamoto (จ.คุมาโมโตะ), Kitakyushu (จ.ฟุกุโอกะ), Fukuoka (จ.ฟุกุโอกะ) ใช้เวลา 6 วัน 5 คืน บอกเลยว่ากินเที่ยวเต็มที่มากๆ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 2 – เมือง Hita จ.โออิตะ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 3 – เมือง Kumamoto จ.คุมาโมโตะ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 4 – เมือง Kitakyushu จ.ฟุกุโอกะ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 5 – เมือง Fukuoka จ.ฟุกุโอกะ

การเดินทางวันแรก ตั้งต้นที่ฟุกุโอกะ ขึ้นรถไฟจากสถานี Hakata ไปลงที่สถานี Sasebo ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมืองนี้มีธีมปาร์คชื่อดังอย่าง Huis Ten Bosch ที่หลายคนรู้จักกันดี ที่รอบนี้ตั้งใจจะมาดูอีเวนต์กับโชว์ในตอนกลางคืน และ Kujukushima หมู่เกาะน้อยใหญ่ ที่เป็นทิวทัศน์หาชมได้ยาก และเหมาะกับการเลี้ยงหอยมุกและหอยนางรม ที่มีแพลนจะพาไปย่างกินสดๆกันด้วย 

สำหรับคนที่ใช้ JR Kyushu Rail Pass สามารถติดต่อเคาเตอร์ด้านในสถานี Hakata เพื่อทำการซื้อหรือแลกพาสได้เลย

การเดินทาง: จากสถานี Hakata ขึ้นรถไฟ Midori-Huis Ten Bosch ลงสถานี Sasebo ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที

จองกิจกรรมท่องเที่ยวใน 5 เมือง (ฟุกุโอกะ, คิตะคิวชู, คุมาโมโตะ, ซาเซโบะ, ฮิตะ) พร้อมส่วนลด 12% สูงสุด 1,000 บาท เมื่อซื้อครบ 3,000 บาทขึ้นไป ต่อรายการ ได้ทาง KLOOK


จุดชมวิวเกาะคุจูคุชิมะ (Kujukushima) แบบพานาราม่า ของอุทยานแห่งชาติ Saikai อุทยานแห่งนี้มีลักษณะเป็นชายฝั่ง ที่เปิดกว้างสู่ท้องทะเลที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่มากถึง 400 เกาะ เช่น เกาะฮิราโดะ (Hirado), เกาะอิคิทสึกิ (Ikitsuki) และ หมู่เกาะคุจูคุชิมะ ที่คำว่า คุจูคุ ในชื่อเรียกมีความหมายว่า 99 แต่จริงๆมีทั้งหมด 208 เกาะ เรียกได้ว่ามีเกาะหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น 

วันที่ 19 กันยายน ถูกกำหนดให้เป็นเป็นวันของเกาะ Kujukushima ซึ่ง เดือน 9 วันที่ 19 ถ้าหากอ่านวันที่แบบญี่ปุ่นจะอ่านว่า Kujuku (เก้าสิบเก้า) ซึ่งจะไปพ้องเสียงกับชื่อเกาะ Kujukushima นั่นเอง

  • เวลาทำการ: 8.00-20.00 น. (ต.ค.-ก.พ. 19.00 น.)
  • การเดินทาง: จากสถานี JR Sasebo ขึ้นรถบัส Saihi ปลายทาง Tenkaiho ลงที่ป้าย Tenkaihoiriguchi แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
  • พิกัด
  • เว็บไซต์

Marumo Suisan (Kujukushima oysters)

ร้าน Marumo Suisan มีหอยนางรมเลี้ยงในหมู่เกาะ Kujukushima ให้กินได้ทั้งปี มาซัมเมอร์แบบนี้ก็มี ความน่ารักของร้านนี้คือ จะเป็นแพลอยอยู่กลางทะเล มีเตาเล็กๆให้เราย่างหอยนางรมเอง กินพร้อมกับชมวิวอ่าวคุจุคุชิมะ ที่ขึ้นชื่อว่าสวยและอุดมสมบูรณ์มาก

ปกติหน้าของหอยนางรมคือช่วงฤดูหนาว ส่วนหอยนางรมในฤดูร้อน จะเรียกว่า อิวะคะคิ ตัวจะไม่ใหญ่มาก พอดีคำ รสกลมกล่อม เราสั่งเป็น Kujukushima set ได้หอยนางรม 1 กิโล พร้อมซุปข้นและข้าวปั้น ในราคาแค่ 2,500 เยนต่อคน หรือประมาณ 650 บาทเท่านั้น จิ้มกับโชยุผสมน้ำเลมอน อร่อยสุดๆไปเลย

