เมื่อพูดถึงโตเกียว เรามักจะคุ้นเคยกับ รูปปั้นฮาจิโคที่หน้าสถานีชิบุยะ แสงสียามราตรีย่านคาบุกิโจ ตึกสูงเสียดฟ้าที่รปปงิ หรือแม้แต่ สวนใหญ่ใจกลางเมืองอย่างสวนอุเอโนะ แต่ท่ามกลางความทันสมัยของมหานครแห่งนี้ ยังมีย่านประวัติศาสตร์ที่เติบโตควบคู่กันมา และยังสามารถเดินเที่ยวย้อนอดีตไปด้วยกันได้อย่างกลมกลืน
โตเกียวยังมีจุดหมายที่น่าค้นหาอยู่อีกมากมาย และในครั้งนี้จะขอนำสถานที่ที่น่าลองไปเดินสักครั้ง หลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมือง ขึ้นรถไฟออกมาไม่กี่สถานี ก็จะได้เจอกับย่านชุมชน ที่มีร่องรอยวัฒนธรรมอันเก่าแก่ให้ได้ค้นหา แต่ก็ไม่น่าเบื่อเกินไป ยังมีที่ให้ ช้อป ชม ชิม กันได้เหมือนเคย
โดยครั้งนี้เป็นการเดินทางใน 1 วัน โดยตั้งต้นจาก อุเอโนะ (Ueno) ขึ้นรถไฟต่อไปยัง ถนนการค้าเก่าอย่าง คะงุระซะกะ (Kagurazaka) ย้อนกลับไปเดินเล่นที่ย่าน ยะนะกะกินซะ (Yanaka-Ginza) ต่อด้วยแวะขอพรวัดแมวนางกวักที่ เซตะกะยะ (Setagaya) และปิดท้ายวันที่ย่านอะซะกุสะ (Asakusa)
เรามาตั้งต้นกันที่สถานี Ueno ก่อนเดินทาง เติมพลังตอนเช้า แวะที่ Cafe Hibiki ที่ตั้งอยู่ในสวนอุเอโนะ ด้วยเมนูเบาๆ เป็นแพนเค้กลายหมีแพนด้า พระเอกของสวนสัตว์อุเอโนะ เสิร์ฟพร้อมกับ มัทฉะลาเต้
หลังจากนั้นขึ้นรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro เดินทางไปที่จุดหมายแรกของเราคือ คะงุระซะกะ (Kagurazaka) ย่านบันเทิงที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยเอโดะ เป็นย่านที่ในอดีตจะได้พบกับเกอิชา ได้ที่นี่ แม้ในปัจจุบันเราจะได้เห็นบ้านเรือนหลังเก่าที่เคยใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสาวงามเหล่านี้ด้วย
ในบริเวณนี้มี ศาลเจ้าอะคะกิ (Akagi Shrine) ที่เป็นสาขาของศาลเจ้าอะคะกิในจังหวัดกุมมะ ตัวอาคารศาลเจ้าเพิ่งได้รับการบูรณะใหม่เมื่อไม่นานมานี้ แต่ความจริงแล้วมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
และด้านข้างของตัวศาลเจ้า จะมีคาเฟ่เล็กๆที่ชื่อว่า Akagi Cafe ให้บริการของหวานและเครื่องดื่มตามฤดูกาล ถ้ามาในหน้าร้อนก็จะได้ลิ้มลองขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น อย่าง อันมิทสุ (Anmitsu) ถ้วยนี้ หลังจากนั่งพักให้หายเหนื่อยกันสักครู่ เราก็ออกมาเดินเล่นดูร้านค้าริมทาง และได้พบว่ามีคาเฟ่น่ารักๆซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย ที่นี่จึงเป็นแหล่งที่เหมาะมากสำหรับคนรักคาเฟ่
ด้วยเสน่ห์ของถนนสายยาวที่มีลักษณะเป็นทางลาดชัน สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และต้นไม้ ที่เสริมบรรยากาศให้ดูร่มเย็น
ร้านขายเครื่องแก้วจานชาม ในสไตล์ญี่ปุ่น ราคาประหยัด และมีของให้เลือกหลากหลาย
แวะพักเหนื่อย ทานน้ำแข็งใสดับร้อน ที่ร้านกาแฟ Ueshima ที่ขยายสาขาไปทั่วโตเกียว
