การเดินทางไปฟุคุชิมะของทีมงานเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมในครั้งนี้ ตั้งใจไปที่เมืองนิฮมมัตสุ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่งานเทศกาลยิ่งใหญ่ประจำปี นั่นก็คือ เทศกาลโคมไฟนิฮมมัตสุ (Nihonmatsu Lantern Festival) ที่จะจัดขึ้นทุกสุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมเป็นประจำทุกปี และในโอกาสนี้ก็จะได้ชมงานเทศกาลดอกไม้ Nihommatsu no Kiku-Ningyo ที่ปราสาทคะสุมิกะโจอีกด้วย ตามไปเที่ยวกันเลยครับ

การเดินทางจากโตเกียว

  • จากสถานี Tokyo ขึ้นชินคันเซ็นลงสถานี Koriyama ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
  • จากสถานี Koriyama โดยสารรถไฟ JR สาย Tohoku ลงสถานี Nihommatsu ใช้เวลา 22 นาที
  • จากนั้นต่อรถบัสหน้าสถานีลงที่ป้าย Kasumigajo Kouen อีกประมาณ 10 นาที

การเดินทางจากเซนได

  • จากสถานี Sendai ขึ้นชินคันเซ็นลงสถานี Fukushima ใช้เวลา 26 นาที
  • จากสถานี Fukushima โดยสารรถไฟ JR สาย Tohoku ลงสถานี Nihommatsu ใช้เวลา 22 นาที
  • จากนั้นต่อรถบัสหน้าสถานีลงที่ป้าย Kasumigajo Kouen อีกประมาณ 10 นาที

(สามารถสอบถามข้อมูล และรับตารางเวลารถบัสได้ที่ Tourist Information Center ภายในสถานี)

nihonmatsu 48

ชมงานเทศกาลตุ๊กตาประดับดอกไม้ Nihommatsu no Kiku-Ningyo 二本松の菊人形 ที่สวนคะสุมิกะโจ (Kasumigajo) เมืองนิฮมมัตสุ (Nihonmatsu) จัดเเสดงเรื่องราวของเก็นจิ จากนวนิยายชื่อดัง The Tale of Genji ที่มีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน ผ่านรูปปั้นที่ประดับอย่างประณีตด้วยดอกคิคุ หรือดอกเบญจมาศ โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 65 แล้ว

ระยะเวลาจัดงาน: 1 ตุลาคม – 17 พฤศจิกายน 2019
เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม: 900 เยน

nihonmatsu 01

ช่วงที่มาถึงทางเมืองกำลังเตรียมจัดงาน Yoi Matsuri เทศกาลใหญ่ประจำปีพอดี ซึ่งในปี 2019 จะจัดขึ้น 3 วันคือ 5,6,7 ต.ค.

nihonmatsu 02

สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่ด้านหน้าทางเข้า (ใช้บัตรเครดิตได้)

nihonmatsu 03

มีกิจกรรมให้ลองสวมใส่ชุดเกราะ และชุดกิโมโนถ่ายรูปภายในปราสาท (เฉพาะช่วงเทศกาลถึง 17 พ.ย.เท่านั้น) สามารถใส่เดินเล่นได้ 30 นาที มีเจ้าหน้าที่มาดูแล แต่งตัวให้เราอย่างดี

ค่าเช่า 1,000 เยน (1,500 เยน รวมตั๋วเข้าชมเทศกาล)
*ราคารวมเซ็ทชาเขียวพร้อมขนมที่ร้าน Senshintei ด้วยจะอยู่ที่ราคา 1,900 เยน

nihonmatsu 42

เลือกใส่ชุดนักรบ แต่งออกมาเสร็จแล้วก็จะประมาณนี้ (ชุดนักรบนี้เป็นพลาสติก ไม่หนัก เดินใส่ได้สบายๆครับ)

nihonmatsu 04

ดอกเบญจมาศญี่ปุ่น Chrysanthemum กำลังเบ่งบานสวยงาม

nihonmatsu 05

มาเที่ยวทุกทริป ทีมงานเราใช้พ็อกเก็ตไวไฟขอTravel Recommends อึดทนแรงตัวจริง ไม่ว่าจะไปไหน สัญญาณยังเต็มเปี่ยม เล่นได้ไม่มีสะดุด เอาเป็นว่า ใช้เองแล้วดีก็เลยเชียร์ แถมราคาไม่แพงด้วย

รับส่วนลด 300 บาท เมื่อจองไวไฟ 5 วันขึ้นไป เพียงระบุโค้ด KOLTIEWYEEPOON จองเลย >> ที่นี่

nihonmatsu 06

เรื่องราวที่จัดแสดงภายในสวนคือตำนานของเก็นจิ ซึ่งหุ่นที่ดำเนินเรื่อง มีหน้าตาคล้ายกับไอดอลชื่อดัง จึงได้ถามทางจนท.ของเมือง ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ได้ใช้ใบหน้าของทักกี้ มาเป็นต้นแบบนั่นเอง

nihonmatsu 07

ปราสาทนิฮมมัตสุ (Nihommatsu Castle) หรือมีอีกชื่อเรียกว่าปราสาทคะสุมิกะ (Kasumiga-jo) ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางค.ศ.1600 ซึ่งสร้างขึ้นมาจากปราสาทหลังเก่า ได้รับการบันทึกให้เป็นหนึ่งในปราสาท 100 ปราสาทที่สวยงามของญี่ปุ่น

