เราเดินทางมาถึงเมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนะงะโนะ ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในแถบนี้ใบไม้เปลี่ยนสีสันเข้าช่วงพีคแล้ว โดยเฉพาะสวนรอบปราสาทมัตสุโมโตะ ที่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยม กำลังสลับสีสันสวยงาม
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) สมบัติประจำชาติ อายุ 400 ปี เป็นปราสาทที่สร้างบนพื้นราบ (ปราสาทญี่ปุ่นมี 3 ประเภทคือ บนภูเขา บนเนินเขา และพื้นราบ) จึงต้องสร้างคูน้ำล้อมรอบไว้ 3 ชั้น ปัจจุบันรอบนอกชั้นที่ 2 และ 3 เหลือเพียงบางส่วน สมัยก่อนคลองชั้นในจะลึกถึง 3 เมตร และเป็นน้ำดำสกปรก เพื่อให้ข้าศึกเดาไม่ออกว่าลึกเท่าไหร่
ปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิม ที่สามารถเห็นปราสาทสะท้อนน้ำ เห็นซากุระ เห็นเทือกเขาแอลป์ได้พร้อมกัน
[เกร็ดความรู้ระหว่างเดินชมภายในปราสาท]
- ด้านในชั้นล่าง จะนำพวกดินปืนและอาวุธเข้ามาใช้โจมตีข้าศึก มีช่องหน้าต่างไว้ยิงธนู ปืน และ ทิ้งหินลงไป
- Sachi ใช้ปกป้องปราสาทจากไฟ ศัตรูตัวฉกาจเพราะโครงสร้างเป็นไม้ มี 2 ตัว ตึงนึงจะอ้าปาก อีกตัวจะปิดปาก (อาอู)
- โครงสร้างด้านในจะมีเสา โดยแต่ละเสาจะยึด 2 ชั้นไว้ด้วยกัน
- ชั้น 2 จะเป็นพิพิธภัณฑ์ปืน มีปืนรุ่นแรกที่เข้ามาในญี่ปุ่น แนะนำโดยโปรตุเกส ไดเมียวยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อปืน เพราะตกใจในศักยภาพของปืน ภายหลังจึงพยายามสร้างด้วยตัวเอง
- เกราะซามูไรมีน้ำหนักเบา เพียง 12 กก. เท่านั้น เบากว่าชุดเกราะของยุโรปที่หนัก 40-50 กก. สะพายกระติกไว้ใส่ดินปืน และกล่องเหล็กใส่ลูกปืน
- ผู้หญิงจะรับหน้าที่ในการปั้นลูกกระสุน
- สร้างปืนหลอกให้ดูเหมือนมีด แต่จริงๆยิงกระสุนได้
- ชั้น 3 เป็นชั้นที่ถูกซ่อนไว้ ไม่มีหน้าต่าง ที่สามารถมองเห็นจากด้านนอกได้
- ชั้น 4 เป็นชั้นที่ไดเมียวอยู่ มีเพดานสูงและหน้าต่างกว้าง และบันไดจากชั้น 4 ไปชั้น 5 จะชันที่สุด
- ชั้น 5 เอาไว้ใช้ประชุมวิธีการปราบข้าศึก
- ชั้นบนสุด ตรงบริเวณหลังคา จะไม่มีเพดานปิดไว้ ทำให้มองเห็นโครงสร้างด้านในที่เป็นไม้ได้ชัดเจน มีเพียงที่นี่ที่เดียวในญี่ปุ่น
หอคอยหลัก มองจากด้านนอกมี 5 ชั้น แต่จริงๆแล้วมี 6 ชั้น ซ่อนอยู่ระหว่างชั้น 2 และ 3 หอคอยตรงกลางและด้านขวา สร้างในช่วงสงครามกลางเมือง แต่หอคอยด้านซ้ายสร้างในภายหลังไว้ชมจันทร์หลังพ้นยุคสงครามแล้ว
จากปราสาทเดินมาเพียงไม่ถึง 10 นาที ก็ถึง ถนนนะวะเตะ (Nawate street) เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีกันต่อ และสามารถข้ามไปยังถนนนากามาจิ (Nakamachi street) ย่านการค้าเก่าแก่ได้อีกด้วย
ถนนนากามาจิ (Nakamachi street)
ต่อมานั่งรถบัสลายจุด Town Sneaker มายัง พิพิธภัณฑ์ศิลปะมัตสุโมโตะ (Matsumoto Museum of Art) เพื่อชมผลงานสุดอาร์ตของ ยะโยอิ คุสะมะ (Yayoi Kusama) ที่มีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองมัตสุโมโตะนั่นเอง
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บริการในปีค.ศ. 2002 และได้นำผลงานของ ยะโยอิ คุสะมะ มาจัดแสดงในปี 2005 ส่วนจัดเเสดงด้านนอกจะใหญ่ที่สุด สูง 10 เมตร ด้านในจะเปลี่ยนผลงานการแสดงไปเรื่อยๆ ปีละ 4 ครั้ง
เวลาทำการ: 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 410 เยน เด็ก 200 เยน
เว็บไซต์: http://matsumoto-artmuse.jp/en/
คุณยะโยอิ เริ่มเขียนลายจุด โดยการนำความกลัวจุด มาถ่ายทอดผ่านผลงาน จึงเป็นที่มาของผลงานลายจุดอันโด่งดังไปทั่วโลก ด้านในจัดแสดงผลงานส่วนหนึ่งของชุด eternal soul ส่งข้อความผ่านผลงานว่านี่อาจเป็นผลงานชุดสุดท้ายที่ได้ทำ มีกว่า 500 ชิ้น
ก่อนที่จะเดินทางไกลกันต่อ เราแวะมาทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน Benten ตั้งอยู่บนถนนหน้าสถานี Matsumoto ร้านนี้เปิดมาแล้ว 120 ปี ต้องชิมโทจิโซบะ (Toji soba) เมนูดังของมัตสุโมโตะ ส่วนใหญ่โซบะจะกินกันแบบเย็นๆ แต่โทจิโซบะจะกินโดยเอาเส้นใส่ในตระกร้อ จิ้มจุ่มในหม้อร้อนก่อนทาน ชุดนึงทานได้ 2 คน ราคา 1,700 ต่อคน
หรือจะเลือกทานเมนูโซบะร้อนเสิร์ฟพร้อมกับเทมปุระก็ได้เช่นกัน
ครั้งนี้เราเลือกพักที่โรงแรม Hotel Buena Vista สะดวกสบาย เดินมาได้จากสถานี Matsumoto และมีอีกโรงแรมคือ Alpico Plaza Hotel ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา ไว้เป็นทางเลือกสำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักใกล้กับสถานี ราคาไม่แพงอยู่
อ่านรีวิวที่นี่ >> Nagano ~ Hotel Buena Vista โรงแรมที่ดีที่สุดใจกลางเมืองมัตสึโมโต้