ทริปนี้จะเป็นการใช้ JR Kyushu Rail Pass เที่ยวไปตามสถานที่เที่ยวยอดนิยม ขึ้นรถไฟขบวนดัง ไปใน 3 จังหวัดของเกาะคิวชูตอนเหนือ คือ โออิตะ คุมาโมโตะ และ ฟุกุโอกะ ใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน โดยในตอนแรกนี้จะพาไปเที่ยวเจาะลึกกันในจังหวัดโออิตะกันครับ
แผนการเดินทางวันที่ 1 : จังหวัดโออิตะ
09.00 น. สถานี Hakata
10.24 – 11.40 น. รถไฟสาย Yufuin no Mori (Hakata Sta.- Hita Sta.)
12.00 – 15.00 น. ย่านเมืองเก่า Mamedamachi, Hita City
15.50 – 16.44 น. รถไฟสาย Yufuin no Mori (Hita Sta.- Yufuin Sta.)
16.50 – 18.00 น. ถนนคนเดินเมืองยุฟุอิน Yu no Tsubo
18.18 – 19.30 น. โดยสารรถไฟกลับไปนอนที่เมือง Beppu
แผนการเดินทางวันที่ 2 (ครึ่งเช้า) : จังหวัดโออิตะ
08.00 – 09.30 น. บ่อนรก Jigoku, Beppu
09.45 – 11.30 น. สะพานแขวน Kokonoe Yume Otsurihashi, Beppu
เส้นทางแผนการเดินทางของทริปในครั้งนี้
ติดตามรีวิวอีก 2 ตอนได้ที่นี่
นั่งรถไฟ JR Kyushu ตะลุยเกาะใต้ ชมวิวสวย 3 จังหวัด ตอนที่ 2: คุมาโมโตะ (Kumamoto)
นั่งรถไฟ JR Kyushu ตะลุยเกาะใต้ ชมวิวสวย 3 จังหวัด ตอนที่ 3 : ฟุกุโอกะ (Fukuoka)
#จุดหมายปลายทางไม่สำคัญเท่ากับเรื่องราวระหว่างทาง ประโยคที่เรามักได้ยินเสมอ สำหรับเราที่การเดินทางแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เรื่องราวระหว่างทางนี่แหละที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้เราได้เก็บเกี่ยวข้อมูล ภาพถ่ายของสถานที่ต่างๆ มาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง
อีกหนึ่งเสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่น่าจะเป็นที่หนึ่งในใจของใครหลายๆคนรวมถึงตัวแอดด้วย คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยรถไฟ โดยในทริปนี้เราจะเน้นการเดินทางด้วยรถไฟภายในภูมิภาคคิวชูเป็นหลัก ด้วย JR KYUSHU RAIL PASS – All Kyushu Area จะสนุกสนานแค่ไหน ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ตามไปด้วยกันเลยครับ ก่อนอื่นขออธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับพาสที่เราใช้เดินทางในทริปครั้งนี้
แผนที่ขอบเขตการให้บริการของ JR Kyushu Rail Pass
โดยในทริปนี้เราจะเน้นการเดินทางด้วยรถไฟภายในภูมิภาคคิวชูเป็นหลัก ด้วย JR KYUSHU RAIL PASS – All Kyushu Area แบ่งเป็นการใช้งาน 2 แบบ
- สำหรับการใช้งาน 3 วัน ราคา 15,000 เยน โดยจะจำกัดการสำรองที่นั่งโดยสารบนรถไฟได้ 10 ครั้ง
- สำหรับการใช้งาน 5 วัน ราคา 18,000 เยน โดยจะจำกัดการสำรองที่นั่งโดยสารบนรถไฟได้ 16 ครั้ง
เงื่อนไขในการซื้อ
– สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้ถือสัญชาติญี่ปุ่นและเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ด้วยวีซ่าท่องเที่ยวแบบระยะสั้น
- ต้องเป็นผู้ที่ถือหนังสือเดินทางที่ออกโดยประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น
- ต้องเป็นผู้ที่พำนักอาศัยอยู่นอกประเทศญี่ปุ่นและเดินทางมาประเทศญี่ปุ่นด้วยวีซ่าท่องเที่ยวแบบระยะสั้น(*)
ผู้ที่ตรงตามเงื่อนไข [1] และ [2] ตามข้างต้น