สวนสวยแห่งนี้ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะมีต้นซากุระเบ่งบานทั่วทั้งเขา แต่ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เจอกับฝูงต้นโมมิจิ หรือเมเปิล สลับสีสันแดงส้มเหลืองทั่วทั้งเขาเช่นกัน ช่วงที่ไปถึง ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสี ซึ่งถือว่าค่อนข้างช้ากว่าปกติ ถ้าเดินทางมาช่วงต้น-กลางเดือนพ.ย. คาดว่าจะเปลี่ยนสีสวยแล้ว

nihonmatsu 08

ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่ ก็จะได้บรรยากาศอีกแบบนึงเลย

DSC00288

ในช่วงเวลาเดียวกัน มีจัดงาน Nihonmatsu MUM Festival ด้วย โดยมี Lucky คาแรคเตอร์จากโปเกมอน มาเป็นตัวเอกส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองนิฮมมัตสุในครั้งนี้

nihonmatsu 12

น้องหมาน่ารัก

nihonmatsu 13

ขึ้นไปทานขนมญี่ปุ่น และ มัทฉะ แบบดั้งเดิมที่ร้าน Senshintei ที่ตั้งอยู่ด้านบนของสวน ชุดละ 500 เยน

nihonmatsu 10

เช่าชุดกิโมโนใส่ถ่ายรูปได้ด้วย (นางแบบ: นานะซัง แอดมินเพจ ไม่ใช่กรูรู แต่กรูรู้ ของถูกในโตเกียว)

nihonmatsu 11

เดินต่อขึ้นมาบนยอดเขา เพื่อชมวิวเมืองนิฮมมัตสุ

nihonmatsu 09

หลังจากนั้นให้ย้อนกลับมาที่ด้านล่างก่อนเข้าปราสาท มีร้านที่สามารถทดลองทำขนมเองได้ในราคา 1,500 เยน ซึ่งก็จะได้ขนมที่เราทำเอง กับขนมที่เจ้าของร้านทำให้อย่างสวยงาม 2 ชิ้นกลับไป

nihonmatsu 15

เทียบผลงานแล้วจะรู้เลยว่าฝีมือคนละชั้น

nihonmatsu 41

เจ้าหน้าที่ประจำเมืองพาพวกเรามาทานเมนูดังที่เป็นที่นิยมของชาวท้องถิ่นมาก นั่นก็คือ ยากิโซบะ รสชาตเข้มข้นอร่อยมากๆครับ

nihonmatsu 43


ช่วงเย็นของวัน เรามีโปรแกรมไฮไลท์ นั่นก็คือ เทศกาลโคมไฟนิฮมมัตสุ (Nihonmatsu Lantern Festival) หรือมีชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า Yoi matsuri 宵祭り โดยงานนี้จะจัดขึ้นช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 5-7 ต.ค. ที่ผ่านมา

nihonmatsu 22

ระหว่างรองานเริ่ม เรายังเพลิดเพลินไปกับร้านค้าที่มักจะพบได้ตามงานเทศกาลต่างๆ

nihonmatsu 19

nihonmatsu 20

เข้าร่วมกิจกรรมทำโคมของตัวเองได้อีกด้วย (ค่าบริการครั้งละ 1,000 เยน)

nihonmatsu 16

ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โคมไฟของแอดมิน

nihonmatsu 17

nihonmatsu 18

ตอนนี้ขบวนโคมไฟต่างๆเริ่มออกมาเตรียมพร้อมกันแล้ว

nihonmatsu 21

งานเทศกาลนี้เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกราว 370 ปีก่อน โดยไดเมียว ผู้ปกครองปราสาทนิฮมมัตสุ ที่ประสงค์จะให้มีงานเทศกาลของนิกายชินโตที่ใครก็สามารถเข้าร่วมได้ โดยไม่เกี่ยงยศถาบรรดาศักดิ์ และได้สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน จนติดอันดับ 1 ใน 3 งานเทศกาลโคมไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

nihonmatsu 23

บรรดาหนุ่มๆส่งเสียงโห่ร้องเป็นจังหวะ ช่วยเอนเตอร์เทนให้บรรยากาศงานคึกคักอยู่ตลอดเวลา

nihonmatsu 24

ไฮไลท์ของงานคือ เมื่อตะวันลับฟ้า ขบวนแห่ทั้งเจ็ดเป็นตัวแทนจาก 7 หมู่บ้านของเมืองนิฮมมัตสุ ได้มารวมตัวกันและจุดไฟสว่างไสว พร้อมเพรียงกัน และหลังจากนั้นก็จะทำการแห่ไปทั่วเมืองตลอดค่ำคืน ด้วยความคึกคักและพลังอันเปี่ยมล้นของตัวแทนแต่ละหมู่บ้าน

