Kansai with Hankyu ตะลุยเที่ยวคันไซกับฮังคิว ตอน 1 เฮียวโงะ (Hyogo)

เมื่อเอ่ยถึง จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าเอ่ยว่า โกเบ หรือ ฮิเมจิ รับรองว่าทุกคนจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน โดยทั้ง 2 เมืองที่ว่ามานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจังหวัดขนาดใหญ่ที่เกือบจะมีพื้นที่พอๆกับเกียวโต, โอซาก้าและนารารวมกัน

จังหวัดใหญ่ขนาดนี้ เรื่องสถานที่เที่ยวก็ต้องมีเยอะตามแน่นอน โกเบกับฮิเมจิหลายคนคงไปเที่ยวจนทะลุปรุโปร่งกันมาแล้ว ครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่ยังเป็นที่รู้จักน้อย แต่ทว่ามีเสน่ห์สุดๆ ในจังหวัดนี้มีเมืองน้ำพุร้อนที่ดังมากๆ อยู่ด้วยกันถึง 2 แห่ง นั่นก็คือ เมืองน้ำพุร้อนอะริมะ (Arima Onsen) และ เมืองน้ำพุร้อนคิโนซะกิ (Kinosaki Onsen)

การเดินทางในทริปนี้จะเป็นการลัดเลาะไปจากตอนล่างขึ้นไปทางตอนบน ทำให้ได้พบว่าระหว่างทางนั้นยังมีเมืองเก่าแก่ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซะซะยะมะ (Sasayama), ทะเคดะ (Takeda) และ อิซุชิ (Izushi) ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเมืองปราสาท (Castle town) ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และยังคงกลิ่นอายในวันวานไว้ได้อย่างสวยงาม

การเดินทางส่วนใหญ่นั้นจะต้องเป็นการขึ้นรถไฟและต่อรถบัส หรือต้องเช่ารถขับ จึงจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้หมด หากมีเวลาสัก 2 วัน จากโอซาก้าหรือโกเบ น่าจะกำลังดี สำหรับท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ครับ นอกจากนี้ยังมีบริการ Day Tour จาก Hankyu Travel ตั้งต้นจากเมืองหลักในคันไซ ด้วยราคาสุดประหยัด สามารถเลือกดูทัวร์ที่ถูกใจได้ที่นี่ >> Hankyu Travel

หรือติดต่อทางเฟซบุคแฟนเพจ >> ฮังคิวทราเวลไทยเเลนด์


เริ่มต้นกันที่เมืองโกเบ ย่านคิตะโนะ (Kitano Ijinkan) เป็นย่านเก่าแก่ที่มีอายุมากว่า 150 ปี ในอดีตเคยเป็นย่านพักอาศัยของชาวต่างชาติที่เดินทางมาค้าขาย ทำธุรกิจในเมืองโกเบตั้งแต่สมัยเมจิที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศทำการค้าขายกับชาวต่างชาติ ซึ่งท่าเรือโกเบนี้เอง เป็นจุดแรกที่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้า

ถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบจากสงครามและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้อาคารบ้านเรือนต่างๆเสียหายไปหลายหลัง แต่ในปัจจุบันบริเวณนี้ยังคงมีบ้านเรือนและคฤหาสน์หลังงามในสไตล์ตะวันตกหลงเหลือให้ได้ชมอยู่ จะเห็นได้จากสัญลักษณ์รูปไก่กังหันลมบนหลังคา (Weather Cock House)

โดยจุดหลักๆ จะเป็นบ้านที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์คฤหาสน์ให้เข้าชม อาคารสีเขียวอ่อน Moegi House ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นเรือนรับรองของกงสุลใหญ่อเมริกาในปี ค.. 1903 Teddy Bear Museum หรือจะเดินชมสวนสมุนไพร Nunobiki Herd Garden ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ นอกจากบ้านและคฤหาสเก่าแก่แล้ว ก็มีจะร้านกาแฟ เบเกอรี่ ที่ตกแต่งน่ารักๆอยู่ในย่านนี้อีกหลายร้านให้ได้นั่งพัก ดื่มกาแฟพร้อมชมบรรยากาศสบายๆ และที่พลาดไม่ได้ก็คือ ร้านสตาร์บัคที่เข้ากับย่านนี้สุดๆ

สถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกในย่านคิตะโนะ

สถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกในย่านคิตะโนะ

ย่านคิตะโนะ (Kitano Ijinkan)
ค่าเข้าชม: ราคาไม่เท่ากันตามแต่ละพิพิธภัณฑ์
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 18.00 .
วันปิดทำการ: เปิดทำการทุกวัน
วิธีการเดินทาง รถไฟ: จากสถานี Shin-Kobe หรือสถานี Sannomiya เดิน 10-15 นาที


อะริมะอนเซ็น (Arima Onsen) เป็น 1 ใน 3 บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหลักอย่างโอซาก้าและโกเบ สามารถเดินทางได้ง่ายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

อะริมะอนเซ็น เป็นหมู่บ้านที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของภูเขารอคโคะ (Mt.Rokko) ที่อนเซ็นแห่งนี้ประกอบไปด้วยน้ำพุร้อนหลายบ่อ อาทิเช่น บ่อสีทอง (Kin no yu) หรือที่รู้จักกันในนามของ Gold Spring เนื่องมาจากธาตุเหล็กทำให้น้ำจะมีสีน้ำตาลแดงคล้ายสนิม หรือจะเป็นบ่อสีเงิน (Gin no yu) ซึ่งมีน้ำใสไม่มีสี เต็มไปด้วยแร่ธาตุคาร์บอเนตเรเดียมที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผลและโรคภัยต่างๆ ที่เปิดให้เป็นบ่อสาธารณะสามารถเข้าไปลองแช่ดูได้

บ่อสีทอง (Kin no yu)

บ่อสีเงิน (Gin no yu)

ตาน้ำภายในหมู่บ้าน

หรือจะเลือกเข้าพักในเรียวกัง ที่พักแบบญี่ปุ่น และผ่อนคลายในอนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติบนภูเขา และที่ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปขอพรคือ ศาลเจ้าโทเซ็น (Tousen Jinja) นั้นเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าผู้ปกป้องคุ้มครองอะริมะอนเซ็นแห่งนี้

หลังจากแช่น้ำร้อนผ่อนคลายแล้วออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศของย่านช้อปปิ้งบริเวณถนนสายหลัก ถนนไทโกะ (Taiko-dori) นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อของฝากและสินค้าที่ระลึกได้จากที่นี่อีกด้วย

Gin no yu Onsen
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 550 เยน, เด็ก 290 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อ (Kin no Yu & Gin no Yu) ราคา 850 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อและค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ (Taiko-no-yu Museum) ราคา 1,000 เยน
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 21.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 20.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน, วันขึ้นปีใหม่, เปิดในวันนักขัตฤกษ์และปิดทำการในวันถัดไป

Kin no yu Onsen
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 650 เยน, เด็ก 340 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อ (Kin no Yu & Gin no Yu) ราคา 850 เยน
บัตรแบบใช้เข้าได้ทั้งสองบ่อและค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ (Taiko-no-yu Museum) ราคา 1,000 เยน
เวลาเปิดปิด: 8.00 – 22.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 21.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของเดือน, วันขึ้นปีใหม่, เปิดในวันนักขัตฤกษ์และปิดทำการในวันถัดไป

วิธีการเดินทาง
จากสถานี Umeda ในโอซาก้า : โดยสารรถบัสของบริษัท JR หรือ Hankyu Bus ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
จากสถานี Sannomiya ในโกเบ: โดยสารรถบัสของบริษัท JR หรือ Hankyu Bus ใช้เวลาประมาณ 30 นาที


