ทริปนี้เป็นการเดินทางไปเที่ยวคิวชูตอนเหนือ 5 เมือง ลัดเลาะไปเรื่อยๆ เริ่มจาก Sasebo (จ.นางาซากิ), Hita (จ.โออิตะ), Kumamoto (จ.คุมาโมโตะ), Kitakyushu (จ.ฟุกุโอกะ), Fukuoka (จ.ฟุกุโอกะ) ใช้เวลา 6 วัน 5 คืน บอกเลยว่ากินเที่ยวเต็มที่มากๆ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 1 – เมือง Sasebo จ.นางาซากิ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 2 – เมือง Hita จ.โออิตะ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 3 – เมือง Kumamoto จ.คุมาโมโตะ

Kyushu: เที่ยวคิวชูเหนือ Day 5 – เมือง Fukuoka จ.ฟุกุโอกะ

สำหรับวันที่ 4 เราจะเดินทางมาเที่ยวที่ คิตะคิวชู (Kitakyushu) ทางตอนเหนือสุดของเกาะคิวชู ตั้งอยู่บนช่องแคบชิโมโนเซกิระหว่างฮอนชูและคิวชู ช่วงเช้าจะอยู่ที่เมืองโมจิโค (Mojiko) และ ช่วงบ่ายจะอยู่ที่เมืองโคคุระ (Kokura)

การเดินทาง: กรณีใช้พาส JR Kyushu จากสถานี Hakata ขึ้นรถไฟ JR สาย Kagoshima ลงสถานี Kokura ใช้เวลา 40 นาที หรือ ลงสถานี Mojiko ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที (ถ้าอยากประหยัดเวลาเดินทาง สามารถขึ้นชินคันเซ็นมาลงสถานี Kokura ได้เพียง 15 นาที แต่จะต้องจ่ายเพิ่ม และต่อรถไฟมาที่ Mojiko ได้)

จองกิจกรรมท่องเที่ยวใน 5 เมือง (ฟุกุโอกะ, คิตะคิวชู, คุมาโมโตะ, ซาเซโบะ, ฮิตะ) พร้อมส่วนลด 12% สูงสุด 1,000 บาท เมื่อซื้อครบ 3,000 บาทขึ้นไป ต่อรายการ ได้ทาง KLOOK


ศาลเจ้าเมการิ (Mekari Shrine)

ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะคิวชู บริเวณช่องแคบคัมมง เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเดินทาง สมัยโบราณชาวประมงจะขอพรก่อนออกเดินเรือ ขณะสัญจรไปมาในช่องแคบคัมมง ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเบนิอิชินาริ (Beniishinari) ในจังหวัดยามากุจิ ที่ส่งพลังให้แก่กัน นอกจากนี้ยังมีพิธีเก็บสาหร่ายเพื่อบูชาเทพเจ้า ที่มีมายาวนานกว่า 1,800 ปี จุดเด่นของศาลเจ้านี้คือการใช้เบ็ดตกเซียมซีซึ่งเป็นรูปปลาปักเป้า 

  • การเดินทาง: จากสถานี Kanmonkaikyo Mekari (รถไฟสาย Retro Line “Shiokaze-go”) เดิน 5 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด

อุโมงค์คันมง (Kanmon Pedastrian Tunnel) เดินลอดอุโมงค์ใต้น้ำที่ตัดผ่านช่องแคบคันมง เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่ง คือ ฝั่งคิตะคิวชู จ.ฟุกุโอกะ และ ฝั่งชิโมโนเซกิ จ.ยามางุจิ โดยทางเข้าฝั่งคิตะคิวชู จะอยู่ที่เมืองโมจิโคนั่นเอง

สะพานคันมง

โมจิโค (Mojiko) เมืองท่าด่านแรกของเกาะคิวชูที่มากี่ครั้งก็มีความสุข 

คิตะคิวชู เป็นเมืองทางตอนเหนือสุดของเกาะคิวชู ถ้าข้ามมาจากฝั่งฮอนชู จะเจอเมืองนี้เป็นเมืองแรกก่อนที่จะเข้าไปใจกลางฟุกุโอกะ ท่าเรือโมจิโค ในอดีตเคยเป็นท่าเรือที่ติดต่อค้าขายกับนานาประเทศ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คงเสน่ห์ดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี เพราะมีการอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์รอบๆท่าเรือเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งของอร่อยสุดๆอย่าง Grilled Curry ข้าวแกงกะหรี่อบชีสที่มีให้เลือกทานหลายหน้า และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกล้วย เพราะที่นี่คือจุดที่กล้วยได้เข้ามาในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกนั่นเอง 

