ทริปนี้เราไปเที่ยวกันยาวๆสองจังหวัดที่สามารถเดินทางถึงกันได้ที่จังหวัดนีงาตะและนากาโนะ ไปลุยเมืองหิมะ เรียนสกีสำหรับมือใหม่ กิจกรรมสโนว์ชูเดินบนหิมะ รวมไปถึงสถานที่เที่ยวต้องไปในฤดูหนาว

รีวิวนี้จะเป็นโมเดลคอร์สสำหรับคนอยากตามรอยไปเที่ยวได้เลย แบ่งออกเป็น 2 ตอน ถ้าเดินทางด้วยรถเช่าจะสะดวกมากกว่า ซึ่งแต่ละสถานที่ ถ้าสามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ เราจะเขียนรายละเอียดวิธีการเดินทางด้วยรถไฟให้เช่นกัน

เนื่องจากทริปนี้มีวันที่เราเล่นหิมะ เรียนสกี กิจกรรมต่างๆ ซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวัน ทำให้ทริปมีความยาวรวม 6 วัน แต่ถ้าใครอยากแค่แวะมาถ่ายรูป ตามสถานที่ต่างๆ สามารถกระชับให้ทริปสั้นลงได้

วันที่ 1 : [นีงาตะ] GALA Yuzawa / [นากาโนะ] เทศกาลคามาคุระ / พักที่เมืองชิบุอนเซ็น
วันที่ 2 : [นากาโนะ] Snow Monkey Park / Senkoji / พักที่เมืองฮาคุบะ
วันที่ 3 : [นากาโนะ] Hakuba Iwatake Snow Field / พักที่เมืองมัตสึโมโตะ


วันที่ 1

เริ่มต้นทริปด้วยการเดินทางออกจากโตเกียวด้วยชินคันเซ็นไปที่ลานสกี GALA Yuzawa

GALA Yuzawa Snow Resort

ลานสกีที่อยู่ใกล้กับโตเกียว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะสามารถเดินทางไป-กลับ ระหว่างโตเกียวได้ใน 1 วันสบายๆ อีกทั้งชาวต่างชาติยังสามารถใช้ “Tokyo Wide Pass” ได้ และมีส่วนลดใช้ในลานสกีได้ด้วย

ลานสกีกาล่ายูซาวะ ตั้งอยู่ที่เมืองยูซาวะ (Yuzawa)  จังหวัดนีงาตะ (Niigata) เหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ แม้มือใหม่ยังไม่เคยเล่น ที่นี่มีคอร์สสอนเล่นสกี ที่มีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาไทยได้คอยช่วยสอนเราด้วย นอกจากสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็น ถาดเลื่อน สโนว์โมบิล และ Kids Zone สำหรับเด็กๆ

สำหรับใครที่จะมาเล่นสกี สโนว์บอร์ดหรือกิจกรรมอื่นๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์ เพราะที่นี่มีบริการให้เช่าอุปกรณ์ครบทุกอย่าง หรือถ้าอยากซื้อเป็นของตัวเอง ก็มีร้านค้าที่ขายของอุปกรณ์เล่นสกีพร้อม

ช่วงเวลาให้บริการ : ธ.ค.-ต้นพ.ค. (ตรวจสอบจากเว็บไซต์อีกครั้ง)
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo ขึ้น Jōetsu Shinkansen ลงสถานี Gala Yuzawa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เว็บไซต์ | พิกัด

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการสปาซาวน่า ซึ่งจะอยู่บริเวณชั้น 3 ของสถานี Gala Yuzawa หลังจากเล่นสกีเสร็จก็สามารถไปผ่อนคลายกันได้ และยังมีร้านอาหารวิวดีติดลานสกี มีเมนูน่ากินหลายอย่าง แนะนำร้านเครปที่เพิ่งมาเปิดใหม่ เป็นเครปที่มีซะซะดังโงะของชึ้นชื่อจังหวัดนีงาตะใส่ไว้ด้วย


แวะทานมื้อเที่ยงระหว่างทางกันที่ เมืองมินามิอุโอนุมะ (Minamiuonuma) เป็นแหล่งปลูกข้าว “พันธุ์โคชิฮิคาริ” ที่มีคุณภาพดีและอร่อยที่สุดของญี่ปุ่น​นั่นเอง ร้านอาหาร Sengoku เป็นร้านสไตล์อิซากายะ แต่มีมื้อกลางวันขายด้วย อาหารทะเลอร่อยสดใหม่ ราคาไม่แพง ใครที่ทานปลาดิบไม่ได้ มีเมนูเทมปุระต่างๆให้เลือก