*เมื่อเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น กรุณาเข้ารับการตรวจสอบ “การพำนักระยะสั้น” พร้อมประทับตราบนหนังสือเดินทางของคุณ หากคุณใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติที่จุดตรวจคนเข้าเมือง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่สนามบินเพื่อรับการรับรองบนหนังสือเดินทางพร้อมประทับตรา
โดยผู้ที่ทำการจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว สามารถทำการสำรองที่นั่งบนขบวนรถไฟต่างๆได้จาก >> TRAIN RESERVATION
สามารถสั่งซื้อพาสแบบง่ายๆได้จากช่องทางออนไลน์ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
และเราก็ได้ JR KYUSHU RAIL PASS – All Kyushu Area มาเป็นที่เรียบร้อย
รถไฟทุกขบวนมีเรื่องราว ส่งผ่านทางดีไซน์ ให้ออกตามค้นหา
เริ่มต้นเช้าของวันแรก เราเริ่มต้นการเดินทางจากสถานีหลัก Hakata โดยสารรถไฟสาย Yufuin no Mori วิ่งบนเส้นทาง สาย JR Kyudai Main Line ระหว่างสถานี Hakata ในจังหวัด Fukuoka กับสถานี Yufuin ในจังหวัด Oita และบางขบวนจะวิ่งไปถึงสถานี Beppu สามารถเช็คตารางการวิ่ง เส้นทางและเที่ยวเวลาให้บริการได้จาก >> ที่นี่
เส้นทางการให้บริการของรถไฟขบวนด่วนพิเศษ Yufuin no Mori
รถไฟ Yufuin no Mori เป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดขบวนหนึ่งของภูมิภาคคิวชู ด้วยเสน่ห์ของรถไฟน่ารักสวยงาม ชื่อของ Yufuin no Mori มีความหมายว่าผืนป่าของยูฟุอิน ขบวนรถไฟสายนี้จึงได้รับแรงบันดาลใจ ออกแบบตามแนวคิดของผืนป่าสีเขียว ตั้งแต่สีของขบวนรถ
ห้องโดยสารที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหราด้วยไม้ เบาะที่นั่งใช้เป็นโทนสีเขียวสบายตา และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เปรียบเสมือนหัวใจหลักของรถไฟท่องเที่ยวนั่นก็คือ หน้าต่างบานใหญ่ให้เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามตลอดสองข้างทางแบบเต็มตา
เอาละได้เวลาเดินสำรวจความสวยงามและเสน่ห์ของรถไฟขบวนนี้ไปพร้อมๆกัน รถไฟ Yufuin no Mori แบ่งออกเป็นตู้โดยสารทั้งหมดด้วยกัน 4 ตู้โดยสาร โดยระหว่างการเดินทางจะมีพนักงานต้อนรับบนรถไฟคอยบรรยายว่า ตอนนี้รถไฟแล่นผ่านจุดไหนบ้าง แนะนำให้เราหันไปมองวิวนอกหน้าต่าง ซึ่งพอถึงช่วงบริเวณจุดสำคัญๆ รถไฟจะทำการวิ่งให้ช้าลง เพื่อให้เราได้สัมผัสไปสัมผัสกับทัศนียภาพสวยๆตามเสียงบรรยาย
หนึ่งตู้พิเศษเป็นตู้นั่งชมวิวแบบพาโนราม่า ให้ความรู้สึกคล้ายกับเป็นห้องนั่งเล่น สามารถนั่งชมวิว
ที่ตู้เสบียงมีโปสการ์ดแจกฟรีและตราประทับให้สะสมเป็นที่ระลึก
ตู้ติดกันเป็นตู้เสบียง ที่จำหน่ายข้าวกล่อง ไอศกรีม เครื่องดื่มและของที่ระลึก
บรรยากาศภายในของรถไฟตู้ขบวนแรก ด้านหน้าเป็นห้องกระจกใส สามารถมองเห็นทุละไปถึงห้องคนขับเลยทีเดียว
ลองชิมเครื่องดื่มไซเดอร์ชื่อดังของที่นี่ “ยุฟุอินไซเดอร์” และพุดดิ้งสุดอร่อย
สำหรับรถไฟขบวน Yufuin no Mori เป็นรถไฟที่ไม่ได้วิ่งทุกวันและที่สำคัญคือทุกที่นั่งต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนเท่านั้น สามารถเช็คตารางการเดินรถล่วงหน้าได้ที่นี่ >> YUFUIN NO MORI
ก่อนจะเดินทางไปยังเมืองยุฟุอิน เราแวะลงเที่ยวกันก่อนที่เมืองฮิตะ (Hita) ในจังหวัดโออิตะ ลงที่สถานี Hita จากนั้นเดินทางไปยังย่านเมืองเก่า Mameda-machi
