Kagoshima: เจาะลึก 3 เมืองอันซีนในจ.คะโกะชิมะ มุ่งสู่จุดใต้สุดของญี่ปุ่น

การเดินทางสู่เกาะใต้ของญี่ปุ่นในครั้งนี้ แปลกกว่าทุกครั้ง เพราะเราลัดเลาะไปตามเมืองเล็กๆที่เรียกว่าอยู่ทางใต้สุดของจังหวัดคาโกชิมะจริงๆ และเชื่อว่าชื่อของทั้ง 3 เมืองที่กำลังพูดถึงในครั้งนี้ น่าจะยังใหม่สำหรับใครหลายคน

ในตอนแรกเราพาไปสองเมืองใหญ่กันมาแล้ว อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่นี่ >> Kagoshima: ตะลุยใต้สุดเกาะคิวชู เที่ยว 2 เมืองใหญ่ Ibusuki และ Minami-Kyushu และสำหรับตอนนี้จะพาไปทำความรู้จักกับเมือง มินามิซัตสุมะ (Minami-Satsuma) , มะคุระซะกิ (Makurazaki) และ มินะมิโอสุมิ (Minami-Osumi)

  • เมืองมินามิซัตสุมะ (Minami-Satsuma) ตั้งอยู่สุดทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดคะโกะชิมะ หันหน้าออกสู่ทะเลจีนตะวันออก มีอุณหภูมิเย็นสบาย เฉลี่ย 20 องศาตลอดทั้งปี มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติตลอดชายฝั่งและมีมรดกทางวัฒนธรรมมากมาย การเที่ยวที่เมืองนี้จะดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและหากิจกรรมสนุกท้าทายที่หาทำได้ยากในเมืองใหญ่

    โดยการเดินทางมาที่เมืองนี้จากสถานี Kagoshima-chuo (หรือ สนามบินคะโกะชิมะ) สามารถโดยสารรถประจำทางวิ่งตรงมาที่ป้าย Kaseda ได้เลย ดูตารางรถบัสได้ >> ที่นี่

    จากที่พักเมื่อคืน เราออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อไปขี่จักรยานชมวิวเมืองที่แสนสงบกันที่ สวนฟุคิอะเกะฮะมะไคฮิง (Fukiagehama Kaihin) ซึ่งเป็นสถานที่จัด งานประติมากรรมทรายและดอกไม้ (Sand & Flower Festa) สุดยิ่งใหญ่ทุกเดือนพฤษภาคม

    การเดินทาง: โดยสารรถประจำทางลงที่ป้าย Kaseda จากนั้นโดยสารแท๊กซี่มาประมาณ 15 นาที
    เว็บไซต์

    แนะนำว่าถ้าใครได้มาที่สวนนี้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซากุระจะบานสะพรั่งทั้งสวนเลย

    เช่าจักรยานไฟฟ้า 2 ชม. 500 เยน ปั่นสบาย ไกลแค่ไหนก็สู้

    ใช้เวลาเกือบชม.ท้าลมหนาวไปจนถึงสะพานชมวิว Sunset Bridge


    จากนั้นไปที่จุดชมวิว คะเมะกะโอกะ (Kamegaoka) เป็นผาหินที่มีลักษณะคล้ายเต่า จุดที่สูงที่สุดมีความสูง 378 เมตร สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 007 ตอน You Only Live Twice เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง 8 สุดยอดวิวสวยแห่งเส้นทางเลียบทะเลมินะมิซัทสึมะไคโดฮัคเค (Minamisatsuma Kaido Hakkei) ที่เหมาะกับการเช่ารถขับและชมวิวตามทาง

    สำหรับใครที่ชอบกิจกรรม พาราไกลเดอร์ (Paraglider) ที่นี่เป็นจุดปล่อยตัวที่ได้รับความนิยม สามารถติดต่อที่ Team GAMELLA (โทร +81-993533751) จะมีครูผู้เชี่ยวชาญ พาเราไปล่องท้องฟ้าอย่างปลอดภัย ราคาจะคิดตามอายุ คูณด้วย 100 เยน (เช่นอายุ 30 ปี จ่าย 3,000 เยน)