nihonmatsu 25

ตัวขบวนแห่ทำขึ้นด้วยโคมไฟกระดาษจำนวน 300 ชิ้นที่ด้านในมีเทียนของจริงอยู่ และจะต้องทำการเปลี่ยนตลอดระยะเวลาที่แห่โคม ที่ว่ากันว่าใช้มากถึง 1,500 เล่มในคืนเดียว สำหรับสิ่งที่ทำให้ขบวนแห่โคมของที่เมืองนี้แตกต่างจากที่อื่นก็คือ โคมที่ประดับอยู่บนยอดที่เรียกว่า Suginari

nihonmatsu 26

งานนี้ไม่เสียค่าเข้าชม และยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน เป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลใหญ่ของญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดงานหนึ่ง สามารถไปชมได้ทั้ง 3 วัน แต่ถ้าจะเลือกวันใดวันหนึ่ง แนะนำค่ำคืนแรกที่เราจะได้เห็นขบวนแห่ทั้งเจ็ดครบในคืนเดียว

วันที่ 1 เวลาแห่ 17.30 – 23.30 / วันที่ 2 เวลาแห่ 8.30 – 15.00 / วันที่ 3 เวลาแห่ 17.30 – 20.30

nihonmatsu 27

ส่วนร้านขนมที่อยู่ทั่วเมือง จะร่วมกันทำขนมให้เข้ากับงานเทศกาล โดยมีแพกเกจเป็นลายโคมไฟ ด้านในเป็นขนมโยกัง ที่มีสัญลักษณ์ของแต่ละหมู่บ้าน (แอบบอกว่า ขนมซุนดะโมจิของร้านนี้หอมอร่อยมากกก)

nihonmatsu 28

วิธีทาน คือให้จิ้มที่เปลือกของขนม แล้วลูกโป่งที่หุ้มอยู่จะแตก และลอกออกหมดในทันที ก็จะกลายเป็นขนมโยกัง มีหลากหลายรสชาติ อาทิ รสพีช รสโคชิอัน เป็นต้น

nihonmatsu 29

ส่วนมื้อค่ำวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่พามาร้านเก่าแก่ เป็นที่นิยมของคนท้องถิ่นอีกแล้ว เมนูเด่นก็คือ โอเด้ง ครับ
ชื่อร้าน Oden Miyoshi >> เว็บไซต์

nihonmatsu 30

สำหรับที่พักในค่ำคืนนี้ เรานอนกันที่ mt.inn ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านดาเคะอนเซ็น (Dake onsen) ด้านล่างเป็นแนวแอดเวนเจอร์ ส่วนห้องพักเป็นสไตล์ญี่ปุ่น และมีออนเซ็นด้วย

nihonmatsu 44

อาหารเช้า มาเป็นกล่อง เสิร์ฟให้ที่ห้องอาหารชั้นล่าง ทุกเช้า

nihonmatsu 45


เช้าวันต่อมาเราเดินทางมาที่ Adachigahara Furusato Village Prefectural Museum 安達ケ原ふるさと村先人館

nihonmatsu 31

มีกิจกรรมให้ฝึกทำกระดาษวะชิ ราคาคนละ 200 เยน ใช้เวลา 15 นาทีเท่านั้น

nihonmatsu 32

สามาถเลือกสีที่ชอบ และผสมออกมาในแบบของเราเอง

nihonmatsu 33

หลังจากนั้นก็ไปชมงานเทศกาลดอกพลับพลึงแดง Manjujage Red Spider Lily Festival ที่มีปลูกไว้ทั่วสวนกว่า 1.8 ล้านต้น ด้านในสวนมีเจดีย์ที่เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระโพธิสัตว์ ให้เข้าไปสักการะกันด้วย

nihonmatsu 34

ช่วงเวลาที่ชมได้สวยคือ ต้นเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม ค่าเข้าชมคนละ 300 เยน

nihonmatsu 35

nihonmatsu 36

nihonmatsu 37

nihonmatsu 50

ด้านหลังเป็นที่ตั้งของ สวนอะดะจิกะฮะระ (Adachigahara Park) มีหมู่บ้านโบราณ และสวนดอกไม้ให้ได้ชมกัน

nihonmatsu 39

หลังจากนั้นเรามาฝึกทำตะเกียบกันต่อ ซึ่งงานนี้ต้องออกแรงขัดเยอะมาก (ราคา 2,500 เยน)

nihonmatsu 40

ปิดท้ายมาทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน Kura Café Sen no Hana ที่เราจะได้มีโอกาสทานอาหารมื้อพิเศษในโกดังโบราณ (พิกัด)

nihonmatsu 46

ข้าวของที่นี่มีความนุ่มหนึบ เคี้ยวอร่อยมากๆ แนะนำว่าให้ลองครับ

nihonmatsu 47

เมืองนิฮมมัตสุ เป็นเมืองที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และผู้คนอัธยาศัยดี เป็นอีกเมืองที่ทีมงานเราประทับใจมากๆ เดินทางไม่ลำบากด้วย ใครกำลังมองหาเมืองเล็กๆในญี่ปุ่น ที่ยังไม่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แนะนำว่าต้องมาที่นี่เลยครับ

nihonmatsu 14