จังหวัดนะกะโนะ (Nagano) มีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทมัตสุโมโตะ, เส้นทางพิชิตกำแพงหิมะทาเทยามะอัลไพน์ หรือ ลิงหิมะแช่ออนเซ็น ที่ทุกคนรู้จักกันดี และยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา Winter Olympics เมื่อปีค.ศ.1998 อีกด้วย
และในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปเล่นกิจกรรมทางหิมะกันที่เมือง ฮาคุบะ (Hakuba) ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนะกะโนะ ไปเล่นทั้งสกี ขึ้นบอลลูน ขี่สโนว์โมบิล และกิจกรรมสโนว์ชู ตลอด 4 วัน 3 คืน ซึ่งเราสามารถตั้งต้นการเดินทาง ทั้งจากใจกลางโตเกียว และ สนามบินนาริตะได้เลย
การเดินทางในครั้งนี้ เราไปช่วงต้นเดือนมีนาคม 2019 แต่เนื่องจากเป็นปีที่มีอุณหภูมิอบอุ่นกว่าค่าเฉลี่ยของปีก่อนๆ จึงทำให้หิมะละลายไวกว่าที่ควร แต่โดยปกติเเล้ว เราสามารถมาเล่นกิจกรรมฤดูหนาวได้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม จนถึงต้นเดือนพฤษภาคมเลย ซึ่งทริปนี้แบ่งออกเป็น 4 วัน 3 คืน ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางถึง จนเดินทางกลับ และเพื่อความเข้าใจง่าย รีวิวนี้จะแบ่งออกเป็นวัน คลิกอ่านตามแต่ละวันได้เลยครับ
หมายเหตุ: การเดินทางภายในตัวเมืองฮาคุบะ แนะนำให้เช่ารถขับจะสะดวกที่สุด
เราเริ่มต้นเดินทางโดยบินมาลงที่จากสนามบินนาริตะ เพื่อที่จะขึ้นรถบัสด่วนวิ่งตรงไปที่จุดหมายหลักของทริปนี้เรากันเลย แบบสบายๆไม่ต้องต่อรถหลายเที่ยว เพราะว่ามีสัมภาระมาด้วย โดย Express Bus Hakuba ของบริษัท Alpico Group เดินทางจากสนามบินนาริตะ ถึง ฮาคุบะ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง มีแวะพักตามจุดแวะพัก Roadside ระหว่างทาง เพื่อทานอาหาร ซื้อของ และ เข้าห้องน้ำ
สำหรับตารางเวลาการเดินทาง จะมีวันละ 1 เที่ยว ออกจากสนามบินนาริตะ อาคาร 2 เวลา 11.00 น. ถึงจุดที่เราลงรถในครั้งนี้ที่ป้าย Hakuba Goryu เวลา 16.45 น. สำหรับจุดจอดอื่นๆ ดูรายละเอียดได้ >> ที่นี่
สำหรับคนที่ตั้งต้นการเดินทางจากโตเกียว ให้ขึ้น Express Bus Hakuba ที่ Shinjuku Bus Terminal ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง (และมีรถรอบดึกที่ออกจาก สถานี Tokyo ด้วย)
ด้านในรถกว้างขวาง แบ่งที่นั่งออกเป็น 1-1-1 ให้ความเป็นส่วนตัว แบบไม่ต้องนั่งติดกับใคร พักผ่อนได้เต็มที่ตลอดทาง
สามารถปรับเอนเบาะ ยืดขาได้สบาย ใครเดินทางไฟลท์ข้ามคืนมา สามารถนอนต่อยาวๆได้เลย
และแล้วเวลาก็ผ่านไปไวมาก เราก็เดินทางมาถึง Hakuba Goryu เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มาถึงแล้วก็ทำการไปเก็บสัมภาระที่พักก่อนเลย โดยคืนเเรกเราเข้าพักที่ Hakuba Sun Valley Hotel
สนนราคาเริ่มต้น 10,880 เยนต่อห้องพักคู่ ทำการจองได้ที่ >> เว็บไซต์
ซึ่งในครั้งนี้ เราได้เดินทางมาตรงกับวันที่มีการจัดเทศกาลหิมะ Hakuba Goryu Snow Festival พอดี
หลังจากเช็คอิน เก็บของกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางต่อมาที่ Escal Plaza ศูนย์รวมของการเล่นกิจกรรมหิมะในบริเวณนี้ รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลในค่ำคืนนี้อีกด้วย
เวลาทำการ (ช่วงฤดูหนาว ถึง 31 มี.ค.):
ร้านอาหาร 10.00-15.00 น. และ 17.00-21.00 น. / ร้านค้า 7.30-21.00 น. / เช่าอุปกรณ์ 7.30-21.30 น.
