ตะลุยเที่ยวเขต Japan Alps ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 2: Kamikochi

ออกเดินทางตะลุยเที่ยวเขต Japan Alps กันต่อ โดยวันนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ คามิโคจิ (Kamikochi) โดยตั้งต้นจากสถานี Matsumoto ใช้ Alps WIDE Free Passport  ขึ้นรถไฟ Alpico train (สาย Kamikochi) มาลงที่สถานี Shin-Shimashima หลังจากนั้นขึ้นรถบัสต่อมาลงที่คามิโคจิ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่นี่ >> ตะลุยเที่ยวเขต Japan Alps ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 1: Norikura – Matsumoto

อ่านข้อมูลพาสที่ใช้เที่ยวในครั้งนี้ได้ที่นี่ >> แนะนำพาสรถบัสสุดคุ้ม ตะลุยเขตเจแปนแอลป์ ในจังหวัด นากาโน่ และ กิฟุ

จาก สถานี Shin-Shimashima จะเป็นท่ารถบัสที่สามารถเดินทางต่อไปได้หลายจุดหมาย แค่มองสีที่ทางเดินก็จะทราบว่าเราต้องไปขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลขอะไร เพื่อไปจุดหมายที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย อย่างจุดหมายของเราในวันนี้คือ Kamikochi สายสีชมพู ให้ไปขึ้นที่ป้ายรถบัสหมายเลข 1

ลงรถบัสที่สุดสายที่ Kamikochi Bus Terminal ทำการฝากสัมภาระ หาอะไรรองท้อง และขอข้อมูลการเดินป่า เข้าห้องน้ำให้พร้อมก่อนออกเดินทาง

คามิโคจิ (Kamikochi) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติจูบุซังกะคุ (Chubu Sangaku National Park) ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยดอกไม้พืชพันธุ์ สัตว์ป่านานาพรรณและนกหายาก ที่ได้รับการคุ้มครองเป็นอย่างดีนับร้อยปี โดยได้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปชื่นชมความงามทางธรรมชาตินี้ได้ ตั้งแต่  17 เมษายน ถึง 15 พฤศจิกายน โดยไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปได้ เพื่อรักษาระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมให้บริสุทธิ์

ประวัติอ้างอิงจาก http://www.alpico.co.jp/th/kamikochi/

ตั้งแต่ในอดีตได้กล่าวกันว่า เทพเจ้าซึ่งได้รับการบวงสรวงอยู่ที่ศาลเจ้าโฮทากะ ได้ถูกอัญเชิญมาสถิตอยู่ที่ยอดเขาโฮทากะ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อคามิโคจิ ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีเทพเจ้าสถิตอยู่”

วิวทิวทัศน์อันตระการตาของสถานที่แห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์คุ้มครองไว้อย่างดีจากทางรัฐในฐานะที่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญ และได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งใน ”จุดชมวิวพิเศษที่มีความงดงาม” ของญี่ปุ่น ทั้งยังได้รับเลือกเป็น “อนุสาวรีย์ทางธรรมชาติชนิดพิเศษ” อันทรงคุณค่าทั้งของประเทศและของโลก ซึ่งสถานที่ที่ได้รับประกาศความสำคัญทั้งสองด้านข้างต้นนั้น ปัจจุบันมีอยู่เพียงแค่ 2 แห่งเท่านั้น คือคามิโคจิ และ หุบเขาคุโรเบะ

นักท่องเที่ยวต่างต้องการชมภาพของเทือกเขาอันตระการตา ของทิวเขาโฮทากะ และ ยอดเขายาเคะดาเกะ ที่สะท้อนกับน้ำที่ใสบริสุทธิ์ตรงบริเวณ สะพานคัปปะ (Kappabashi) ที่เป็นจุดศูนย์กลาง และเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของคามิโคจิ

ไม่ไกลจากสะพานคัปปะ เป็นที่พักค้างแรมของเราในคืนนี้ Kamikochi Lemeiesta Hotel รีสอร์ทกลางป่าเขาที่สามารถดื่มด่ำทั้งทิวทัศน์จากภูเขาและแม่น้ำสายอะซุสะได้จากภายในห้องพัก พร้อมออนเซ็นธรรมชาติเพียง 1 ใน 2 แห่งของคามิโคจิ ให้ได้ผ่อนคลาย และต้องไม่พลาดอาหารฝรั่งเศสชั้นเลิศ ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นและน้ำแร่จากคามิโคจิ