Mameda-machi เป็นเขตพื้นที่เมืองเก่ามาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ ตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 1616 ที่นี่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ ที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น Little Kyoto แห่งหนึ่งของภูมิภาคคิวชู ถูกเพลิงไหม้ในช่วงปีค.ศ. 1772 และถูกทำลายลงในปีค.ศ. 1887 จากนั้นได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ บริเวณย่าน Mameda-machi มีถนนเส้นหลัก 2 สาย ทอดยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ นั่นก็คือถนน Kamimachi และ Miyuki ตลอดทั้งสองข้างทาง แวดล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่และร้านค้ามากมาย ตั้งเรียงรายไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบราณ
การท่องเที่ยวเมืองนี้ไม่ใหญ่มาก แต่อัดแน่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือร้านขายของที่ระลึก เราแวะกันที่แรกคือโรงงานอายุมากว่า 300 ปี ชื่อว่า Kuncho Sake Brewery
โรงผลิตแห่งนี้เปิดทำการมาตั้งแต่ในยุคสมัยเอโดะ หรือราวปี ค.ศ. 1702 ภายหลังได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้กับผู้สนใจได้เข้าชม
ห้องสำหรับจัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตสาเก
บริเวณส่วนด้านหน้าของร้านเปิดเป็นร้านขายสินค้าของที่นี่ มีอามะสาเก ที่ไม่มีแอลกอฮอลล์
เมนูแนะนำของคาเฟ่สาเกแห่งนี้คือไอศกรีมที่ทำจากอามะสาเก (ไม่มีแอลกอฮอล์นะครับ)
ร้านค้าน่ารักๆมากมายภายในเมืองนี้
ร้านตุ้กตาดินเผา ใช้สำหรับปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย สามารถเลือกตามราศีเกิดได้เลย
ถัดมาเป็นร้านผลิตรองเท้าเกี๊ยะชื่อดังของเมือง Hita ด้านในยังมีรองเท้าเกี๊ยะที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้เข้าชม
เมือง Hita ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของงานแห่เกี้ยว Hita Gion Yamaboko ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จนได้รับการบันทึกให้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากองค์กร UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 2016 ที่ผ่านมา ภายในพิพิธภัณฑ์ Hita Gion Yamaboko Museum จัดแสดงเกี้ยวที่ใช้แห่ในงาน มีความสูงกว่า 10 เมตร หนัก 1 ตัน โดยงานเทศกาลจะจัดขึ้นทุกๆวันเสาร์และอาทิตย์แรกหลังจากวันที่ 20 กรกฎาคมของทุกปี
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิพิธภัณฑ์ Hita Gion Yamaboko Museum
เวลาทำการ : 09.00 – 17.00 น.
วันหยุด : ปิดทำการทุกวันพุธ หรือวันถัดไปหากวันพุธเป็นวันหยุดทางราชการ และวันปีใหม่ ตั้งแต่ 29 ธันวาคม ถึง 3 มกราคม
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 310 เยน นักเรียน จนถึงชั้นมัธยมศึกษา 210 เยน
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานีรถไฟ JR Hita
ไปกันต่อยังโรงงานผลิตซอสชื่อดังของเมือง ใครที่ชื่นชอบการทำอาหารอย่าพลาดร้าน Hara Jirozaemon Soy Sauce and Miso Factory สามารถทดลองชิมได้ทุกรสชาติ
เดินเล่นกันจนถึงช่วงเที่ยงวัน ได้เวลาหาอาหารอร่อยๆรับประทาน แนะนำยากิโซบะชื่อดังของเมือง Hita โดยมีกรรมวิธีการทำที่ไม่เหมือนกับยากิโซบะของที่อื่น นั่นคือการนำเส้นไปทอดแล้วนำมาผัดอีกครั้งทำให้ได้รสสัมผัสของเส้นที่มีความเหนียวนุ่มและกรุบกรอบในคำเดียว