พิกัด / เว็บไซต์
ใครที่ไม่มีอุปกรณ์กิจกรรมหิมะ ไม่ว่าจะเล่นสกี หรือ สโนว์บอร์ด ก็สามารถทำการเช่าได้ที่ Goryu Rentals
เราเช่าชุดสกี พร้อมแจ็กเก็ต และ กางเกงด้วย ค่าเช่า 6.500 เยน ต่อวัน (เพิ่มวันละ 5,000 เยน) ดูรายละเอียด >> ที่นี่
ฟ้าใกล้มืด เริ่มได้เวลาแสดงโชว์ของเทศกาลหิมะกันแล้ว
ระหว่างรอการแสดง ก็เติมพลังที่ห้องอาหาร เป็นแกงกะหรี่ไก่ทอดสักหน่อย
ที่นี่เปิดให้สำหรับคนที่ชอบเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดตอนกลางคืนด้วย ก็จะได้บรรยากาศที่ต่างออกไป และเฉพาะในวันเทศกาล ขึ้นไปเล่นรอบกลางคืน (Nighter 17.00-19.00 น.) ได้ฟรี ไม่เสียค่าลิฟท์
การแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยโชว์แรกเป็นของเด็กนักเรียน ที่มากับการแสดง ตีกลองไทโกะอันทรงพลัง
และมีการแสดงเกี่ยวกับไฟในรูปแบบต่างๆ ที่สร้างสรรค์ออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจ
และพลาดไม่ได้กับการแสดงดอกไม้ไฟ พร้อมกับบทเพลงไพเราะ ปิดท้ายด้วยความประทับใจ
เลื่อนกลับขึ้นไปเลือกอ่านรีวิวของวันอื่นๆต่อด้านบนนะครับ 😉
ตื่นเช้ามา เติมพลังด้วยอาหารเช้าจากทางโรงแรม ก่อนออกไปเล่นสกีกันทั้งวัน ตามแผนที่วางไว้
เช้านี้อากาศดีมาก ปลอดโปร่ง ไม่หนาวเกินไป ก่อนไปลานสกี เราเลยขอลองประสบการณ์ใหม่ ไปขึ้น Hot air balloon ชมวิวกันสักหน่อย เป็นหนึ่งในกิจกรรมคูลๆ ที่จัดโดย Lion Adventure x Hakuba 47 ซึ่งสำหรับใครที่มี Lift Pass 1 Day ของลานสกีนี้ สามารถมาใช้บริการขึ้นบอลลูนได้ ครึ่งราคาเท่านั้น!! (ราคาปกติ ผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็ก 1,700 เยน)
สถานที่คือ ลานจอดรถด้านหน้าลานสกี Hakuba 47 Winter Sports Park แต่ไม่ได้มีทุกวันนะครับ ต้องเช็คตารางของแต่ละปีด้วยว่า มีให้เล่นวันไหนบ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ และมีเฉพาะตอนเช้า (ระหว่างเวลา 7.30-9.00 น.) เท่านั้น เนื่องจากลมไม่แรงมาก สามารถเล่นได้แบบไม่มีอันตรายครับ (พิกัด)
บอลลูนสีสันสดใส ตัดกับฟ้าสวยๆ
วิวมองลงมาจากบอลลูน สำหรับคนที่กลัวความสูงแต่ไม่มาก สามารถเล่นได้ รับรองไม่น่ากลัวขนาดนั้น
จริงๆแล้ววันนี้เรามีแผนเล่นสกีกันทั้งวัน ตั้งใจว่าจะไปเข้าคอร์สปัดฝุ่นกันสักหน่อย แต่กว่าจะถึงเวลานัดกับเทรนเนอร์ เรายังพอมีเวลา เลยใช้ Lift Pass ที่มีขึ้นกระเช้าไปชมวิวที่ด้านบนเขาของลานสกี Hakuba 47 เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเหลือเกินว่า วิวสวยมากๆ
Hakuba 47 เปิดให้บริการเมื่อปีค.ศ.1990 ผู้คนมักจะเดินทางมาที่นี่มากที่สุดในช่วงฤดูหนาว เพราะสามารถสนุกสนานกับหิมะได้อย่างยาวนาน 5 เดือนเต็มๆ ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ยาวไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม กันเลย แต่จริงๆแล้ว เราสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ในทุกฤดู ถึงแม้จะไม่มีหิมะ เราก็จะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย ทั้งในช่วงซัมเมอร์ และ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีได้อีกด้วย
