เมือง Fukuoka เป็นเมืองใหม่ สังเกตุได้จากอาคารบ้านเรือนต่างๆ รวมไปถึงสถานี JR Hakata ที่เป็นสถานีที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่เดิมเมืองนี้ มีแม่น้ำคั่นกลางจึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งตะวันตกที่เคยเป็นที่อยู่ของซามูไร เรียกว่า “ฟุกุโอะกะ” ส่วนฝั่งตะวันออกเรียกว่า “ฮะกะตะ” ต่อมาในปี 1889 ทางการจึงรวม ทั้งสองฝั่งนี้ให้เป็นเมืองเดียวกันโดยใช้ชื่อเมืองว่า เมืองฟุกุโอะกะ และ เรียกสถานีหลักว่า สถานีฮะกะตะ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ระหว่างทางจากย่าน Gion เดินไป Tenjin จะมี Shopping Street อยู่เหมือนกับเมืองอื่นๆของญี่ปุ่น
ด้วยความที่เมืองฟุกุโอะกะแห่งนี้มีลักษณะเป็นเมืองใหม่ จึงไม่มีปราสาท วัดหรือ ศาลเจ้าอะไรให้เราเที่ยวมากนัก หลักๆคือการเดินชมสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่ดีไซน์รูปทรงแปลกๆแบบไม่เหมือนใคร ซึ่งหนึ่งในนั้นนั่นก็คือ ห้าง Canal City Hakata สามารถเดินได้จากสถานี Gion หรือ Tenjin ย่านยอดนิยมสำหรับนักช้อปนักชิมทั้งหลาย
เมื่อเข้ามาถึงใน Canal City จะรู้สึกราวกับว่าเข้ามาในอีกเมืองหนึ่ง ด้วยความใหญ่โตมโหราฬที่รวบรวมร้านค้ามากมายกว่า 250 ร้านค้า ยังมี Ramen Stadium ที่รวบรวมราเมงรสชาติเด็ดๆของญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่แห่งเดียว ถ้าใครอยากลองราเมงดั้งเดิมของที่นี่ต้องชิม Hakata Ramen ส่วนของห้างเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-21.00 ส่วนร้านอาหารจะเปิดให้บริการถึง 23.00 และมีการแสดงน้ำพุที่ลานกว้างชั้นล่างทุกๆ 30 นาทีด้วย ถ้ามาตอนกลางคืน ภาพที่เห็นจะสวยกว่าตอนกลางวัน เพราะจะมีการเปิดไฟพร้อมกับการแสดง
ด้านหลังห้างมีสวนสาธารณะเล็กๆ ใครอยากชมวิวแม่น้ำฮะกะตะที่กั้นระหว่างเมืองทั้งสองฝั่งในอดีต ลองเดินมาได้ครับไม่ไกล บรรยากาศเงียบๆ ร่มรื่นย์ ผ่อนคลายดี
หลังจากนั้นก็เดินเลาะไปเรื่อยๆจนไปโผล่ที่หน้าสถานี Tenjin ที่วันก่อนมาขึ้นรถไฟไปเที่ยว Dazaifu มองไปรอบๆตัวเห็นป้ายโฆษณาพูดถึง Fukuoka Tower เลยตัดสินใจ ไปเที่ยวที่นี่กัน สอบถามเจ้าหน้าที่แถวๆนั้นก็ได้ความว่า ถ้าจะไปอีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับทะเล จะต้องรถบัสข้ามสะพานไป โดยต้องไปขึ้นรถบัสที่ด้านหน้า ห้าง Mitsukoshi ราคาคนละ 220 ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
เกาะแห่งนี้มีชื่อว่า Momochi Seaside ถ้าดูเผินๆจะค่อนข้างกับเกาะ Odaiba ที่โตเกียว แต่ค่อนข้างเงียบสงบกว่า ส่วนใหญ่เป็นตึก ออฟฟิสและที่อยู่ของคนมีกะตังค์ซะมาก จุดท่องเที่ยวสำคัญๆของฝั่งนี้นอกจาก Fukuoka Tower แล้วก็มี Hawks Town Mall, Yahoo! Dome, Robosquare, และ Fukuoka City Museum
Fukuoka Tower ได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในเมืองด้วยความสูงถึง 234 เมตร มีการประดับประดาตึกด้วยแสงไฟลวดลายต่างๆในตอนกลางคืน เปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะ Blue Light Christmas ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ค่าขึ้นชม 800 เยน มีส่วนลด 20% สำหรับนักท่องเที่ยวที่โชว์พาสปอร์ตด้วย Observation Deck อยู่ที่ชั้น 5 ที่ความสูง 123 เมตร สามารถชมวิว Fukuoka City ได้ 360 องศา
บริเวณใกล้ๆกัน เดินเพียง 5 นาทีไปยัง Robosquare การจัดแสดงหุ่นยนต์ต่างๆ รวมทั้งโชว์ที่แสดงโดยหุ่นยนต์ด้วย
ด้านหน้าทางเข้าอาคาร Fukuoka Tower
ที่ด้านหลังของ Fukuoka Tower จะมี Momochi Seaside Park ที่สามารถเอนจอยกับบรรยากาศชายหาดที่หันหน้าเข้าสู่ Hakata Bay ได้ แต่ถ้าไม่ได้ไปช่วงหน้าร้อน ก็คงจะไม่ค่อยคึกคักมาก เพราะโดยปกติแล้วที่นี่จะเป็นที่ๆมาจู๋จี๋ของคนหนุ่มสาวกัน ไม่ก็มาจับกลุ่มเล่นวอลเลย์บอลชายหาดกันที่นี่ ถ้าใครมีโอกาสมาที่นี่ในหน้าร้อน อย่าลืมแวะมาลองดูบรรยากาศกันละกันครับ