การเดินทาง: กรณีใช้พาส JR Kyushu จากสถานี Hakata ขึ้นรถไฟ JR สาย Kagoshima ลงสถานี Mojiko ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที (ถ้าอยากประหยัดเวลาเดินทาง สามารถขึ้นชินคันเซ็นมาลงสถานี Kokura แต่จะต้องจ่ายเพิ่ม และต่อรถไฟมาที่ Mojiko ได้)

Mojiko Retro Walk

สถานีรถไฟโมจิโค (Mojiko Station) อาคารสไตล์นีโอเรเนซองส์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1914 เป็นทรัพย์สมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมแห่งชาติ มีการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่นานถึง 6 ปี และได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อปีค.ศ. 2018 เป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยวและอาคารทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของเมืองนี้ ด้านในมีสตาร์บัคส์ที่ตกแต่งสไตล์เรโทรด้วย

บานาน่าแมน (Banana man) เนื่องจากบริเวณหน้าสถานีรถไฟโมจิโคเคยเป็นลานประมูลกล้วยที่นำเข้าจากไต้หวันมาก่อน และในปีค.ศ. 2017 การประมูลกล้วยของท่าเรือโมจิโกะได้รับการรับรองว่าเป็นมรดกของญี่ปุ่นในฐานะหนึ่งในทรัพย์สินทางวัฒนธรรม จึงทำให้มีมาสคอต Banana man ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์จากกล้วยวางจำหน่ายไว้ด้วย

อนุสาวรีย์โมจิโค (MOJIKO Monument) อนุสาวรีย์ตัวอักษรแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะชินเซบาชิ (Chinzeibashi) เป็นจุดถ่ายรูปที่รำลึกถึงสำหรับการมาเยือนท่าเรือโมจิโค หากสังเกตดีๆ บริเวณพื้นใกล้เคียงจะมีหัวใจ KANMON HEARTสลักอยู่ด้วย

ไคเคียวพลาซ่า (Kaikyo Plaza) ในพื้นที่โซนนี้มีทั้งร้านอาหารท้องถิ่น อย่าง แกงกะหรี่อบและบะหมี่คาวาระโซบะ ยังมีคาเฟ่ และ ร้านค้าจำหน่ายสินค้าต่างๆ ทั้งอาหารทะเลและของที่ระลึก ซึ่งมีขนมหวานรสกล้วยซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโมจิโกะ ที่เป็นต้นกำเนิด “การประมูลกล้วย”

Mojiko Retro Cruise

ล่องเรือสำราญเรโทรชมทิวทัศน์ของเมืองโมจิโกะจากทะเล เรือสำราญขนาดเล็กนี้ออกเดินทางจากภายในพื้นที่ Mojiko Retro และมุ่งหน้าออกสู่ช่องแคบคัมมง ใช้เวลา 20 นาที นอกจากนี้ยังสามารถล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้

  • เวลาทำการ: 10.00 – 18.00 น.
  • ค่าใช้จ่าย: ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน (ใช้ JR Kyushu Rail Pass ได้ส่วนลด 10%)
  • เว็บไซต์

ร้านแกงกะหรี่อบโมจิโค PRINCESS PHI PHI 

แกงกะหรี่อบ หรือ Yakikare เริ่มขึ้นที่เมืองนี้ เนื่องจากเป็นท่าเรือที่มีการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศ ร้านอาหารแถวนี้จึงได้รับอิทธิพลจากชาวตะวันตก โดยนำแกงกะหรี่ใส่หม้อดินแล้วเข้าเตาอบเหมือนวิธีการทำกราแตง ร้าน Princess Phi Phi มีจุดเริ่มต้นไอเดียจากความประทับใจที่เชฟมาเที่ยวเกาะพีพีเมื่อ 22 ปีก่อน หากใครได้ผ่านมาสัมผัสหาดสวยของพีพี ก็จะดูเหมือนเป็นเจ้าชายเจ้าหญิง เชฟจึงนำไอเดียนี้มาตั้งเป็นชื่อร้าน และนำเครื่องแกงแดงของไทยกลับมาประยุกต์ใช้ที่ร้าน ทำให้มีสีสันและรสชาติต่างจากร้านอื่นๆ อีกกว่า 20 ร้านในเมืองนี้ ถึงแม้จะต้องรอคิวสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะมาลองเมื่อมาเยือน