สำหรับรายละเอียดและช่วงเวลาเปิดให้บริการในแต่ละซีซั่น สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> Hakuba47 Winter Sports Park
วิวสวยสมคำร่ำลือ
และแล้วก็ได้เวลา มาปัดฝุ่นสกิลการเล่นสกีของเรา ถึงแม้ว่าจะเคยเล่นสกีมาบ้างแล้ว แต่คนเมืองร้อนอย่างเรา คงไม่ได้สัมผัสหิมะกันบ่อยเหมือนคนญี่ปุ่น การที่ได้ฝึกกับครูผู้เชี่ยวชาญสัก 2 ชั่วโมง ก็ทำให้เราฟื้นทักษะกลับมาเล่นได้อย่างคลองแคล่ว ถ้าใครมาที่นี่ ขอแนะนำ Hakuba Snow Sports School ตั้งอยู่ที่ Iimori ski resort มีคอร์สให้เลือกเรียนทั้งสำหรับผู้ใหญ่ และ เด็ก สามารถเลือกเรียนแบบกลุ่ม หรือ ส่วนตัวก็ได้ (พิกัด)
ตัวอย่างราคา:
- ผู้ใหญ่แบบกลุ่ม: มีรอบเช้าและบ่าย (2 ชั่วโมง) คนละ 7,000 เยน / ทั้งวัน (4 ชั่วโมง) 12,000 เยน
- ผู้ใหญ่แบบส่วนตัว: 2 ชั่วโมง 20,000 เยน ในราคานี้สามารถจัดกลุ่มได้เองตั้งแต่ 1-5 คน
เว็บไซต์: Hakuba Snow Sports School
ครูผู้สอนจะเป็นชาวต่างชาติ โดยใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร เข้าใจง่าย และสอนเทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละคน ทำให้เราสามารถเล่นสกีได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย หลังจากที่ได้เข้าคอร์สแล้ว เพิ่มความมั่นใจมากขึ้นเยอะเลยครับ
ลานสกีที่นี่จะไม่ชันมาก เล่นได้สนุก ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือ มือโปร
ถ้าใครที่พัฒนาสกิลแบบขั้นเทพแล้ว ก็สามารถขึ้นกระเช้าต่อ ไปเล่นจากด้านบนยอดได้เลยครับ
หลังจากฝึกช่วงเช้าเสร็จ ก็นั่งกระเช้าขึ้นไปทานมื้อเที่ยงกันที่ Restaurant ALPS360 พร้อมกับวิวยอดเขาแอลป์รอบทิศทาง
มีเมนูให้เลือกทานหลายอย่าง อุด้ง ราเม็ง แกงกะหรี่
และปิดท้ายกับซอฟครีมรสนุ่มนวล
หลังจากนั้นเราก็เล่นสกีต่ออย่างอิสระ และขากลับก็นั่งลิฟท์ชมวิว ทึ่งในความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
พ็อกเก็ตไวไฟคู่ใจทุกทริปขอ
แวะช้อปของที่ระลึก ของฝาก ได้ที่ด้านใน Escal Plaza
และที่พักสำหรับคืนนี้เราเปลี่ยนมานอนที่ ULLR เป็นสไตล์ Lodge ซึ่งสามารถเดินมาได้จาก Escal Plaza เลย
สนนราคาเริ่มต้น 8.640 เยนต่อคน ทำการจองได้ที่ >> เว็บไซต์
บรรยากาศภายใน อบอุ่น เป็นกันเอง
ห้องน้ำรวม สะอาดมากๆ
บริเวณห้องอาหารชั้น 1 ที่ปรุงโดยเจ้าของที่พัก อร่อยมากๆทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้า ถ้าไม่ทานเนื้อวัว สามารถแจ้งล่วงหน้าได้