เวลาทำการ: 11.30-14.00 น. 17.00-24.00 น. (หยุดวันอังคาร)
การเดินทาง: จากสถานี Echigo-Yuzawa ขึ้นรถไฟ JR สาย Joetsu ลงสถานี Muikamachi ใช้เวลา 20 นาที และเดินต่อ 2 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด

หลังจากนี้จะเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อไปเข้าพักที่ “ชิบุอนเซ็น” เมืองน้ำพุร้อนขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโนะ ซึ่งในช่วงฤดูหนาวจะมีเทศกาลกระท่อมหิมะหรือคามาคุระให้แวะชมระหว่างทางด้วย


ทศกาลกระท่อมหิมะ Kamakura no Sato

ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการจัดงานเทศกาลกระท่อมหิมะ Kamakura no Sato ที่เมืองอียามะ (Iiyama) จังหวัดนากาโนะ (Nagano) ที่นี่มีคามาคุระตั้งอยู่เรียงรายประมาณ 20 หลังด้วยกัน เราสามารถไปชมความสวยงามพร้อมกับใช้เวลาพักผ่อนและดื่มด่ำบรรยากาศในกระท่อมหิมะของที่นี่ได้ แต่ควรจองไปล่วงหน้า

นอกจากนี้เรายังสามารถเพลิดเพลินกับมื้ออาหารของพื้นที่นี้ได้ เช่น โนโรชินาเบะ นั่งทานหม้อไฟนาเบะอุ่นๆที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น กระท่อมหิมะหลังสุดท้ายมีศาลเจ้าให้ไปไหว้ขอพรได้ด้วย และที่นี่ยังมีไลท์อัพให้ได้ชมกัน แสงไฟสว่างไสวในตอนกลางคืนสร้างบรรยากาศให้บริเวณกระท่อมดูสวยโรแมนติกมากๆ

ช่วงเวลาจัดงาน : ปลายเดือนม.ค. ถึง ปลายเดือนก.พ.
การเดินทาง : จากสถานี Iiyama นั่งบัสสาย Togari Onsen Ski-jo ลงป้าย Shinanodaira ใช้เวลา 12 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด

Credit: Kamakura no Sato

เมืองน้ำพุร้อนชิบุอนเซ็น (Shibu Onsen)

เมืองน้ำพุร้อนเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่เมืองยามาโนะอุจิ (Yamanouchi) จังหวัดนากาโนะ (Nagano) มีบรรยากาศเงียบสงบ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม รายล้อมไปด้วยเหล่าที่พักเรียวกัง เหมาะแก่การมาพักผ่อน

จุดเด่นของที่นี่คือ มีบ่ออนเซ็นสาธารณะให้เราได้เดินแช่มากถึง 9 บ่อ ซึ่งแต่ละบ่อมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่น ช่วยเรื่องอาการปวดข้อ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ช่วยปรับสมดุลร่างกายของผู้หญิง เป็นต้น ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของอนเซ็นที่ไม่เหมือนใครทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่นที่ต้องการมาแช่อนเซ็นเพื่อการรักษา หากเราเข้าพักในเรียวกังที่นี่ จะมีกุญแจให้สำหรับเข้าใช้บริการทุกบ่อ ซึ่งเราสามารถเดินเลือกได้เลย

Shibu Onsen Kokuya

สำหรับคืนแรก ขอแนะนำ Shibu Onsen Kokuya ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นใจกลางเมืองชิบุอนเซ็น ทางเรียวกังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งบัสรับส่งฟรีระหว่างสถานีกับโรงแรม ถ้าขับรถมามีรถตุ๊กตุ๊กไปรับถึงที่จอดรถ

ภายในห้องพักมีห้องอาบน้ำและห้องน้ำให้ทุกห้อง และเกือบทุกห้องมีบ่อแช่อนเซ็นส่วนตัว ถ้าห้องไหนไม่มีบ่อแช่ส่วนตัว สามารถใช้บริการ Private Onsen ที่เป็นห้องอนเซ็นส่วนตัวได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพียงจองเวลาก่อนที่จะเข้าใช้ล่วงหน้าเท่านั้น