ต่อจากนั้นเดินทางต่อมายังชุมชนโบราณที่กลายเป็นย่านยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไปแล้วอย่าง ยะนะกะกินซะ (Yanaka-Ginza) ที่นี่เต็มไปด้วยอาหารอร่อยๆ รวมถึงของฝากแฮนด์เมดมากมาย ปัจจุบันย่านนี้ก็ยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นที่ใช้วิถีชีวิตแบบปกติกันมาแต่ดั้งเดิม
เสน่ห์ของร้านค้าในย่านนี้คือป้ายร้านค้าที่มีความโดดเด่นและสร้างสรรค์
ย่านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนรักแมวเหมียวอย่างแท้จริง มีสัญลักษณ์บ่งบอกมากมาย
ซอฟครีมรสเกาลัดที่ร้าน Waguri-ya
หลังจากเดินเที่ยวหาของอร่อยทานกันจนอิ่มแล้ว เราขึ้นรถไฟต่อไปตามหา วัดแมวกวักนำโชคที่ชื่อว่า วัดโกโตคุจิ (Gotokuji) ตั้งอยู่ใน เขตเซตะกะยะ (Setagaya) โดยตำนานของแมวกวักนำโชคของญี่ปุ่น หรือ Maneki-neko นั้นมีต้นกำเนิดมาจากที่วัดแห่งนี้นั่นเอง
ว่ากันว่าในอดีต ย้อนไปในสมัยเอโดะ ผู้ปกครองแคว้นฮิโคเนะ (ปัจจุบันเป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดชิงะ) ขณะเดินผ่านวัดที่เก่าและทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ได้เห็นแมวตัวหนึ่งกวักมือเรียกท่าน ท่านจึงเดินตามเข้าไปในวัด และทันใดนั้นก็เกิดพายุฝนโหมกระหน่ำ ท่านจึงรู้สึกซาบซึ้งในโชคชะตาบนความบังเอิญที่ทำให้ท่านได้มาพบกับแมวตัวนี้ที่เรียกให้ท่านเข้ามาพักหลบฝนอยู่ในวัดแห่งนี้ หลังจากนั้นท่านจึงได้รวบรวมเงินและทำการบูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ยกย่องให้เป็นวัดประจำตระกูล กลายเป็นวัดโกโตคุจิ ในปัจจุบันนั่นเอง
เรื่องราวได้ถูกเล่าสืบสานต่อกันมา จนเกิดเป็นธรรมเนียมว่า หากพรของใครสมความปรารถนาจะต้องนำตุ้กตาเเมวกวักมาวางถวาย และนี่คือที่มาของวัดแห่งนี้ว่าทำไมจึงมีแมวกวักมากมายตั้งอยู่ที่นี่
หลังจากเดินเที่ยวอย่างสนุกสนานกันมาแล้วทั้งวัน ก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังที่พักของเราที่ ย่านอะซะคุสะ (Asakusa) นอกจากการสักการะขอพรที่ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji) แล้ว การเดินเล่นในถนนนากามิเซะก็เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด และต้องชิมขนมอาเกะมันจู
และถ้าไม่หนำใจพอ เดินออกไปถนนด้านนอกที่ขนานกับตัววัด ไปชิมไอศครีมชาเขียวที่เข้มข้นที่สุด มีให้เลือกถึง 7 ระดับที่ร้าน ซุซุกิเอ็น (Suzukien)
บรรยากาศกลางดึกของถนนสายนากามิเซะยามไม่มีผู้คน มีเพียงแสงไฟสลัว ก็ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากตอนกลางวัน
และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมหานครโตเกียว ที่ยังมีมุมน่าค้นหาอีกมากมาย ที่เรารู้แล้วและยังไม่รู้ แล้วพบกันที่โตเกียวนะครับ