เมืองซะซะยะมะ (Sasayama) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของจังหวัดเฮียวโงะ เมืองเก่าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 โดยท่านโชกุน Tokugawa Ieyasu ได้มีคำสั่งให้สร้างปราสาทซะซะยะมะ (Sasayama Castle) เพื่อใช้ป้องกันกบฏจากปราสาทโอซาก้า ในภายหลังท่านโชกุนได้ยกให้ท่าน Aoyama ซึ่งเป็นข้าราชบริพารของท่านได้สืบทอดการดูแลปราสาทหลังนี้ต่อไป โดยมี Dai-shoin อาคารไม้ขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางบัญชาการของปราสาท

จากนั้นในปีค..1944 ถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ อาคารหลังใหม่จึงได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน ปีค..2004 โดยได้รับความร่วมมือจากชาวเมืองที่ช่วยบริจาคเพื่อบูรณะปราสาทขึ้นใหม่

Dai-shoin อาคารไม้ขนาดใหญ่ใช้เป็นศูนย์กลางบัญชาการของปราสาท

นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเที่ยวบริเวณรอบๆย่านเมืองเก่าแห่งนี้ สัมผัสกับประสบการณ์เที่ยวชมบรรยากาศของบ้านซามูไรในสมัยเอโดะ Anmas Bukeyashiki บ้านซามูไรหลังสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน ในอดีตบ้านแห่งนี้เป็นที่อาศัยของเหล่าบรรดากบฏ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเหล่าซามูไรในสมัยก่อนว่ามีความเป็นอยู่กันอย่างไรบ้าง

ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเกษตรกรรมชื่อดัง โดยผลผลิตที่มีชื่อเสียงของเมืองซะซะยะมะได้แก่ถั่วแดงอะซึกิ (Azuki Redbean) และถั่วดำ (Kuromame Bean) เหล้าสาเกและยังมีเห็ดมัสสึซะเกะที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน

นอกจากที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว อีกหนึ่งเทศกาลที่ไม่ควรพลาดคือ Tamba Sasayama Cherry Blossom Festival หรือเทศกาลชมดอกซากุระที่ซากปราสาทซะซะยะมะ นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมเดินทางมาชมความสวยงามของซากุระมากกว่า 1,000 ต้นที่พร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานสะพรั่งทั่วบริเวณปราสาทซะซะยะมะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อีกทั้งในช่วงกลางคืนยังมีการแสดง Light-up เพื่อช่วยเพิ่มความตื่นตาตื่นใจในการชมดอกซากุระอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก Travel Hyogo

ซากปราสาทซะซะยะมะ (Sasayama Castle Ruins) และห้องโถง Sasayama Castle Oshoin
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 400 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย 200 เยน, เด็กอายุ 6-15 ปี 100 เยน
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 17.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 16.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดทำการในวันถัดไป)

บ้านซามูไรโบราณ Buke-yashiki Samurai House Anma’s Historical Museum
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 200 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย 100 เยน, เด็กอายุ 6-15 ปี 50 เยน
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 17.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 16.30 .)
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดทำการในวันถัดไป)

วิธีการเดินทาง จากโอซาก้า : จากสถานี Osaka โดยสารรถไฟสาย JR Fukuchiyama ลงที่สถานี Sasayamaguchi ใช้เวลาประมาณ 75 นาที


ซากปราสาททาเคดะ (Takeda Castle Ruins) เจ้าของฉายา “Castle in the Sky” ที่ได้ชื่อเรียกนี้เพราะว่า วันที่อากาศเหมาะสมในช่วงเช้าหมอกรวมตัวหนาเราสามารถมองเห็น ฐานของปราสาทราวกับลอยอยู่เหนือท้องฟ้า และยังถูกขนานนามว่าเป็น Machu Pichu ของญี่ปุ่น ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เหลือแค่ตัวฐานของปราสาทเท่านั้น ตัวฐานตั้งอยู่บนเขาที่เมืองอะซะโงะ (Asago) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)