ทางโรงแรมก็ชอบคนไทยมากๆ มีธงไทย มีรถตุ๊กตุ๊ก มีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาไทยได้ด้วย และที่ต้องพูดถึงเลยคือ อาหารที่นี่อร่อยมาก! รสชาติดีทั้งมื้อเย็นแบบไคเซกิ และ มื้อเช้าแบบญี่ปุ่น ที่สำคัญอาหารจานต่อจานจะใส่ใจทุกรายละเอียดและแขกผู้เข้าพักทุกคน ใครแพ้อะไร ทานอะไรไม่ได้ ทางโรงแรมจะจำรายละเอียดได้หมดเลยค่ะ

การเดินทาง : จากสถานี Nagano นั่งรถไฟสาย Nagano-Dentetsu ลงสถานี Yudanaka ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นรถรับส่งของทางโรงแรม
เว็บไซต์ | พิกัด


วันที่ 2

จากที่พักในเมืองชิบุอนเซ็น เดินทางไปชมลิงหิมะ ได้สะดวก ขับรถหรือนั่งรถบัสไปประมาณ 10 นาที

Snow Monkey Park

คนญี่ปุ่นจะเรียกที่นี่ว่า Jigokudani Monkey Park ตั้งอยู่ในหุบเขาแม่น้ำโยโคยู อุทยานแห่งชาติ Joshinetsu Kogen ซึ่งคำว่า Jigokudani มีความหมายว่า “หุบเขานรก” การเดินทางมาชมลิงหิมะ หรือนิฮงซารุ ในช่วงฤดูหนาวจะต้องเดินไกลพอสมควร และมีหิมะตกต้องระวังลื่นและใช้เวลาเดินขึ้นเขาไปราวๆครึ่งชั่วโมง แต่ระหว่างทางมีวิวสวยงาม สามารถแวะถ่ายรูปพักเหนื่อยกันเป็นระยะๆได้

คำเตือน: การลงบ่อแช่น้ำร้อนของลิงที่นี่เป็นวิถีธรรมชาติของน้องๆ เมื่ออากาศหนาวน้องลิงต้องสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูได้แบบใกล้ๆ แต่ห้ามรบกวนหรือจับน้องเด็ดขาด และห้ามเอาอาหารไปให้น้องนะคะ

เวลาทำการ : ฤดูร้อน 8.30 – 17.00 น. ฤดูหนาว 9.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน
การเดินทาง : จากสถานี Yudanaka นั่งบัสสาย Kanbayashi ไปลงป้าย Kutsunomimyo เดินต่อประมาณ 3.1 กม. หรือ จากสถานี Nagano นั่งบัสสาย Express Shiga Kogen ลงป้าย Snow Monkey Park เดินต่อประมาณ 3.8 กม.
เว็บไซต์ | พิกัด


วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji)

วัดพุทธแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองนากาโนะ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยไม้มีประวัติศาสตร์ 1,400 ปี อาคารหลักด้านในจะเป็นปรัมพิธีสวดวัด ทุกเช้าจะมีพระจากทั้งหมด 39 แห่งมารวมตัวสวดมนต์ ที่วัดเซ็นโคจิไม่แบ่งแยกชนชั้น ไม่แบ่งแยกนิกายและไม่จำกัดความศรัทธาของสตรีในพุทธศาสนา จึงมีพระที่เป็นสตรีทำหน้าที่องค์ประธานสวดด้วย ทำให้คนจากหลากหลายทั่วสารทิศต่างศรัทธาและมาเคารพไหว้พระขอพรกันที่นี่ จนมีคำกล่าวโบราณของญี่ปุ่นที่ว่า “เป็นวัดที่ต้องไปให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต”

ก่อนถึงอาคารหลัก ด้านขวามือจะมีรูปพระโพธิสัตว์ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ในภพภูมิต่างๆทั้ง 6 ภพ ได้แก่ นรก เปรต สัตว์ อสูร มนุษย์และสวรรค์ ด้านในปรับพิธีหรือที่ทำพิธีสวด ถือเป็นเขตใน “ห้ามถ่ายรูป” (แต่ครั้งนี้เราได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ) จะมีองค์พระโพธิสัตว์ 25 องค์ เป็นเรื่องราวของเหล่าองค์พระโพธิสัตว์ที่ขี่เมฆมารับผู้มีจิตศรัทธาไปสู่สรวงสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่ได้รับมาจากราชวงศ์ไทย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ตั้งอยู่ด้านหน้าทางลงไปใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่มืดมาก