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
  • การเดินทาง: จากสถานี Sasebo ขึ้นรถบัส G6,G8,G9 ลงที่ป้าย Funakoshi ใช้เวลา 35 นาที เดินต่อ 5 นาที (นั่งแท๊กซี่ ใช้เวลา 15 นาที)
  • พิกัด
  • เว็บไซต์

Pearl Sea Resort Umi Kirara

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคุจูคุชิมะ อุมิคิระระ (Kujukushima Aquarium Umi Kirara) จัดแสดงสัตว์น้ำนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณหมู่เกาะคุจูคุชิมะ โดยเฉพาะโซน Kujukushima bay large aquarium ที่เป็นแทงก์ขนาดยักษ์เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกใต้ท้องทะเล อีกทั้งยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีโดมแสดงแมงกะพรุนมากที่สุดในญี่ปุ่นกว่า 100 ชนิด อีกทั้งยังมีโชว์ปลาโลมาแสนรู้

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือการหาไข่มุกในหอยมุก (Pearl picking experience) เนื่องจากที่เกาะคุจูคุแห่งนี้ นอกจากจะเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมคุณภาพดีแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งเพาะเลี้ยง หอยมุก, ปลามะได และปลาปักเป้า (Torafugu) อีกด้วย การเป็นหมู่เกาะทำให้น่านน้ำอุดมไปด้วยอาหารและแร่ธาตุที่ไหลมาจากเกาะทุกด้าน ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเพาะเลี้ยงหอยมุกคุณภาพดี

เมื่อเราเจอไข่มุกแล้ว จะมีการทำนายความรัก โดยพิจารณาจากจากสี และรูปร่างของไข่มุกที่แกะออกมา สามารถนำไข่มุกใส่ซองที่มีคำทำนายด้านหน้ากลับบ้านได้เลย หรือจะทำเป็นเครื่องประดับก็ได้เช่นกัน (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) 

ล่องเรือชมหมู่เกาะคุจูคุ เรือที่โดยสารวันนี้ชื่อเพิร์ลควีน (Pearl Queen) ตัวเรือมีสีขาว สง่างามสมฉายาราชินีแห่งท้องทะเล ความกว้างประมาณ 7.7 เมตร ยาว 35 เมตร ภายในเรือมีการตกแต่งด้วยไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น

ตลอดการล่องเรือระยะเวลา 50 นาที นอกจากจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบพาโนราม่าแล้ว ยังมีการบรรยายถึงเกาะต่างๆ ที่น่าสนใจทั้งภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ โดยเรือโจรสลัดนี้ สามารถล่องเข้าไประหว่างเกาะน้อยใหญ่เพื่อชมแต่ละเกาะอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางวิวทะเลสีเขียวมรกตที่งดงามมาก

  • ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,470 เยน เด็ก 730 เยน
    ค่าใช้จ่ายกิจกรรมหาไข่มุก: 650 เยน
  • ค่าโดยสารเรือ: ผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็ก 900 เยน
    (รอบเรือ Pearl Queen: 10:00/11:00/12:00/13:00/14:00/15:00)
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 9:00-18:00 น. (พ.ย.-ก.พ. ปิด 17.00 น.)
  • การเดินทาง: จากสถานี Sasebo ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 6 ปลายทาง Pearl Sea Resort Kujukushima Aquarium ใช้เวลา 25 นาที
  • พิกัด
  • เว็บไซต์

กิจกรรมหาไข่มุกในหอยมุก (Pearl picking experience)

Sasebo Flower Garden (Japanese Garden)

สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่นอกตัวเมืองมีขนาดพื้นที่กว้างถึง 40 ตร.กม. เป็นสวนที่ดูแลจัดการแบบส่วนบุคคล และเปิดสาธารณะให้คนภายนอกเข้ามาเยี่ยมชมดอกไม้นานาพันธุ์ที่จะผลิดอกให้ชมความงามได้ตลอดทั้งปี อาทิ ซากุระ, ดอกบ๊วย, ซึซึจิ, โบตั๋น, ไอริส, เบโกเนีย ถ้าใครจะมาที่นี่ต้องเผื่อเวลาเดินด้วยนะ และบริเวณรอบๆไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากนัก ดังนั้นควรมาตั้งแต่เช้าและกลับไม่เย็นจนเกินไป