    แวะพักทานมื้อเที่ยงกันที่ Niinanamaru ศูนย์โอท็อปประจำเมือง อาหารเป็นแบบเรียบง่าย เหมือนฝีมือคุณแม่บ้านญี่ปุ่นทำให้ทานที่บ้าน เน้นไปที่เนื้อไก่ ตักทานได้แบบบุฟเฟ่ต์ คนละ 800 เยนเท่านั้น

    เวลาทำการ: 11.00-14.00 น. (ร้านอาหาร) / 8.00-17.30 น. (ร้านค้า)
    เว็บไซต์
    (ภาษาญี่ปุ่น)


    เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Mars Tsunuki Distillery โรงงานผลิตวิสกี้ที่เคยได้รางวัลวิสกี้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกจากเวที World Whiskies Award ที่ประเทศอังกฤษมาแล้ว โดยเปิดให้เข้าชมโรงงาน เรียนรู้ประวัติ ข้อมูลต่างๆ รวมถึงขั้นตอนสายการผลิต กันแบบฟรีๆ

    เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
    การเดินทาง: โดยสารรถประจำทางลงที่ป้าย Kami-tsunuki 上津貫 และเดินต่อประมาณ 15 นาที
    เว็บไซต์

    มีส่วนของคาเฟ่ให้ได้นั่งดื่มด่ำกันด้วย


    ค่ำคืนนี้เรานอนกันที่ Matsuya Ryokan ที่พักขนาดเล็กที่มีห้องพักเพียง 5 ห้อง แต่ว่าการตกแต่งของแต่ละห้องนั้นสวยงามราวกับพักเรียวกังมีระดับ เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักแบบครอบครัว สนนราคาเริ่มต้นเพียง 5,000 เยนต่อคน

    การเดินทาง: จากสวนฟุคิอะเกะฮะมะไคฮิง ขับรถมาประมาณ 7 นาที
    เว็บไซต์

    มีห้องอาบน้ำรวมพร้อมบ่อแช่น้ำพุร้อน

    รวมอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้าแสนอร่อย

  • เมืองมะคุระซะกิ (Makurazaki) ตั้งอยู่ทางตอนล่างติดกับเมืองมินามิซัตสุมะ และที่เมืองนี้เป็นที่ตั้งของ สถานีรถไฟ Makurazaki สถานีสุดท้ายของ Japan Railways (JR) ที่อยู่ใต้ที่สุดของญี่ปุ่น

    ด้านหน้ามีรูปปั้นจำลองภาพเหตุการ์ณในอดีตที่จะมีหญิงพาลูกมาขายปลาอยู่หน้าสถานี โดยผู้เป็นสามีจะเดินทางออกทะเลไปจับปลา แต่บางครั้งก็หายไปติดต่อไม่ได้และไม่กลับมาอีกเลย ทำให้ภรรยาและลูกต้องรอคอยไปตลอดกาล

    ป้ายระบุว่าเป็น สถานีเริ่มต้น และสถานีสุดท้าย ณ จุดใต้สุดของ JR

    เส้นทางวิ่งระหว่าง Makurazaki <-> Kagoshima-chuo


    เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของปลาคัทสุโอะ ที่เราจะมาลองชิมกันแบบสดๆที่ Sakana Center หรือ Fish Center ศูนย์รวมอาหารทะเลที่จำหน่ายของสดจากท่าเรือมะคุระซะกิ

    การเดินทาง:
    เว็บไซต์

    ชมวิธีการต้มน้ำซุปจากปลาคัทสุโอะ (Katsuodashi)

    สาธิตวิธีการแล่ปลาคัทสุโอะพร้อมย่างโดยใช้ฟางให้ได้ชมกันด้วย (ต้องทำการจอง 1 วันล่วงหน้า ราคา 1,500 เยน)

    คัทสุโอะทะทะกิ วิธีการย่างให้สุกแค่ส่วนนอก

    ข้าวหน้าปลาคัตสุโอะ เนื้อหวานนุ่ม ไม่คาวเลย ราคา 880 เยน

    และในเมืองยังเป็นที่ตั้งของโรงงาน Marumitsu Suisan ผลิตปลาคัทสุโอะแห้ง (Katsuobushi) มานานกว่า 30 ปี