ถ้าได้ลงมาข้างล่าง แนะนำให้เอามือสัมผัสกำแพงระหว่างเดินด้วย เพราะเราจะผ่านสลักประตูที่เป็น “กุญแจสู่สวรรค์” จับแล้วเขย่าเบาๆจะทำให้บุญบารมี สิ่งมงคลตกลงมาใส่ตัวเรา เนื่องจากด้านบนเป็นที่สถิตย์ขององค์พระพุทธรูปองค์แรกของประเทศญี่ปุ่น ที่ตำแหน่งพอดีกันเลย สุดท้ายอย่าลืมลูบองค์พระบินซุรุ เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

ที่วัดนี้มีนกพิราบเยอะมาก ซึ่งนกพิราบนั้นเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ดังนั้นที่ประตูซันมงที่เราขึ้นไปด้านบนได้นั้น จะติดกรงไว้กันนกพิราบเข้ามาด้านในซึ่งบนนี้จะมีองค์พระแม่กวนอิมอยู่อีก 100 องค์ ที่ป้ายชื่อวัดตัวอักษรที่เขียนด้วยคันจินั้นซุกซ่อนรูป​ “นกพิราบ” อยู่ 5 ตัว ลองสังเกตกันให้ดี

เวลาทำการ: 9.00 – 16.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Nagano นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Zenkojishita ใช้เวลา 4 นาที และเดินต่อประมาณ 10 นาที หรือเดินจากสถานี Nagano ประมาณ 30 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด


ถนนคนเดิน Zenkoji Nakamise Street

บริเวณด้านหน้าวัด ระหว่างประตู Niomon และประตู Sanmon จะมีถนนคนเดินชื่อว่า Zenkoji Nakamise Street เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายของฝากของที่ระลึก รวมถึงร้านของกินอีกมากมาย

ขอแนะนำร้านอาหารพื้นเมือง Monzensaryo Yayoiza เป็นร้านอาหารที่ปรับปรุงจากร้านค้าเสื้อทาทามิ ให้เป็นบ้านคนอยู่อาศัย ซึ่งบรรยากาศภายในยังคงบรรยากาศบ้านเก่า ตกแต่งด้วยของใช้แบบเดิมคลาสสิค มีเมนูชื่อว่า Seiro-mushi นำผักท้องถิ่นมาใส่ถาดนึ่งทำจากไม้สนซาวาระ มีเนื้อวากิว เนื้อหมูคุโรบุตะ เนื้อไก่ หรือจะเลือกเป็นผักล้วนก็ได้ นำไปนึ่งแล้วทานกับน้ำจิ้มพอนสุหรือน้ำจิ้มงา เป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพมาก

เวลาทำการ: 11.30 – 20.00 น. (หยุดวันอังคาร, วันพุธที่ 2 และวันจันทร์ที่ 3 ของเดือน)
เว็บไซต์ | พิกัด

แนะนำว่าต้องลองขนมขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโนะ คือโอยะกิ แป้งหนาคล้ายมันจูนึ่งด้านในมีไส้ต่างๆ และร้านพายแอปเปิ้ลชื่อดัง BENI-BENI มีซิกเนเจอร์เป็นคัสตาร์ดแอปเปิ้ลพาย หอมอร่อยมาก มีเมนูตามฤดูกาลด้วย ตอนนี้เป็นคาราเมลแอปเปิ้ลพาย


วันนี้เราไปนอนที่ เมืองฮาคุบะ (Hakuba Village) เพื่อเตรียมตัวไปลานสกีกันในวันรุ่งขึ้น