เช้านี้อากาศขมุกขมัว ต่างกับเมื่อวานลิบลับ เราเลยตัดสินใจมาสำรวจรอบตัวเมืองฮาคุบะแทน ที่เมืองนี้นอกจากจะเด่นเรื่องลานสกีแล้ว ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย โดยสถานที่แรกที่เราแวะมาก็คือ Hakuba Ski Jumping Stadium ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Happo One Ski Resort (พิกัด)
สถานที่แห่งนี้เป็นลานสกีจัมป์ที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง และเคยใช้จัดการแข่งขันในงาน Winter Olympics เมื่อปีค.ศ.1998 ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ในงานแข่งกีฬามากว่า 20 ปี แต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดี และเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นแชร์ลิฟท์ไปด้านบน ชมวิวที่ความสูง 90 เมตร และสามารถเดินต่อขึ้นไปที่ความสูง 120 เมตรได้
ค่าใช้จ่าย: ผู้ใหญ่ 460 เยน เด็ก 280 เยน
เวลาทำการ: 8.30-16.30 น.
เว็บไซต์: Hakuba Ski Jumping Stadium
ด้านบนยังมีจัดแสดงเกี่ยวกับวินเทอร์โอลิมปิกให้ได้ชม
ใครอยากสัมผัสความรู้สึกองศาเดียวกับนักกีฬาสกีจัมป์ ก็ลองขึ้นไปทดลองดูได้ที่นี่
นอกจากนี้ยังมีห้อง Hakuba Olympic Gallery ที่จัดแสดงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในงานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ฮาคุบะ
ด้านในมีเปิดวิดีทัศน์บรรยากาศของการแข่งขันเมื่อปีค.ศ.1998 ที่นักกีฬาชาวญี่ปุ่นคว้าชัยชนะมาได้ให้ชมกัน
วิวด้านบนความสูง 90 เมตร ต้องรอสักพักให้อากาศเปิด จนมองเห็นวิวด้านล่างได้
ไม่ไกลกันมาก เราเดินทางมาต่อกันที่ลานสกี Iwatake Mountain Resort เพื่อขึ้นกระเช้ากอนโดล่า ไปชมวิวบนยอดเขากัน
Iwatake Gondola Lift Noah ใช้เวลาเดินทาง 8 นาทีสู่ยอดเขา สามารถซื้อ Lift Pass ล่วงหน้าในราคาพิเศษได้ ผู้ใหญ่ 3,200 เยน / เด็ก 2,100 เยน (รายละเอียด)
เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนยอดเขาก็จะพบกับ HAKUBA MOUNTAIN HARBOR ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา โดยด้านบนเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ City Bakery จำหน่ายเบเกอรี่ และเครื่องดื่ม พร้อมกับชมวิวอันยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ตรงเบื้องหน้า บนความสูง 1,289 เมตร ได้ในทุกฤดู (พิกัด)
เวลาทำการ: 9.00-16.00 น. (เปิดให้ใช้บริการ 2 ช่วงคือ Winter Season และ Green Season)
ตรวจสอบเวลาทำการในแต่ละช่วง และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง >> เว็บไซต์
วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆมาก ทำให้มองเห็นเทือกเขาแอลป์ได้ไม่ชัด แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ภายในคาเฟ่
ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็มีเสน่ห์ งดงามไปคนละแบบ
ก่อนจะเข้าสู่กิจกรรมช่วงบ่ายของเรา แวะทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังในตัวเมืองที่ร้าน Sounds like cafe