    อีกหนึ่งจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด และจะสวยมากถ้าหากได้มาตอนช่วงพระอาทิตย์ตก นั่นก็คือ สวนฮิโนะคะมิ (Hinokami Park) ที่ว่ากันว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของคาบสมุทรซัทสุมะ ที่จะได้พบกับความงามที่สรรสร้างจากธรรมชาติอย่างแท้จริง

    การเดินทาง: จากสถานี Makurazaki โดยสารรถแท๊กซี่ 10 นาที
    เว็บไซต์


    โรงกลั่นเหล้าเมจิกุระ (Meijigura) ที่เปิดมานานกว่าร้อยปีตั้งแต่สมัยเมจิ ผลิตเหล้าโชจูที่ทำจากมันหวานอิโมะ ซึ่งที่คาโกชิม่าเป็นแหล่งปลูกมันหวานที่ใหญ่ที่สุดของโลกเลยทีเดียว สามารถเข้าชมโรงงานได้ฟรี

    เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
    การเดินทาง: จากสถานี Makurazaki โดยสารรถแท๊กซี่ 5 นาที
    เว็บไซต์


    ค่ำคืนนี้เราเข้าพักกันที่ Makurazaki Kankou Hotel Iwato ที่สามารถชมวิวริมทะเลได้ สนนราคาเริ่มต้น 5,500 เยนต่อคน

    การเดินทาง: จากสถานี Makurazaki เดิน 15 นาที หรือโดยสารรถแท๊กซี่ 5 นาที
    เว็บไซต์

  • เดินทางสู่จุดใต้ที่สุดของคาโงะชิมะที่ เมืองมินามิโอสุมิ (Minami-Osumi) หลายคนเคยไปพิชิตจุดเหนือสุดของญี่ปุ่นกันมาแล้วที่ฮอกไกโด ครั้งนี้เราจะไปพิชิตจุดใต้สุดของญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ (ไม่นับโอกินะวะ) กันบ้าง โดยประกอบไปด้วย 2 เมืองย่อยคือ เนจิเมะ (Nejime) และ ซะตะ (Sata) ที่มีบรรยากาศชนบทแสนสงบ และมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจดังนี้

    ตั้งต้นที่ท่าเรือเนจิเมะ (Nejime Ferry Port) ซึ่งเราสามารถโดยสารเรือเฟอร์รี่มาจากอิบุซุกิได้ เส้นทาง (Yamagawa-Nejime) ใช้เวลา 50 นาที


    ศาลเจ้าสุวะ (Suwa Shrine) ที่มีเสาโทริอิ ประตูทางเข้าศาลเจ้า 2 ทาง ซึ่งหาเจอได้ยากในญี่ปุ่น ประตูซ้ายเป็นทางเข้า ส่วนประตูขวาเป็นทางออก ศาลเจ้าหันไปทางทิศตะวันตก (ทิศเดียวกับอิซุโมะไทฉะ ที่จังหวัดชิมะเนะ) และยังมีตำนานที่เล่าขานกันมาอย่างมากมาย ที่ยังสรุปสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องมีสองประตู บ้างก็ว่าในอดีตมี 2 ศาล ต่อมาเทพเจ้า 2 องค์มาอยู่รวมกัน จึงได้รวมเป็นศาลเดียว

    หมายเหตุ: ศาลเจ้าที่มีโทริอิคู่แบบนี้ ในคิวชูมีทั้งหมด 9 แห่ง และมีที่จังหวัดคะโกะชิมะ 2 แห่งคือ Togocho และที่นี่

    เว็บไซต์

    ศาลเจ้าแห่งนี้ ชาวบ้านนิยมมาขอพรกันในเรื่องของความรัก ขอคู่ และขอให้มีลูก คลอดลูกได้ปลอดภัย

    จุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ระหว่างทางขับรถเที่ยวที่เมืองมินามิโอสุมิ หันหน้าไปทางเมืองอิบุซุกิ

    Sataday-Go ล่องเรือท้องกระจกชมแนวประการังใต้ทะเล ที่แหลมซะตะ วันไหนที่คลื่นไม่แรง ก็จะได้ชมปะการังได้สวยงาม และถ้าโชคดีก็จะได้เจอเต่าด้วย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    เวลาทำการ: 9.00-15.20 น.
    ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน
    เว็บไซต์