โรงแรม Hakuba Tokyu Hotel

ห้องพักกว้างขวาง มีระเบียงที่สามารถออกไปชมวิวเทือกเขาแอลป์ได้ นอกจากนี้ยังมีอนเซ็นให้แช่ด้วย น้ำพุร้อนจะช่วยให้ผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยหลังจากไปเล่นสกีและยังทำให้ผิวพรรณดีด้วย มื้อเย็นที่โรงแรมเป็นอาหารฟิวชั่น อาหารญี่ปุ่นแต่จัดเสิร์ฟใส่จานสวยงามมาเป็นคอร์ส อร่อยทุกอย่างจริงๆ

การเดินทาง: จากสถานี JR Hakuba และ Hakuba Happo Bus Terminal มีรถชัทเทิลบัสของทางรร.รับส่ง ใช้เวลา 10 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด


วันที่ 3

ลานสกี Hakuba Iwatake Snow Field

ที่นี่เป็นหนึ่งในลานสกีของฮาคุบะที่มีวิวสวยสุดยอด! มีระดับความสูง 1289 เมตร สามารถสัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ได้แบบ 360 องศา ที่นี่เหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับแอดวานซ์ มีคอร์สให้เลือกเล่นหลากหลายถึง 26 คอร์ส เลือกเล่นได้ตามความถนัด

ราคาลิฟท์/กระเช้า: HAKUBA VALLEY Day Pass ผู้ใหญ่ 6,600 เยน เด็ก 3,800 เยน
การเดินทาง: มีรถชัทเทิลบัสบริการรับ-ส่งระหว่างรีสอร์ทภายในฮาคุบะ (ตารางเวลา)
เว็บไซต์ | พิกัด

ที่ด้านล่างก่อนขึ้นกระเช้าไฟฟ้า จะมีร้านเช่าชุดสกีมีครบทุกอย่างสามารถซื้อไอเท็มอย่าง หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอต่างๆ เป็นของส่วนตัวเลยก็ได้เช่นกัน

หลังจากนั่งกระเช้าขึ้นมา กิจกรรมแรกที่เป็นไฮไลท์เลยอย่างนึงคือ Yoo-Hoo! SWING ชิงช้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผา มีวิวข้างหน้าคือเทือกเขาแอลป์ ระหว่างเราเล่นชิงช้าจะมีเปิดเพลงเพิ่มความสนุกสนานไปด้วยค่ะ จุดนี้แนะนำให้ถ่ายรูปกันไว้เยอะๆเลย ไม่เหมือนใครแน่นอน

ใกล้ๆกันมี City Bakery (Hakuba Mountain Harbor) มีต้นกำเนิดในนิวยอร์ก เป็นคาเฟ่ขายเครื่องดื่มและขนมปังเบเกอรี่ที่อร่อยมาก ด้านหลังเป็นโซนที่นั่งด้านนอก ชมวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆได้เลยเช่นกัน

นั่งลิฟท์ลงมาอีกชั้นของลานสกี จะมีอีกหนึ่งคาเฟ่ชื่อ Chavaty Café สามารถเล่นสกีลงมาที่ร้านนี้ได้เลย หรือคนที่ไม่เล่นสกีก็สามารถนั่งลิฟต์จากด้านบน (Mountain Harbor) ลงมาก็ได้เช่นกัน จะนั่งในร้านหรือนั่งด้านนอกก็ได้ เพราะวิวสวยมาก เมนูเป็นเครื่องดื่มชาตามชื่อร้านเลย Hot tea Latte, Ice tea Latte และมีซอฟต์ครีมกับสโคนให้ทานเล่น

วันนี้เราจะมาฝึกเล่นสกีกัน ซึ่งแนะนำมากๆสำหรับมือใหม่และคนที่เล่นไม่เป็นเลย ควรหาอาจารย์ที่สอนสกีได้มาดูแล เพราะการดูแลคนเล่นไม่เป็นจำเป็นต้องใช้ทักษะพิเศษมาก เช่น ต้องรับมือหรือป้องกันตอนเราตอนล้มยังไง วิธีการสอนนับหนึ่งเลยควรเริ่มจากตรงไหน และผู้สอนต้องใจเย็นมากๆ