  • เวลาทำการ: ทุกวัน 9:00-17:00 น.
  • การเดินทาง: จากสถานี Sasebo ขึ้นรถไฟ Matsuura Railways ลงสถานี Motoyama ใช้เวลา 25 นาที จากนั้นเดินต่อ 20 นาที
  • พิกัด
  • เว็บไซต์

Huis Ten Bosch

ธีมปาร์คชื่อดังของเมืองซาเซโบะ ที่คนนิยมมากันช่วงเย็นและอยู่ยาวจนใกล้เวลาปิด ทำไมถึงมีดีช่วงเวลานี้ ก็เพราะว่าที่นี่มี Illumination ที่ชมได้ตลอดทั้งปี แม้จะเป็นช่วงซัมเมอร์ แถมยังมีการแสดง Projection Mapping ที่สวยงามอลังการงานสร้างทุกโชว์ โดยเฉพาะ Spectacle Lantern Night Show ที่เป็นไฮไลท์ในช่วงนี้ นอกจากนี้ยังมี Fantasia City of Light ที่เป็นการจัดแสดงถาวรของ NAKED มีหลายโซน อาทิ NAKED FLOWER, NAKED OCEAN, NAKED UNIVERSE 

การกลับมาครั้งนี้ คือรู้สึกประทับใจมากๆ จะอยู่จนฟ้ามืดเพื่อดูโชว์ตอนกลางคืน เรื่องการเดินทางก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีรอบรถไฟวิ่งกลับฟุกุโอกะรอบดึกด้วย ส่วนถ้าใครมีเวลาทั้งวัน เล่นเครื่องเล่นทุกอัน เดินถ่ายรูปทั่วทุกมุม รวมนั่งพักกินข้าว เข้าคาเฟ่ ใช้เวลาได้เต็มที่ทั้งวันไม่มีเบื่อแน่นอน เพราะกว้างมากๆ ที่สำคัญ คนไม่ล้นจนเกินไป ไม่ต้องเข้าคิว หนีคนให้เหนื่อย บรรยากาศชิลล์ดีมากๆ

แนะนำว่าจองที่พักติดกับธีมปาร์คก็ได้ รอบนี้แอดนอนที่ Hotel Nikko Huis Ten Bosch เลย ถ้าเดินเล่นเหนื่อย จะแวะมาพักที่ห้อง แล้วค่อยกลับเข้าไปตอนเย็นก็สามารถทำได้ ก่อนออกมาให้ขอ re-entry stamp ที่ร้านขายของที่ระลึก Schipole souvenir store

  • ค่าเข้าชม: 1 Day pass (บัตรผ่านประตู + สามารถใช้กับเครื่องเล่นได้ 50 ประเภท + พาเลซเฮาส์เทนบอช) ผู้ใหญ่ 7,000 เยน เด็กมัธยม 6,000 เยน เด็กประถม 4,600 เยน เด็ก 3,500 เยน ผู้สูงอายุ 5,500 เยน
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 9:00-22:00 น.
  • การเดินทาง: จากสถานี Sasebo ขึ้นรถไฟสาย Sasebo ลงสถานี Huis Ten Bosch ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  • พิกัด
  • เว็บไซต์

ขอบอกว่า อาหารด้านในธีมปาร์คอร่อยมากๆ และมีตัวเลือกเยอะ ฝากท้องมื้อดินเนอร์ไว้ที่นี่ได้ คืนนี้แอดกินพิซซ่ากับพาสต้า รสชาติดีสุดๆ ร้านอาหารอิตาเลียน Pinocchio

Hotel Nikko Huis Ten Bosch 

โรงแรมทางการของเฮาส์เทนบอช ที่เชื่อมกับทางเข้าธีมปาร์คเพียง 3 นาที ด้านในโรงแรมตกเแต่งเป็นสไตล์ยุโรป มีสวนอยู่ตรงกลาง ห้องพักกว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงสปาและออนเซ็น

  • ค่าห้องพัก: เริ่มต้น ประมาณ 19,125 เยนต่อคืน
  • การเดินทาง: จากสถานี Huis Ten Bosch เดิน 10 นาที
  • พิกัด
  • เว็บไซต์