    เดินทางต่อมายัง แหลมซะตะ (Cape Sata) จุดใต้สุดของญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ ต้องเดินลอดอุโมงค์ และเดินตามทางเข้าไปเรื่อยๆจนถึงจุดชมวิว รถไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

    บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้ามิซะกิ (Misaki Shrine) ศาลเจ้าที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 2 องค์คือ Izanagi และ Izanami เทพเจ้าที่คุ้มครองแผ่นดินญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาเพื่อชมพระอาทิตย์แรกของปีที่นี่

    ตลอดทางเดิน สร้างไว้อย่างดี เป็นทางลาด ไม่มีบันได โดยมีจุดหมายอยู่ที่ Cape Sata Observatory

    เดินต่อมาเรื่อยๆที่จุดชมวิว สามารถมองเห็นไคมงได้อย่างชัดเจน

    หลังจากที่เราได้มาพิชิตจุดใต้สุดของญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่กันแล้ว ก็จะได้รับประกาศนียบัตรเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย


    ไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านโลคอลสุดๆ ที่ร้านโทคิมิ (Tokimi)

    ซึ่งเมนูดังของร้านนี้คือ ข้าวหน้าปลาดิบรวม (Kaisendon) ที่จะต้องจองล่วงหน้า เพราะแต่ละวันมีจำนวนจำกัด และชาวบ้าน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ต่างก็มุ่งหน้ามาทานกันที่นี่ จนขายหมดทุกวัน โดยปลาแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน ต่างชนิดไปขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นจะจับปลาอะไรได้ โดยคุณลุงเจ้าของร้านจะเป็นผู้ออกเรือแต่เช้ามืดเพื่อไปจับปลาจากทะเลสดๆมาทำอาหารนั่นเอง

    เวลาทำการ: 11.30-14.00 น. / 17.30-22.00 น.
    เว็บไซต์

    จานนี้มีปลาทั้งหมด 9 ชนิด อาทิ Aji, Maguro, Buri, Katsuo, Budai, Saba, Tamatsu, Tai, Hirasoda Katsuo สนนราคาเพียง 1,200 เยน แถมให้ปริมาณเนอะมาก ถ้าทานในตัวเมืองรับรองว่าจานนี้ราคาแพงกว่านี้ 2-3 เท่าเลยละครับ


    มุ่งหน้าไปยังสถานที่สุดท้าย เพื่อไปชมน้ำตกโอกะวะ ระหว่างทางเดินระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ก็จะได้พบเจอนกกำลังหาเหยื่อด้วย แนะนำว่าถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นสบายกำลังดี

    น้ำตกโอกะวะ (Ogawa no taki) มีความสูง 46 เมตร มีลักษณะเด่นคือหินที่ตัดเป็นแนวขวางซ้อนกันเป็นชั้น และมีน้ำตกไหลลงมาจากร่องชั้นหิน ไม่ใช่ไหลมาจากยอดเขา เหมือนน้ำตกทั่วไป พื้นทรายเป็นสีขาว และน้ำมีสีฟ้ามรกต เพิ่งค้นพบสถานที่แห่งนี้เมื่อไม่นานราว 5-6 ปีก่อน และมีการนำภาพไปใช้บนปฏิทินของธนาคารคะโกะชิมะ จึงทำให้ผู้คนสนใจและเดินทางมาชมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องสร้างทางเดินขึ้นมา และกั้นไม่ให้ลงไปเล่นใกล้กับน้ำตก เพื่อป้องกันอันตราย

    เว็บไซต์

    ใกล้ๆกับบริเวณที่จอดรถตรงทางเข้า จะพบกับ aqua base cafe คาเฟ่เล็กๆให้มานั่งผ่อนคลายได้

    เวลาทำการ: 11.00-17.00 น.
    เว็บไซต์

    แนะนำเมนู Ice Mint Tea ที่มีสีสันสวยงามเลียนแบบสีของน้ำตกโอกะวะ แก้วนี้ราคา 400 เยน

  • JapanKagoshimaKyushuMakurazakiMinami-OsumiMinami-Satsumaคาโกชิมะคิวชูมะคุระซะกิมินะมิโอสุมิมินามิซัตสุมะเกาะใต้เที่ยวญี่ปุ่น