ปราสาททาเคดะ (Takeda-jo) ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ราวปีค..1431 ขนาดของฐานปราสาทวัดจากด้านเหนือใต้ 400 เมตร และ ตะวันออกตะวันตก 100 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือระดับน้ำทะเล 353 เมตร สามารถมองเห็นตัวเมืองได้ 360 องศา และในปีค.. 1943 ได้รับการอนุรักษ์ และขึ้นทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์

ทะเลหมอก มีจุดกำเนิดมาจากแม่น้ำมะรุยะมะ (Maruyama-gawa) ที่อยู่เบื้องล่าง หมอกจะลอยสูงขึ้นไปในอากาศจนถึงระดับกลางๆ ของภูเขา ทำให้เราสามารถมองเห็นฐานปราสาทล้อมไปด้วยทะเลหมอกคล้ายกับปราสาทลอยอยู่บนท้องฟ้า วิวนี้จะยิ่งสวยขึ้นไปอีกถ้ามีแสงแรกจากพระอาทิตย์ขึ้นในตอนรุ่งเช้าสะท้อนแสงสีทองไปบนเมฆ

ช่วงฤดูที่เหมาะสมสำหรับการขึ้นเขาชมวิวทะเลหมอกรอบฐานปราสาท เริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิ จะเห็นทะเลหมอกได้ ในช่วงเช้ามืดไปจนถึงหลังพระอาทิตย์ขึ้น (ไม่เกิน 8 โมงเช้า หรือแล้วแต่สภาพอากาศ) ช่วงที่ดีที่สุดเป็นตอนฤดูใบไม้ร่วงสามารถชมวิวนี้ได้สวยที่สุด โอกาสที่จะเห็นทะเลหมอกอยู่ที่เฉลี่ย 7-10 ครั้งต่อเดือน ในช่วงเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ร่วง

นอกจากการเที่ยวชมทะเลหมอกแล้ว ที่นี่ยังสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี โดยช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะบานเต็มสวน ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขารอบๆ ก็เต็มไปด้วยสีสัน และช่วงฤดูหนาว ทั้งภูเขาจะปกคลุมได้ด้วยหิมะ สำหรับครั้งนี้ที่ไปมาเป็นช่วงหน้าร้อน กลางเดือนพฤษภาคม แดดจะค่อนข้างแรง ฟ้าโปร่ง เมฆน้อย แต่ทางเดินขึ้นเขาจะมีร่มเงาต้นไม้ตลอดทาง พอขึ้นถึงด้านบนก็จะมีลมโชยเย็นๆให้พอหายเหนื่อย

ซากปราสาททาเคดะ (Takeda Castle Ruins)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่และเด็กมัธยมปลายขึ้นไป 500 เยน สำหรับเด็กมัธยมต้นและเด็กเล็กไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาทำการ :
ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เปิดเวลา 8.00 – 18.00 .
ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม เปิดเวลา 6.00 – 18.00 .
ช่วงเดือนกันยายน พฤศจิกายน 4.00 – 17.00 .
ช่วงเดือนธันวาคม – วันที่ 3 มกราคม 10.00 – 14.00 . (อาจมีเปลี่ยนแปลง)
วันปิดทำการ : ตั้งแต่ช่วง 4 มกราคม – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์
วิธีการเดินทาง จาก Himeji : โดยสารรถไฟสาย JR Bantan ลงที่สถานี Takeda ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง


สำหรับนักเดินทางอย่างเราที่ต้องการการอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา ทริปนี้ได้ตัวช่วยในการอัพเดทตลอดทั้งทริปอย่างไม่มีสะดุดด้วยพ็อกเก็ตไวไฟจาก Wi-Ho ที่ไม่ว่าจะเดินทางไกลแค่ไหน สัญญาณก็แรงดีไม่มีตก รับประกันคุณภาพครับ จองได้ที่นี่ >> Wi-Ho Thailand