เวลาทำการ: 8.00-17.30 น. หยุดทุกวันพฤหัสและศุกร์
พิกัด / เว็บไซต์
บ้านไม้หลังนี้ ใช้พื้นที่ด้านล่างเป็นทั้งครัว และ มุมให้นั่งทานในร้าน ด้านในตกแต่งด้วยไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะกับเมืองหนาวมากๆ มีลูกค้าแวะเวียนมาทั้งวัน ช่วงเที่ยงจะคนแน่นมาก ถึงกับต้องต่อคิวกันยาว และไม่รับจองล่วงหน้า
เมนูที่แนะนำ เป็นเบอร์เกอร์ไก่ และ เบอร์เกอร์เนื้อ ส่วนของหวานต้อง Baked Cheesecake
กิจกรรมช่วงบ่ายวันนี้ เราจะมาขับสโนว์โมบิล (Snow Mobile) กัน และถ้าพูดถึงศูนย์รวมกิจกรรมของที่ฮาคุบะแล้ว ต้องนึกถึง Hakuba Lion Adventure ที่มีกิจกรรมสนุกให้เล่นมากมาย ทุกฤดูกาล (บอลลูนที่เราไปขึ้นเมื่อวาน ก็ให้บริการโดยที่นี่เช่นกัน) สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงาน (พิกัด)
สำหรับกิจกรรมสโนว์โมบิลที่นี่ จะแอดเวนเจอร์สมชื่อ คือตะลุยเข้าไปในหุบเขาจริงๆ ท้าทายกว่าที่เคยเล่นในลานสกีอื่นๆ ถ้าใครชอบความมันส์ท้าทาย แนะนำว่าต้องลองเลยครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สนนราคา 18,000 เยน ต่อ 2 คน ดูรายละเอียดได้ >> ที่นี่
หลังจากเล่นกิจกรรมเสร็จ เราก็เดินทางกลับมาในตัวเมืองนะกะโนะ (Nagano)
การเดินทาง: โดยรถบัสของ Alpico จาก Hakuba – Nagano ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที (ตารางเวลา)
ค่ำคืนนี้เราเข้าพักที่โรงแรม Hotel Metropolitan Nagano ที่เชื่อมติดกับสถานี JR Nagano เลย
สนนราคาเริ่มต้น 11,000 เยนต่อห้อง ทำการจองได้ที่ >> เว็บไซต์
บริเวณล็อบบี้ และร้านอาหาร มีทั้งซูชิ และ เทปปันยากิ ในราคาไม่แพง
บริเวณชั้น 2 มีทางเชื่อมต่อไปยังโซนร้านค้าของสถานี JR Nagano สะดวกมากๆ
วิวตัวเมืองนะกะโนะ จากห้องพัก
สำหรับกิจกรรมปิดท้ายของเรา จะวาร์ปตัวมายังเมือง โทกะคุชิ (Togakushi) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดนะกะโนะ เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์โทกะคุชิ และศาลเจ้าโทกะคุชิ ซึ่งกิจกรรมของเราในวันนี้ก็จะเป็นการเดินป่าตะลุยหิมะด้วยรองเท้าหิมะ (Snow shoe) และชิมโซบะสูตรดั้งเดิมกันที่บริเวณภูเขาโทกะคุชินั่นเองครับ
การเดินทาง: โดยรถบัส Alpico จาก Nagano – Togakushi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (ตารางเวลา)
สำหรับเส้นทางการเดินป่าหิมะ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีจุดหมายที่ไหน มีทั้งระยะใกล้ไกลให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าโอคุชะ (Okusha), บ่อคะงะมิ (Kagami) หรือจะเป็น เสาแดงโทริอิที่เรียงรายตัดกับหิมะสีขาว ก็เป็นอีกจุดที่ได้รับความนิยม แต่สำหรับเราในวันนี้ ขอทำความคุ้นเคยกับระยะสั้นๆก่อน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ประตูทางเข้าหลักของศาลเจ้าโอคุชะ ที่ชื่อว่า ซุยชินมง (Zuishinmon) ครับ