หลังจากเดินเที่ยวเล่นในย่าน Mameda-machi กันมาพอหอมปากหอมคอ เราเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายของเราวันนี้คือ เมืองยูฟุอิน (Yufuin) โดยสารรถไฟ Yufuin no Mori ขบวนเดิม มาลงที่สถานี Yufuin
ในสถานีรถไฟบริเวณชานชาลาที่ 1 มีออนเซ็นแช่เท้าให้บริการ นอกจากนี้ภายในสถานียังเป็นที่ตั้งของ Tourist Information Center ที่สามารถสอบถามและขอคู่มือท่องเที่ยวได้ สำหรับใครที่ต้องการปั่นจักรยายชมเมืองก็สามารถเช่าจักรยานได้จากที่นี่เลย
Yufuin เป็นเมืองน่ารักในจังหวัด Oita ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำพุร้อนและออนเซ็นเป็นอย่างมาก
อีกหนึ่งสถานที่ที่จะไม่พูดไม่ได้เมื่อมาถึงที่นี่นั่นก็คือ ย่านถนนคนเดิน Yu No Tsubo Kaido ถนนคนเดินแห่งเมืองยุฟุอิน ที่ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงสวยๆน่ารักๆ ร้านค้าหลายหลายประเภทกว่า 70 ร้านค้า ตั้งสลับกับบ้านเรือน ให้บรรยากาศเก่าแก่สมัยเอโดะ ตามทางเป็นร้านขายของที่ระลึก, ผลิตภัณฑ์พิเศษ หรืออาหารและขนมชื่อดังมากมาย
เดินมาจนถึงจุดสุดท้ายของถนนคนเดิน Yuno Tsubo Kaido จะพบกับทะเลสาบ Kirin Lake
ก่อนกลับวันแวะชิมโรลเค้กชื่อดังของเมือง พร้อมเครื่องดื่มร้อนๆ
ภาพบรรยากาศสวยๆของเส้นทางถนนสู่หมู่บ้าน Yufuin
เข้าสู่วันที่สองของการเดินทาง เช้านี้เราออกเดินทางจากเมือง Oita เพื่อเดินทางไปสู่จังหวัดคุมาโมโตะ เนื่องจากตามแพลนแล้ว เราจะต้องทำการเดินทางด้วยรถไฟสาย “Aso Boy” แต่ด้วยเหตุขัดข้องบางประการเนื่องจากเมื่อวานเกิดพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 25 ทำให้วันนี้รถไฟจึงต้องหยุดให้บริการเพื่อตรวจสอบระบบ เราจึงเปลี่ยนแพลนด้วยการเช่ารถขับ เดินทางไปชมบ่อน้ำพุนรกชื่อดังของ เมืองเบปปุ (Beppu) มีชื่อเรียกว่า Jigoku Meguri โดยแต่ละบ่อจะมีสีสันและลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน
บ่อนรกจิโกขุ มีด้วยกันทั้งหมด 8 บ่อ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆด้วยกัน บริเวณส่วนแรกนั้นประกอบด้วยกัน 6 บ่อโดยตั้งอยู่ในเขต Kannawa ประกอบด้วยบ่อ Umi Jigoku, Oniishibozu Jigoku, Shiraike Jigoku, Kamado Jigoku, Oniyama Jigoku, Yama Jigoku โดยแต่ละบ่อนั้น จะตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนอีก 2 บ่อจะตั้งอยู่ที่เขต Shibaseki จะตั้งอยู่ห่างไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ประกอบด้วยบ่อ Chinoike Jigoku และบ่อ Tatsumaki Jigoku สามารถเดินจะเดินเท้าไปได้ หรือหากต้องการประหยัดเวลาก็สามารถนั่งรถบัสได้ โดยจะมีรถบัสให้บริการที่วิ่งไปลงที่ด้านหน้าของบ่อทั้ง 2
จากนั้นเดินทางไปสัมผัสกับความสวยงามและหวาดเสียวไปพร้อมๆกันของสะพานแขวน Kokonoe Yume Otsurihashi ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดินข้ามที่ยาวและสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทอดผ่านช่องหุบเขาคิวซูอิขนาดใหญ่ โดยมีน้ำตก Shindo no Taki ที่ติด 1 ใน 100 ของน้ำตกที่สวยที่สุดเป็นฉาก
ลากันไปด้วยภาพวิวสวยๆของน้ำตก Shindo no Taki ที่ติด 1 ใน 100 ของน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับครึ่งวันบ่ายเราจะเดินทางเข้าสู่คุมาโมโตะกัน ตามไปอ่านรีวิวกันได้ที่นี่ >> JR-KYUSHU-KUMAMOTO