การเดินทางในครั้งนี้ เราวางแผนมาเจาะลึก 3 จังหวัดในภูมิภาคโฮคุริขุ คือ ฟุคุอิ, อิชิคาวะ และ โทยามะ โดยบินลงสนามบินคันไซ แล้วใช้พาสสุดคุ้ม Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass รวมเวลาทั้งหมด 7 วัน รอบนี้มาช่วงปลายเดือนพ.ย.ก็จะยังทันชมใบไม้เปลี่ยนสีบ้าง นอกจากจะพาไปสถานที่เที่ยวแบบอันซีนแล้วยังพาไปสัมผัสประสบการณ์ค้างแรมหลากหลายรูปแบบด้วย ทั้ง ฟาร์มสเตย์, มินชูขุ, เรียวกัง และ นอนในโกดังโบราณ

สำหรับจุดหมายแรกของเราคือที่เมืองฟุคุอิ ขึ้นรถไฟจากโอซาก้ามาลง สถานี Fukui ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเราจะเที่ยวกัน 2 วันเต็มแบบสบายๆไม่เร่งรีบ ตามแผนนี้เลย โดยวันแรกจะเที่ยวในตัวเมืองฟุคุอิ และไปค้างคืนที่ อาวาระออนเซ็น ส่วนวันที่สอง จะไปเดินเล่นที่เมืองซาบาเอะ และค้างคืนฟาร์มสเตย์


ร้านอาหารสมุนไพรสุขภาพ 禅ZEN

ร้านอาหารสมุนไพรสุขภาพสไตล์เซ็น ที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ใช้วัตถุดิบและส่วนผสมจากการหมักตามธรรมชาติ โดยนำน้ำซุปที่ได้มาจากการต้มเปลือกไข่หมัก Hakko Tamago มาปรุงเป็นน้ำสต๊อก ซุปมิโซะ น้ำสลัด และแน่นอนว่าไม่มีเมนูทอด มั่นใจได้ว่าทานแล้วจะสุขภาพดีจากภายใน วันนี้เราเลือกทานชุดอาหาร Hakko yakuzen mini kobachi plate 発酵薬禅ミニ小鉢プレート ที่มาพร้อมกับเครื่องเคียง 10 อย่าง (ราคา 1,925 เยน)

  • เวลาทำการ: มื้อเที่ยง 11.00-15.00 น. (L.O. 14.00) มื้อเย็น 18.00-22.00 น. (L.O. 20.30) หยุดทุกวันจันทร์
  • การเดินทาง: จากสถานี Fukui ขึ้นรถบัส (มุ่งหน้าไป Fukui Daigaku Byoin) ลงป้าย Miyamaecho เดินต่อ 2 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


ร้านโชยุ Yamamoto Gikumaru Shoten (Yamagiku) 

โชยุของฟุคุอิมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือมีรสออกหวานปานกลาง โดยโชยุที่อยู่ในโซนเอจิเซ็นที่อยู่ติดกับทะเล ชาวประมงส่วนมากจะชื่นชอบรสหวานของโชยุที่ใช้ทานกับซาชิมิ เพราะเชื่อว่าทั้งรสของโชยุและรสของเนื้อปลาสดๆนั้นไม่มีรสเค็ม และแบรนด์ Yamagiku ก็สืบทอดเทคนิคดั้งเดิมในการทำโชยุส่งต่อกันมาถึง 4 รุ่นแล้ว และการที่เรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะได้ลองประสบการณ์ทำโชยุของตัวเองกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกได้ด้วย

  • ค่าใช้จ่าย: กิจกรรมบีบโชยุ 1,650 เยน (20 นาที)
  • เวลาทำการ: 9.00-18.00 น.
  • การเดินทาง: จากสถานี Fukui เดิน 10 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


เมืองน้ำพุร้อนอาวาระ (Awara Onsen) 

ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของจังหวัดฟุคุอิ เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่ถูกค้นพบเมื่อปีค.ศ.1883 จากการที่ชาวนาขุดดินและเจอน้ำพุร้อนพวยพุ่ง และนับจากนั้นเมืองนี้ก็เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆจนกลายเป็นแหล่งพักผ่อนของคันไซ และปัจจุบันมีเรียวกังให้บริการมากถึง 19 แห่ง และที่สำคัญในช่วงฤดูไบไม้ผลิ 2024 Hokuriku Shinkansen จะแวะจอดที่สถานี Awara Onsen ทำให้การเดินทางมาจากโตเกียวก็สะดวกยิ่งขึ้น 

  • การเดินทาง: จากสถานี Fukui ขึ้นรถไฟขบวน Shirasagi ลงสถานี Awara Onsen ใช้เวลา 11 นาที
  • เว็บไซต์

Yukemori Yokocho

มาที่เมืองนี้แล้วอยากจะหาของอร่อยสไตล์ท้องถิ่นต้องมาที่หมู่บ้านยูเคโมริโยโคโจ ที่รวมร้านเด็ดสไตล์แผงลอย (ยะไต) มาไว้นับสิบร้านที่มีเมนูยอดนิยมอย่าง เกี๊ยวซ่า, ราเม็ง, โอโคโนมิยากิ, ยากิโทริ ซึ่งแต่ละร้านจะนั่งได้ไม่เกิน 9 คน เป็นร้านเล็กๆให้ความรู้สึกอบอุ่น กินไปดื่มไปคุยกับเจ้าของร้านไป ย้อนบรรยากาศในวันวาน สำหรับวันนี้เราเลือกกินที่ร้าน Kushiage Gottsuan ที่เน้นของทอดเสียบไม้ซึ่งใช้น้ำมันข้าว ทำให้ไม่เลี่ยน ไม่อมน้ำมัน และกรอบอร่อยกำลังดี อิ่มท้องแล้วก็อย่าลืมแวะไปแช่ออนเซ็นเท้าที่อยู่ใกล้ๆกันด้วยนะ


Mimatsu

เรียวกังที่พักในครั้งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่สวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่สามารถชมวิวสวนจากห้องพักได้ และที่นี่ยังมีบ่อออนเซ็นหลายแบบที่จะแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือ ฝั่งวังพระอาทิตย์ (Taiyoden) และฝั่งวังพระจันทร์เต็มดวง (Meigetsuden) ถ้าใครมาเป็นครอบครัวและอยากได้ห้องที่มีออนเซ็นส่วนตัว ขอแนะนำห้อง Bettei Biyu ที่เป็นวิลล่าขนาดใหญ่ พักได้สูงสุด 5 คน

  • ค่าใช้จ่าย: ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น 2 คน เริ่มต้น 26,000 เยน
  • เว็บไซต์


ตื่นเช้าออกเดินทางกันต่อ จากอาวาระออนเซ็น ขึ้นรถไฟขบวน LTD. EXP. Shirasagi ใช้เวลาแค่ 20 นาที ก็มาถึงจุดหมายของเราที่เมืองซาบาเอะแล้ว

เมืองซาบาเอะ (Sabae) 

เมืองซาบาเอะ คือเมืองแห่งแว่นตาของญี่ปุ่น ที่นี่มีกาผลิตแว่นตั้งแต่ยุคสมัยที่หลายที่ยังเน้นทำเกษตรกรรมอยู่ ในช่วงยุคที่ญี่ปุ่นเฟื่องฟูมาก ยอดผลิตแว่นตาของเมืองซาบาเอะก็พุ่งทะยานสู่อันดับ 1 ของประเทศ และอยู่อันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ซาบาเอะยังผลิตกรอบแว่นที่ทำจากไทเทเนียมเป็นครั้งแรกของโลก ด้วยเทคโนโลยีและคุณภาพที่อยู่ในระดับสูงสุดของวงการแว่นตาระดับโลก 