จะเริ่มตั้งแต่เรียนวิธีการหยุดก่อนเป็นอย่างแรก ตั้งท่าเป็นเลขแปดในภาษาญี่ปุ่น (八) รูปร่างเหมือนพิซซ่าชิ้นสามเหลื่ยม แล้วก็จะค่อยฝึกให้เราทรงตัวแล้วไหลไปในระยะที่ไกลขึ้น การเรียนสกีสำหรับมือใหม่ ควรใช้เวลาอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง ถึงจะเริ่มเล่นเองในคอร์สง่ายๆได้ ทั้งนี้ร่างกายต้องพร้อมด้วยนะคะ เพราะการเล่นสกีต้องใช้พลังมาก กล้ามขาต้องแข็งแรงไม่งั้นอาจจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อได้


ร้าน Apple & Roses

ร้านขนมร้านนี้ตั้งอยู่ที่เมืองอาซุมิโนะ (Azumino) ที่อยู่ระหว่างทางไปเมืองมัตสุโมโตะ เป็นขนมไฮทีหรูหราแต่ราคาไม่แพงแถมอร่อยด้วย เจ้าของร้านมีแนวคิดอยากเผยแพร่ความอร่อยของแอปเปิ้ลให้ผู้คนได้มากที่สุดโดยผ่านขนมหวานบนจาน ทางร้านได้คัดสรรเอาวัตถุดิบที่มีคุณภาพของท้องถิ่นบวกกับวัฒนธรรมอาหารของนากาโนะมาใช้ในการปรุงแต่ง

อยากแนะนำให้ลองเมนูแอปเปิ้ลโรส เป็นทาร์ตที่ทำจากแอปเปิ้ลที่ปลูกในจังหวัดนากาโนะ ใช้แอปเปิ้ลฝานบางๆมาทำเป็นดอกกุหลาบวางบนลูกแอปเปิ้ลอีกที มาทั้งทีแนะนำเลือกเป็นเซ็ตน้ำชายามบ่ายสุดหรูที่เคาน์เตอร์ส่วนตัว ราคาอยู่ที่ 7,000 เยนสำหรับ 2 คน ที่ร้านยังมีชาให้เลือกหลายรสชาติ นอกจากสาขาที่นากาโนะแล้ว ยังมีสาขาที่สาขาชิบูยะและเซี่ยงไฮ้อีกด้วย

เวลาทำการ: ฤดูร้อน (เม.ย.-ต.ค.) 10.00 – 18.00 น. / ฤดูหนาว (พ.ย.-มี.ค.) 10.00 – 17.00 น.
*ร้านหยุดทุกวันอังคาร ในช่วงฤดูร้อน และหยุดทุกวันอังคาร-พุธในช่วงฤดูหนาว ยกเว้นเดือนส.ค.เปิดทุกวัน
การเดินทาง : จากสถานี Hotaka นั่งแท็กซี่ 10 นาที หรือ นั่งรถประจำทาง ลงที่ป้าย Apple & Roses ได้เลย หรือนั่งบัสสาย West Loop – Chihiro / Alps Park ลงป้าย Vif Hotaka เดินต่อประมาณ 900 เมตร
เว็บไซต์ | พิกัด


โรงแรม Buena Vista Hotel

โรงแรมใจกลางเมืองมัตสึโมโตะ อยู่ห่างจากสถานที่สำคัญปราสาทมัตสึโมโตะประมาณ 1 กม. ที่นี่เป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองมัตสึโมโตะ ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมนี้จึงสามารถมองเห็นวิวได้ทั่วทั้งเมือง คนญี่ปุ่นนิยมมาจัดงานแต่งงานและถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันที่นี่ และชั้น 14 ของโรงแรมมีห้องอาหารเทปปังยากิ และ บาร์ที่มีวิวสวยมากโดยเฉพาะกลางคืน

ห้องอาหารมีหลากหลายสัญชาติทั้ง ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส ครั้งนี้เราเลือกทานที่ห้องอาหารจีน Seishika สำหรับห้องพักที่นี่มีให้เลือกถึง 16 แบบ โดยมีห้อง Executive ที่สามารถเข้าใช้ Executive lounge เพลิดเพลินกับเครื่องดื่ม ของว่าง น้ำชา กาแฟ และเครื่องดื่มคอกเทลได้

การเดินทาง : จากสถานี Matsumoto นั่งชัทเทิลบัสของโรงแรม 2 นาที หรือเดิน 7 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด

อ่านตอนต่อไป >> Niigata-Nagano ทริปขับรถตะลุยเมืองหิมะเน้นๆ 6 วัน ตั้งต้นจากโตเกียว (ครึ่งหลัง)