หรือติดต่อได้ทางแฟนเพจ >> WiHo ประเทศไทย


เมืองอิซุชิ (Izushi) เมืองเล็กๆ ที่น่าสนใจทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka เมืองที่มีประวัติศาสตร์รุ่งเรืองมายาวนานกว่า 200-300ปี ตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะจนได้สมญานามว่า “Little Kyoto” เมืองอิซุชิได้ชื่อว่าเป็นเมืองปราสาท (Castle town) ที่ยังคงกลิ่นอายจากอดีตมาจวบจนปัจจุบันไว้ได้อย่างสวยงาม

สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนี้ก็คือ Shinkoro หอนาฬิกาไม้โบราณขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อปีค.. 1871 และยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน

เดินทางไปชม ซากปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle Ruins) แต่เดิมปราสาทแห่งนี้มีชื่อว่า ปราสาทอะริโกะยะมะ (Arikoyama Castle) สร้างขึ้นในปีค.. 1504 ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาอะริโกะยะมะ ใช้เพื่อเป็นหอสังเกตุการณ์ข้าศึกในสมัยอดีต

จากนั้นในปีค.. 1604 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายลง หลงเหลือไว้เพียงบางส่วนและซากปรักหักพัง อีกทั้งในช่วงยุคสมัยเมจิ ตัวปราสาทได้พังลงมาทั้งหมด จากนั้นจึงได้มีการบูรณะบางส่วนเช่น หอคอย, กำแพงหิน, คูน้ำ, ประตูและส่วนของสะพานไม้ที่บรรดาซามูไรจะใช้เพื่อข้ามขึ้นไปยังตัวปราสาท ด้านบนจะมีศาลเจ้า สังเกตได้จากเสาโทริดิสีแดงตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ ภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทอิซูชิ

นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงของฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระหลายร้อยต้นพร้อมใจกันเบ่งบานอวดความสวยงามกันเต็มพื้นของปราสาท อีกทั้งเมืองปราสาทของอิซูชิยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของประเทศ

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองอิซุชิ ก็คือการลองชิมซารุโซบะชื่อดังของเมืองนี้หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ อิซุชิโซบะ (Izushi Soba) โซบะแบบต้นตำหรับทานซุปดาชิ, ต้นหอม,วาซาบิต่อด้วยตอกไข่ออนเซนลงในซุป ปิดท้ายด้วยโทโรโรอิโมะ (Tororo Imo) มันป่าที่นำมาบดและกวนจนยืดเหนียว โดยมีวิธีการเสริฟที่แปลกไปจากที่อื่น คือปริมาณเส้นโซบะ 1 คนทานจะแบ่งเส้นโซบะเป็น 5 จานเล็กๆ จนมีคำเปรียบเปรยกันว่าถ้าหากใครสามารถทานโซบะจนเรียงจานเท่าความสูงของตะเกียบได้ นั่นคือคุณได้ทานอาหารแบบผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้ว

ปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle)
เวลาทำการ: 10.00-18.00 .
วันปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน

วิธีการเดินทาง จากโอซาก้า : โดยสารรถไฟ LTD.EXP. Konotori or Hamakazeลงที่สถานี Toyooka ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Zentan Busที่หน้าสถานี JR Toyooka ใช้เวลาประมาณ 30 นาที


อีกหนึ่งสถานที่ในรีวิวนี้ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสมาเยือนจังหวัดเฮียวโงะ หมู่บ้านน้ำพุร้อนคิโนะซะกิ (Kinosaki Onsen Town) ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka หมู่บ้านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมบ้านเรือนเป็นแบบคลาสสิกโบราณ ที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิริมฝั่งแม่น้ำจะเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง

จุดเด่นของที่นี่ได้แก่น้ำพุร้อนอนเซ็นจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติไม่เพียงแต่จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าเท่านั้นแต่ยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมายที่จะช่วยบำรุงผิวและมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคภัยต่างๆ ได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ที่ต้องการประสบการณ์การเข้าพักในสไตล์ญี่ปุ่นนี่มีที่พักแบบเรียวกังให้ได้เลือกมากมายให้เลือกพักผ่อน อีกทั้งผู้ที่เข้าพักที่เรียวกังในหมู่บ้านคิโนะซะกิอนเซ็นจะสามารถเข้าใช้บริการอนเซ็นสาธารณะได้ทุกที่ในเมืองอีกด้วย

Ashiyu อนเซ็นสำหรับแช่เท้าสาธารณะ

เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Toyooka นักท่องเที่ยวสามารถมาขอข้อมูลการท่องเที่ยวได้จาก ศูนย์ให้บริการข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว Kinosaki Onsen Tourist Information (SOZORO Tourist Information Center) ตั้งอยู่ติดกับสถานี JR Toyooka เพียงไม่กี่ก้าว ที่นี่ยังมีไวไฟและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ให้บริการฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว เวลาทำการ : 9.00 – 18.00 น.

นักท่องเที่ยวสามารถโดยสาร กระเช้าไฟฟ้าคิโนะซะกิ (Kinosaki Ropeway) เพื่อขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามด้านบนจุดชมวิว ด้านบนสามารถมองเห็นวิวของเมือง, แม่น้ำมะรุยะมะ (Maruyama River)ไปจนถึงทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) แบบพาโนรามา

วัดอนเซนจิ (Onsenji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่บนภูเขาไทชิ (Mount Taishi) ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองคิโนะซะกิ สร้างขึ้นในปี ค.. 738 บริเวณห้องโถงกลางยะคุชิโด (Yakushido) ของวัด เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม 11 เศียรที่สูงถึง 2 เมตร ซึ่งจะเปิดให้ได้เข้าสักการะทุกๆ 33 ปี โดยมีระยะเวลาเปิดให้ชมเพียงครั้งละ 3 ปี ครั้งต่อไปจะเป็นในช่วงปี ค.. 2018 ถึง 2021 นอกจากนี้บริเวณด้านหลังวัดยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะคิโนะซะกิ (Kinosaki Art Museum) อีกด้วย

กระเช้าไฟฟ้าคิโนะซะกิ (Kinosaki Ropeway)
ค่าเข้าชม: ไปกลับ ผู้ใหญ่ 900 เยน, เด็ก 450 เยน เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 460 เยน, เด็ก 240 เยน
เวลาทำการ : 9.10 – 16.45 . (รอบสุดท้าย 16.45 . และรอบสุดท้ายลงเวลา 17.10 .)
วันปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน
การเดินทาง : จากสถานี Kinosakionsen ไป Kinosaki Ropeway เดินประมาณ 20 นาที


เมื่อมาถึงเมืองอนเซ็นที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนคิโนะซะกิ (Kinosaki Onsen Town) สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือบ่อน้ำพุร้อนของที่นี่ โดยบ่อน้ำพุร้อนของคิโนะซะกิอนเซ็น

นอกจากจะมีบ่อตามเรียวกังแล้วยังมีแบบ Public Bath ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเข้าใช้ได้มีด้วยกัน 7 สถานที่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Satono-yu, Jizou-yu, Yanagi-yu, Ichino-yu, Goshono-yu, Mandara-yu และสุดท้าย Kouno-yu โดยทั้ง 7 ที่นั้น ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน สามารถเดินถึงกันได้ โดยผู้ที่มาใช้บริการเป็นคนแรกของแต่ละที่ของแต่ละวันจะได้รับของที่ระลึกเป็นแผ่นเหล็กสลักว่าได้มาเยือนเป็นคนแรกอีกด้วย

บ่อน้ำพุร้อนคิโนะซะกิ อนเซ็น (Kinosaki Onsen Spring Bath)