อ่านรีวิวที่นี่ >> Nagano: Kamikochi Lemeiesta Hotel โรงแรมสวยท่ามกลางเจแปนแอลป์

อีกทั้งยังสามารถเดินออกไปชมดาวในยามราตรีได้อีกด้วย การชมดาวถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสได้มาค้างคืนที่คามิโคจิ

สมัยก่อนคนญี่ปุ่นปีนเขาเพื่อจาริกแสวงบุญ  ต่อมา Weston Walter มิชชันนารีชาวอังกฤษ ได้ริเริ่มการปีนเขาเพื่อสันทนาการที่คามิโคจิ และทำให้คำว่า Japan Alps ดังไปทั่วโลก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น บิดาแห่งการปีนเขาสมัยใหม่ของญี่ปุ่น โดยทุกวันอาทิตย์แรกในเดือนมิถุนายนของทุกปี จะมีการจัดงานเพื่อรำลึกถึง เวสตัน วอลเตอร์

อนุสรณ์นี้ตั้งอยู่ติดกับโรงแรม

ภูเขายาเคะดาเกะ (Mount Yakedake) มีความสูง 2,455 เมตร เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุนอยู่ รูปทรงปัจจุบันเกิดขึ้นจากการก่อตัวจากการปะทุของแมกม่าเมื่อราว 2,300 ปีก่อน

บึงไทโช (Taisho Pond) ถือกำเนิดขึ้นจากการปะทุของภูเขายาเคะดาเกะ เมื่อปีค.ศ.1915 ภาพของทิวเขาโฮทาเกะ ที่สะท้อนกับผิวน้ำที่ใสและนิ่งราวกับกระจก เป็นภาพอันงดงามที่กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของคามิโคจิ

บึงทะชิโระ (Tashiro Pond) เป็นแหล่งกักเก็บน้ำอันบริสุทธิ์ เป็นจุดชมวิวทิวเขาโฮทากะได้สวยงามอีกแห่ง

ต่อจากนั้นทำการเทรคกิ้งเข้าไปด้านใน วิวสวยงามตลอดทาง ราวกับโปสการ์ด

ถ้าอยากให้ได้บรรยากาศ เตรียมเบนโตะและน้ำมาแวะทานกันระหว่างทางได้ มีจุดให้แวะพักสวยๆหลายแห่ง เลือกนั่งพักได้อย่างอิสระ ปูเสื่อและนั่งทานกันตรงนั้นเลย

บึงเมียวจิน (Myojin Pond) ประกอบด้วยบึงขนาดเล็กและใหญ่ 2 แห่งเชื่อมต่อกัน ฝั่งหนึ่งชื่อว่า อิจิโนะอิเคะ และ อีกฝั่งชื่อว่า นิโนะอิเคะ เบื้องหน้าจะพบกับทิวเขาเมียวจินดะเคะ (Myojindake) ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จะเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด

ริมฝั่งเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าโฮทากะชั้นใน (Hotaka Okumiya) ที่สถิตของเทพเจ้าโฮทะกะมิ (Hotakami no mikoto) บุตรของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล จึงทำให้บริเวณคาคิโคจิเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ และบึงเมียวจิน ได้รับการขนานนามว่า บึงแห่งจิตวิญญาณ (Pond of spirit) และในวันที่ 8 ตุลาคมของทุกปีจะมีงานเทศกาล นำเรือโบราณ 2 ลำ โดยเรือลำหนึ่งมีหัวเป็นมังกร เรืออีกลำมีหัวเป็นนกฟีนิกซ์ เป็นพิธีกรรมที่ถ่ายทอดกันมาตั้งแต่สมัยเฮอัน

ไม่พลาดที่จะลองชิมปลาอิวานะย่างถ่าน ของร้านคามนจิโกยะ ที่ตั้งอยู่ด้านใน

พร้อมสั่งโอเด้งมาทานพร้อมกันแก้หนาวได้ดี

จากนั้นก็ถึงเวลาเดินย้อนกลับไปที่จุดตั้งต้นของเรา โดยข้ามสะพานเมียวจินบะชิ (Myojinbashi Bridge)

ย้อนกลับมาถึงท่ารถบัส อย่าลืมแวะชิมขนม Kappayaki ที่มีหน้าตาเป็นกัปปะ สอดไส้ครีมต่างๆ

แล้วตอนหน้าเราจะข้ามไปยังเขตฮิดะ เที่ยวเมืองทะคะยะมะกันแล้ว มาติดตามกันต่อนะครับ

AlpicoAutumnJapan AlpsKamikochiKappabashiShin-shimashimatrekkingคามิโคจิ​ปีนเขาสะพานกัปปะเที่ยวญี่ปุ่น