  • การเดินทาง: จากสถานี Fukui ขึ้นรถไฟขบวน Shirasagi LTD EXP ลงสถานี Sabae ใช้เวลา 8 นาที
  • เว็บไซต์


พิพิธภัณฑ์แว่นตา (Megane Museum)

ถ้าอยากรู้เรื่องราวของแว่นตาที่เมืองซาบาเอะคงไม่มีที่ไหนที่จะมีคำตอบให้ครบครันที่สุดเท่ากับพิพิธภัณฑ์แว่นตาแห่งนี้ (Megane แปลว่า แว่นตา) เราสามารถเดินชมเมืองชิลล์ๆจากสถานีมาที่อาคารพิพิธภัณฑ์ได้ นอกเหนือจากที่นี่จะมีแว่นตาจำหน่ายกว่า 2,500 แบบแล้วยังมีมุมเวิร์คช็อปให้ได้ลองทำพวงกุญแจแว่นตาได้ด้วย ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ก็จะได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมา วิธีการ รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตแว่นตา และถ้าอยากนั่งพักก็มีโซนคาเฟ่ให้บริการด้วยนะ

  • ค่าเข้าชม: ฟรี (หยุดทุกวันอังคาร)
  • เวลาทำการ: 10.00-19.00 น. (โซนมิวเซียม, ช็อป ปิด 17.00 น., คาเฟ่ ปิด 16.00 น.)
  • การเดินทาง: จากสถานี Sabae เดิน 10 นาที
  • เว็บไซต์


ศาลเจ้ามัตสุโอกะ (Matsuoka Shrine)

ระหว่างทางเดินกลับเราแวะถ่ายรูปที่ศาลเจ้ามัตสุโอกะ เดิมทีตั้งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยของตระกูลซาบาเอะ ก่อนที่จะย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบัน และถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมืองซาบาเอะ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะมีต้นแปะก๊วยรอบบริเวณศาลเจ้า ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็พอจะมีมุมให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆ


Sabae-dog (Meat & Delica sasaki)

ถ้าถามถึงเมนูที่มาถึงซาบาเอะแล้วต้องกินก็ต้องยกให้ ซาบาเอะด็อก (Sabae-dog) ของร้าน Meat & Delica sasaki คอนเซ็ปต์ก็คือ ข้าวหมูทอดเดินไปกินไปได้ (Tabearukeru Katsudon) ที่มีจุดเด่นคือ ข้าวญี่ปุ่นที่พันด้วยเนื้อหมูนุ่มนำไปชุบแป้งทอด และราดด้วยซอส ซึ่งใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทั้งหมด (ไม้ละ 300 เยนเท่านั้น) จนได้ทั้งรางวัลและมีคนดังในโลกออนไลน์มาถ่ายทำกันเพียบ จนทำให้มียอดขายสูงสุด 1,500 แท่งต่อวัน นอกจากนี้ทางร้านยังมีขายอาหารเบนโตะ มีให้เลือกหลายเมนูด้วย (แต่ที่ร้านจะไม่มีที่ให้นั่งทานนะ ต้องซื้อกลับเท่านั้น)

  • เวลาทำการ: 10.00-19.00 น.
  • การเดินทาง: จากสถานี Sabae เดิน 10 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


ร้านเบเกอรี่ Europain Kimuraya

ใครสายหวานชื่นชอบเบเกอรี่ต้องมาที่ร้านนี้ ที่นี่มีทีเด็ดอยู่ที่เมนู Daifuku Anpan ที่ผสานความเป็นญี่ปุ่นและฝรั่งเศสไว้ด้วยกัน โดยการสอดไส้ไดฟุกุไส้ถั่วแดงไว้ด้านในขนมปังบริออช ที่ให้รสสัมผัสนุ่มฟูด้านนอกและเหนียวหนึบด้านใน จากจุดกำเนิดเพียงอยากจะนำไดฟุกุไปฝากให้กับลูกชายของเพื่อนคุณแม่ที่ฝรั่งเศส แต่กว่าจะถึงปลายทางความนุ่มสดใหม่ของไดฟุกุก็อาจจะหายไปซะแล้ว ก็เลยลองเอาไปหลบอยู่ในขนมปังเพื่อให้รักษาความนุ่มหนึบของไดฟุกุเอาไว้ จน กลายเป็นเมนูที่มีความแปลกใหม่แถมยังอร่อยสร้างความประทับใจมานานกว่า 40 ปี