1. Satono-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 400 เยน
เวลาทำการ : 13.00 – 21.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันจันทร์

2. Jizou-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันศุกร์

3. Yanagi-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 15.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันพฤหัสบดี

4. Ichino-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันพุธ

5. Goshono-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 400 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : วันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน

6. Mandara-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 15.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันพุธ

7. Kouno-yu
ค่าเข้าใช้บริการ: ผู้ใหญ่ 600เยน, เด็ก (อายุ 1-12 ปี) 300 เยน
เวลาทำการ : 7.00 – 23.00 .
วันปิดทำการ : ทุกวันอังคาร


ถ้ำเก็นบุโด (Genbudo Cave) ตัวถ้ำเกิดจากการทับถมฟอร์มตัวของหินภูเขาไฟที่เย็นตัวลงจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อ 1.6 ล้านปีก่อน หินที่นี่มีรูปทรง 6 เหลี่ยม และมีความแข็งแรงคงทน จึงนำไปใช้สร้างสิ่งปลูกสร้างมากมายในอดีต รวมไปถึงกำแพงที่อยู่เลียบคลองในเมืองน้ำพุร้อนคิโนซากิด้วย ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Kinosaki Onsen โดยถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตมรดกทางธรณีวิทยา San’in Kaigan Geopark

ถ้ำเก็นบุโด (Genbudo Cave)
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา
การเดินทาง : จากสถานี Toyooka โดยสารรถไฟสาย JR Saninhon ลงที่สถานี Genbudo จากนั้นนั่งเรือข้ามมาฝั่งถ้ำได้เลย


สถานที่สุดท้ายสำหรับรีวิวนี้ เอาใจน้องๆหนูๆด้วยการพาไปชม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคิโนะซะกิมารีนเวิลด์ (Kinosaki Marine World)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งของทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโชว์สุดน่ารักและแสนรู้ของสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาโลมา สิงโตทะเล หรือเพนกวิน

จากที่นี่ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของปราสาทกลางทะเลริวงุโจ (Ryugujo) ที่ตั้งอยู่บนผาหินขนาดใหญ่ ห่างออกไปจากชายฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร

ขอบคุณภาพจาก Marine World

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคิโนะซะกิมารีนเวิลด์ (Kinosaki Marine World)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 2,470 เยน, เด็กอายุ 6-15 ปี 1,230 เยน, เด็กอายุ 3-5 ปี 620 เยน
เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 16.30 .)
ช่วงวันที่ 20 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม เปิดทำการ 9.00 – 18.00 .
และช่วง Golden Week , ช่วงฤดูร้อนและช่วงเทศกาล O-bon สามารถเช็คเวลาทำการได้ทางเว็บไซต์
วันปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน
การเดินทาง จากสถานี Kinosaki Onsen โดยรถบัสและรถแท็กซี่ ลงที่ป้ายรถบัส Hiyoriyama bus stop จากนั้นเดินต่อ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที และปั่นจักรยาน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ : Marine World


บริการ Day Tour จาก Hankyu Travel ตั้งต้นจากเมืองหลักในคันไซ ด้วยราคาสุดประหยัด สามารถเลือกดูทัวร์ที่ถูกใจได้ที่นี่ >> Hankyu Travel

Arima OnsenCastle townGenbudo CaveHankyu Tour ThailandHyogoIzushiIzushi SobaJapanKansaiKinosaki Marine WorldKinosaki RopewayLittle KyotoSasayamaSOZOROTakeda-joToyookaWi-Hoคิตะโนะจังหวัดเฮียวโงะซะซะยะมะซากปราสาททาเคดะภูมิภาคคันไซหมู่บ้านซามูไรหมู่บ้านน้ำพุร้อนคิโนะซะกิอะริมะอนเซ็นฮังคิวทัวร์ฮังคิวทัวร์ประเทศไทยเที่ยวญี่ปุ่นโกเบ