ชายหาดของเกาะใต้ที่นี่ ทรายละเอียดเป็นสีน้ำตาล เป็นชายหาดจริงๆที่ต่างกับเกาะอื่นๆของญี่ปุ่น จะมีทรายเม็ดหนาและเป็นสีดำ
ร้านค้าต่างๆก็ไม่ได้เปิดทำการในช่วงนี้ เลยได้เเค่เก็บภาพสวยๆมาฝากกัน
จุดหมายอีกแห่งคือ Hawks Town ประกอบไปด้วย Hawks Town Mall, Yahoo! Dome stadium และ โรงแรม Fukuoka Hilton กีฬายอดนิยมสำหรับคนญี่ปุ่น คือ เบสบอล ทีมโปรที่มีชื่อเสียงมากๆของคิวชูคือ Softbank Hawks ที่มาจากเมืองฟุกุโอะกะนี่เอง สามารถเดินชม และ เลือกซื้อของที่ระลึกได้ที่นี่ก็ได้เช่นกัน
เข้าไปช้อปปิ้ง ที่ Hawks Town Mall ที่รวบรวมร้านค้ากว่า 100 ร้าน โดยเฉพาะแบรนด์กีฬาอย่าง Nike, Adidas สามารถเลือกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ที่นี่
มื้อเย็นวันนี้เรามีฝากท้องไว้กับย่านร้านค้าริมถนนอันโด่งดังของเมืองฟุกุโอะกะกัน ดังนั้นเราจะกลับมาตั้งต้นกันที่ Tenjin กันอีกครั้ง ถ้าใครเดินข้างบนตอนขามา ก็อยากจะให้สลับไปเดินเมืองใต้ดินแทน โดยด้านล่างจะมี Tenjin Underground Shopping Arcade ร้านค้าจะคึกคักไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน มีทางเชื่อมขึ้นลง จากด้านในห้าง Daimaru โดยช่วงกลางเดือน 7 ของทุกปีจะมี Clearance sales ครั้งใหญ่ประจำปี
ตกดึกย่านที่คึกคักที่สุดของเมือง คงไม่พ้น Nakasu ที่ผู้คนจากทุกสารทิศจะหลั่งไหลมาฝากท้องกันที่นี่
ที่รวบรวมร้านค้าแบบโบราณสไตล์ Yatai ริมแม่น้ำ มีทั้งราเมงรสเด็ด โอเด้ง ของปิ้งย่าง หน้าตาน่าทานกันแทบทุกร้าน เปิดให้บริการกันถึงตี 2 เลยทีเดียวแต่มาที่นี่ ก็ต้องใจกล้าหน่อย เมนูก็เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ เข้าไปถ้าอ่านได้ก็พอสั่งได้ แต่ถ้าไม่ได้ไม่ต้องกลัว รอคนข้างๆเค้าสั่งแล้วก็สั่งตามเค้า เล่นกันแบบนี้ไปเลย เพราะบางเมนูอ่านออกก็เดาไม่ออกอยู่ดีครับ ว่ามันคืออะไร
ร้านที่ผมเลือก เป็นร้านของคุณป้าใจดี มีคุณลูกเป็นเชฟ เขียนป้ายใหญ่โตว่า “เกี๊ยวซ่ารสชาติดั้งเดิม ทำเองกับมือ ต้องชิม” แหมเขียนชวนเชิญซะขนาดนี้ก็ต้องขอลอง เข้าไปลิ้มลองสักหน่อย
เข้ามาถึงก็สังเกี๊ยวซ่าก่อนเลย ลูกของคุณป้กำลังทอดใหม่ให้ทานกันร้อนๆ
อร่อยสมคำคุย แถมราคาไม่แพงแค่ 500 เยนเท่านั้น
อีกเมนูที่อยากแนะนำคือ Butatoro shio yaki เป็นเมนูหมูย่างโรยด้วยพริกไทยและเกลือ ถามคุณลุงว่าต้องจิ้มกับซอสอะไรมั้ย เค้าบอกว่า อร่อยอยู่แล้ว ไม่ต้องจิ้มอะไรเพิ่ม สุดยอดจริงๆครับร้านนี้ อย่าลิมสั่งเหล้าบ๊วยแกล้ม รับรองมื้อนี้พิเศษสุดจริงๆ
คุณลุงกำลังโชว์ปั้นเกี๊ยวซ่ากันสดๆ
อีกหนึ่งจาน เห็นคนข้างๆเค้าสั่ง ก็เลยชี้ตามเค้าว่าอยกาได้แบบนี้บ้าง ถ้าใครที่ชอบทานเครื่องใน รับรองว่าต้องอร่อยกับเมนูนี้
บรรยากาศของร้านอื่นๆที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ
สถานที่อื่นๆที่อยากแนะนำคือ Ohori Park ที่ควรมาชมสวนญี่ปุ่น แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้า Gokoku และ รวมไปถึงแวะชม ซากปรักหักพังของ Fukuoka Castle ที่ในอดีตเคยเป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะคิวชู แต่ได้ถูกทำลายลงในช่วงยุคปฏิรูปเมจิเมื่อปี 1870 และเป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมที่จะมีนักท่องเที่ยว มาชมดอกซากุระกันในฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย สามารถเดินมาได้ หรือจะนั่ง Subway มาลงที่ Ohori Koen Station ครับ
Ohori Park
Gokoku Shrine
Fukuoka Castle Ruins
เครดิต 3 ภาพสุดท้ายจาก Fukuoka City และ Japan Guide