  • เวลาทำการ: 11.00-15.00 น. / 18.00-22.00 น. หยุดทุกวันอังคาร 
  • การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko เดินประมาณ 2 นาที
  • เว็บไซต์
  • พิกัด

เมืองโคคุระ (Kokura)

โคคุระเป็นเมืองปราสาทโบราณและเป็นศูนย์กลางของ โดยมีปราสาทโคคุระ เป็นศูนย์กลางซึ่งปกครองโดยตระกูลโอกาซาวาระและโฮโซกาวะเป็นไดเมียวในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603–1868) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โคคุระเป็นเป้าหมายหลักของระเบิด “แฟตแมน” แต่ในตอนเช้าของการโจมตีของวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 เมืองถูกบดบังด้วยหมอกยามเช้า จึงทำให้รอดพ้นจากการถูกระเบิดนั่นเอง

การเดินทาง: กรณีใช้พาส JR Kyushu จากสถานี Hakata ขึ้นรถไฟ JR สาย Kagoshima ลงสถานี Kokura ใช้เวลา 40 นาที (ถ้าอยากประหยัดเวลาเดินทาง สามารถขึ้นชินคันเซ็นมาลงสถานี Kokura แต่จะต้องจ่ายเพิ่ม ใช้เวลาเพียง 16 นาที)

ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle)

ปราสาทแห่งเดียวของฟุกุโอกะ ทันทีที่เดินทางมาถึง เราจะเห็นภาพของเสาโทริอิที่ตั้งอยู่ขนาบค้างกับทางเข้าปราสาท ทำให้เราสามารถถ่ายภาพเสารโทริอิคู่กับปราสาทได้ ซึ่งมุมแบบนี้ในญี่ปุ่นหาได้ยาก 

ปราสาทโคคุระ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1602 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคคุระ โดยซามูไรนามว่า ทาดะโอกิ โฮโซะกาวะ ปราสาทแห่งนี้ได้รับการบูรณะในปีค.ศ. 1959 โดยที่ยังคงเอกลักษณ์ “คาระซุคุริ” ของตัวปราสาทไว้ ซึ่งเป็นลักษณะอาคารที่มีพื้นที่ของชั้นบนกว้างกว่าชั้นล่าง เมื่อเข้าไปด้านในของปราสาทที่เพิ่งจะมีการปรับปรุงใหม่ มีโซนให้ร่วมสนุกเยอะมากๆ รับรองว่ามาที่ปราสาทนี้จะไม่น่าเบื่อแน่นอน

หอคอยปราสาทมีทั้งหมด 5 ชั้น โดยชั้น 1 จะมีห้องที่ฉายวิดิทัศน์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ 400 ปีของปราสาทโคคุระ และจะมีมุม “นาริคิริ” ที่สามารถลองใส่เสื้อผ้าจำลองที่สวมใส่โดยนักรบและเจ้าหญิงในสมัยเอโดะ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ชั้น 2 สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ มีการจัดแสดงที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของขุนนางศักดินา ชั้น 3 จัดแสดงการดวลในตำนานระหว่าง มิยาโมโตะ มูซาชิ และ ซาซากิ โคจิโระ ซึ่งเรื่องราวนี้เป็นที่รู้จักของทุกคนในญี่ปุ่น และมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับประวัติศาสตร์ของปราสาทโคคุระ บนชั้น 4 เป็นแกลเลอรีที่จัดแสดงโดยศิลปินท้องถิ่น และบนชั้น 5 เป็นพื้นที่สำหรับชมวิวเมืองโคคุระ

  • เวลาทำการ: 9.00-20.00 (พ.ย.-มี.ค. ปิด 19.00 น.) *หอคอยปราสาทมีเปิดไฟประดับถึงเวลา 22.00 น.ทุกวัน
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 350 เยน เด็ก 200 เยน
  • เว็บไซต์
  • พิกัด