  • เวลาทำการ: 9.30-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
  • การเดินทาง: จากสถานี Sabae เดิน 6 นาที
  • เว็บไซต์


Wan de En de

ที่พักในคืนนี้ของเราพิเศษสุดๆ เป็นสไตล์ฟาร์มสเตย์มีชื่อว่า วันเดอเอ็น (Wan de en) อยู่ที่หมู่บ้านคาวาดะ เมืองซาบาเอะ จังหวัดฟุคุอิ ได้ใช้ชีวิตที่สงบทั้งกายสงบทั้งใจ ได้อยู่ในบ้านอายุ 150 ปีของอดีตชาวสวน  ที่เจ้าของบ้านดูเเลเราเหมือนคนในครอบครัว ได้ลองทำกิจกรรมที่หาทำที่อื่นไม่ได้ รอบนี้ลองทานมื้อเย็นพร้อมพิธีชงชาด้วยกาน้ำชาโบราณ (Chameshigama) และได้เล่นกับเรจัง น้องหมาชิบะ พาไปเดินเล่นได้

แพกเกจที่พักมีหลายแบบ ทั้งห้องพักอย่างเดียว แต่ไปทั้งทีก็แนะนำให้จองแบบมีกิจกรรมและอาหารด้วย เพราะรอบๆไม่ได้สะดวกสบายมาก ไม่มีร้านสะดวกซื้อ ไปกลับเข้าตัวเมืองก็ต้องใช้รถ กินอยู่กับโอก้าซังไปเลยดีที่สุด (แอบกระซิบ อาหารฝีมือโอก้าซังอร่อยมาก) 

มีเว็บไซต์สำหรับจองเป็นภาษาอังกฤษ หรือจองผ่าน Airbnb ได้เหมือนกัน (แอดแปะลิงค์กับรายละเอียดไว้ในคอมเมนต์นะ)โอก้าซังไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่ไม่ต้องห่วง มีนทท.จากยุโรปมาพักกันตลอด ภาษาไม่ได้เป็นปัญหาเลย ห้องพักรองรับ 2-4 คน ไปเป็นครอบครัวก็ได้ มีห้องน้ำในตัว แต่ถ้าใครอยากแช่ออนเซ็น มีบริการพาไปที่โรงอาบน้ำใกล้ๆด้วย (ใหญ่โตโอ่อ่ากว่าที่คิด เพราะคนท้องถิ่นเองก็มาอาบน้ำที่นี่เหมือนกัน)

  • ค่าใช้จ่าย: 15,000 เยนต่อคน รวมอาหาร 2 มื้อและกิจกรรมพิธีชงชาและมื้อเย็นใต้แสงเทียนแบบดั้งเดิม
  • การเดินทาง: จากสถานี Sabae ขึ้นรถบัสท้องถิ่นใช้เวลาประมาณ 15 นาที (รถบัสมีวันละ 2-3 รอบ ถ้ามาไม่ตรงรอบให้ทางที่พักมารับที่สถานีได้ มีคชจ.เพิ่มเล็กน้อย)
  • เว็บไซต์

อ่านรีวิวตอนสอง >> Hokuriku: เจาะลึกโฮคุริขุช่วงใบไม้เปลี่ยนสี – Ishikawa
อ่านรีวิวตอนสาม >> Hokuriku: เจาะลึกโฮคุริขุช่วงใบไม้เปลี่ยนสี – Toyama