ระหว่างทางคุณลุงผู้เป็นไกด์นำทางของเรา ก็จะเล่าเรื่องราวต่างๆของเส้นทางนี้ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร รวมไปถึงการพาเข้าไปชมต้นไม้ที่มีความพิเศษ ซึ่งคุณลุงบอกกับเราว่าเส้นทางนี้จะรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ การเดินป่าจึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้สัมผัสและซึมซัมพลังของธรรมชาติอย่างแท้จริง
ประตูทางเข้าหลัก ซุยชินมง (Zuishinmon) ของศาลโอคุชะ (Okusha) ที่เป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้าโทกะคุชิ (Togakushi Shrine) ที่ประกอบไปด้วย 5 ศาลเจ้าย่อย และมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ในอดีตบริเวณแห่งนี้ยังเป็นที่ฝึกฝนของนินจาอีกด้วย
เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาจะพบกับถนนซุกินะมิคิ (Suginamiki) แนวต้นไซปรัสที่มีอายุกว่า 400 ปี สำหรับใครที่ต้องการจะเดินต่อไปยังศาลเจ้า จะต้องเดินตามเส้นทางนี้ขึ้นไปอีกครับ อ่านรีวิวเพิ่มเติมของทางจังหวัดได้ >> ที่นี่
ระหว่างทางไปร้านอาหารมื้อพิเศษของเราในวันนี้ จะผ่านวัดโทกะคุชิ หอกลางที่เรียกว่า จูชะ (Chusha) ด้วยครับ
ต้นไซปรัส 3 ต้นที่รวมกันเป็นหนึ่ง
มื้อพิเศษของเราในวันนี้ คือมาลิ้มลอง โทกะคุชิโซบะ (Togakushi Soba) โซบะที่ว่ากันว่ามีคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งร้านที่เราจะมาทานกันในวันนี้ก็มีความพิเศษเช่นกัน ชื่อว่า Tokuzenin Soba Gokui (徳善院蕎麦 極意) ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นที่พักของนักแสวงบุญที่เดินเท้ามายังภูเขาศักดิ์สิทธิ์และศาลเจ้าโทกะคุชิ
เวลาทำการ 11.45-14.00 น. / พิกัด / เว็บไซต์
ด้านหน้าทางเข้า ที่เคยใช้เป็นที่พักในอดีต
ช่วงที่เดินทางไป ทางร้านตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลฮินะมัตสุริ หรือ วันเด็กผู้หญิงของญี่ปุ่น
เส้นโซบะของที่โทกะคุชิจะเล็กและบาง รสสัมผัสเบา นุ่มนวล
ก่อนเดินทางกลับตัวเมือง ถ้าใครชอบกระท่อมหิมะ แนะนำให้มาที่ Togakushi Snow Cabin (戸隠スノーキャビン) ที่จะเปิดให้บริการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และ มีนาคม (เฉพาะบางวันเท่านั้น) สามารถติดตามข้อมูลได้ >> ที่นี่
เป็นอันปิดท้ายทริป 4 วัน 3 คืน ของเราอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเดินทางกลับสู่โตเกียวด้วยบริการ Private Charters ด้วยรถตู้ จาก Alpico group ซึ่งเหมาะกับคนที่เดินทางมากันเป็นครอบครัว หมู่คณะ (สำหรับรถตู้ นั่งได้ 7 คน พร้อมที่เก็บสัมภาระ) นั่งสบายเป็นส่วนตัว ยิงยาวจากสถานี Nagano ไปจนถึงโตเกียวเลย ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >> ที่นี่