สวนปราสาทโคคุระ (Kokura Castle Garden)

ร่วมพิธีชงชา ชมสวนญี่ปุ่น ตามรอยมิยาโมโตะ มูซาชิ ที่ปราสาทโคคุระว่ากันว่ามิยาโมโตะ มูซาชิ ซามูไรชื่อดังใช้เวลาในช่วงชีวิตหนึ่งที่ปราสาทโคคุระแห่งนี้ และหนึ่งในกิจกรรมที่ท่านมูซาชิชื่นชอบก็คือการเดินเล่นชมความงามของสวนญี่ปุ่นของปราสาทนั่นเอง 

สวนปราสาทโคคุระ เป็นสวนญี่ปุ่นดั้งเดิมและเป็นที่ตั้งของที่พำนักไดเมียว โดยเป็นอาคารไม้แบบโชอิงสมัยเก่า สร้างโดยช่างไม้จังหวัดนาระและเกียวโตตามคำสั่งของตระกูลโองาซาวาระ

ด้านในสวนจะมีเรือนสำหรับต้อนรับแขกคนสำคัญในอดีต เราสามารถเข้าร่วมพิธีชงชา โดยจะสามารถชมพิธีที่ชื่อว่า Ryurei-seki ที่จะแสดงให้เห็นขั้นตอนการเตรียมชาอย่างพิถิพิถัน ชาเขียวมัทฉะคุณภาพดีเสิร์ฟพร้อมขนมวากาชิตามฤดูกาล เข้ากันได้ดีมาก

  • เวลาทำการ: 9.00-20.00 (พ.ย.-มี.ค. ปิด 19.00 น.) *ช่วงกลางคืนมีเปิดไฟประดับถึงเวลาปิด
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 350 เยน เด็ก 200 เยน
  • เว็บไซต์
  • พิกัด

Shiro Terrace

จากสวนปราสาทระหว่างทางเดินไปเข้าหอคอยปราสาทโคคุระจะพบกับ Shiro Terrace ที่เพิ่งเปิดให้บริการ สามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนได้ ด้านในมีมุมให้ข้อมูลท่องเที่ยว มุมของที่ระลึกท้องถิ่นจำหน่าย และร้านชา Tsujiri ที่มีเมนูเครื่องดื่มและขนมให้นั่งทานได้

Uomachi Gintengai Shopping Street

“มาสร้างเมืองที่ฝนไม่ตกกันเถอะ” จากการเกิดขึ้นของแนวคิดนี้ ในปีค.ศ.1951 อุโอมาจิ จินเทนไก จึงกลายเป็นย่านช้อปปิ้งอาร์เคดแห่งแรกในประเทศ 

ตั้งแต่ Uomachi 1-chome ถึง 3-chome มีร้านอาหาร ร้านค้า เรียงรายไปตามถนนยาว 400 เมตรที่ทอดยาวไปจนถึงตลาดทังกะ มีร้านน้ำชาเก่าแก่อย่าง Tsujiri Teahouse ที่จำหน่ายขนมหวานชาเขียว หรือร้านอาหารพิเศษอื่นๆ ของคิตะคิวชู อย่าง อุด้งทอดสูตรพิเศษของท้องถิ่น

ร้านซูชิสายพาน Kyousushi

สำหรับมื้อเย็นวันนี้ เราเลือกมากินที่ร้านซูชิชื่อดังของคิตะคิวชู ซึ่งมีสาขาแรกอยู่ที่ Uomachi Gintengai Shopping Street นั่นเอง รับประกันความสดอร่อยจากวัตถุดิบของคิตะคิวชู จากรางวัลชนะเลิศประเภทซูชิสายพานระดับประเทศในการจัดอันดับของเว็บ Tabelog เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน! ราคามิตรภาพ เริ่มต้น 130 เยนต่อจาน

Hotel Crown Palais Kokura

คืนนี้เราเข้าพักกันที่ Hotel Crown Palais Kokura ไม่ไกลจากตัวเมือง และ ปราสาทโคคุระ ห้องพักค่อนข้างกว้าง มีให้บริการทั้งห้องธรรมดาและสไตล์ญี่ปุ่น ห้องพักเดี่ยว 2,300 บาท ห้องพักคู่ 3,500 บาท