หลังจากเที่ยวทางฝั่งชินชูกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้ง มัตสุโมโตะ, โนริคุระ และ คามิโคจิ ถึงเวลาข้ามโซนมายังฝั่งฮิดะ ด้วยรถบัสโดยสามารถใช้พาส Alps WIDE Free Passport ได้เช่นเดิม
อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่นี่ >> ตะลุยเที่ยวเขต Japan Alps ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 1: Norikura – Matsumoto
อ่านรีวิวตอนสองได้ที่นี่ >> ตะลุยเที่ยวเขต Japan Alps ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 2: Kamikochi
อ่านข้อมูลพาสที่ใช้เที่ยวในครั้งนี้ได้ที่นี่ >> แนะนำพาสรถบัสสุดคุ้ม ตะลุยเขตเจแปนแอลป์ ในจังหวัด นากาโน่ และ กิฟุ
บริเวณฐานของเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ มีแหล่งน้ำพุร้อน 5 แห่งที่รวมเรียกกันว่า Okuhida Onsenkyo ประกอบไปด้วย Hirayu, Fukuji, Shinhirayu, Tochio และ Shinhotaka เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดในจังหวัดกิฟุ ดื่มด่ำกับออนเซ็นกลางแจ้งไปพร้อมกับวิวอันมหัศจรรย์ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายตลอดเส้นทางรถบัส อาทิ ถ้ำหินปูน Hida, น้ำตก Hirayu, อุทยานหมี Oku Hida และกระเช้า Shinhotaka เป็นต้น
กระเช้าชินโฮทะกะ (Shin-Hotaka Ropeway) กระเช้าเคเบิลคาร์สองชั้น ที่จะพาขึ้นไปชมวิวของเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ (Northern Alps) ที่ระดับความสูง 2,156 เมตรจากน้ำทะเล ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะขยายเวลาการให้บริการ เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้รอเวลาชมพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษ และในฤดูหนาว บริเวณด้านบนยอดเขาจะเป็นที่ตั้งของอุทยานธรรมชาติเซ็นโกะคุเอ็นจิ (Sengokuenchi Nature Park) ที่จะกลายสภาพเป็นกำแพงหิมะ และขนาบข้างไปด้วยยักษ์หิมะที่สูงถึง 3 เมตร ระหว่างสถานีทั้งสอง จะเป็นเส้นทางเดินเขาที่สวยงาม ได้ดื่มด่ำดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะ ดอกไม้ที่ขึ้นบนเทือกเขาแอลป์ และความงดงามใบไม้เปลี่ยนสี
แวะแช่ออนเซ็นเท้าระหว่างรอขึ้นกระเช้า
ใบไม้แดงกำลังเริ่มร่วงหล่นสู่พื้น เพราะบนเขาอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆแล้ว
กระเช้าเคเบิลคาร์สองชั้น ที่จะพาขึ้นไปชมวิวของเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ
เมื่อขึ้นมาด้านบนก็จะได้พบกับหิมะ เปลี่ยนฤดูในทันที
แวะชิมซอฟท์ครีมรสวาซาบิที่บริเวณร้านขายของฝากด้านล่าง
ต่อมาเราเดินทางมายัง อุทยานหมีโอคุฮิดะ (Okuhida Bear’s Park) ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ฮิระยุออนเซ็น (Hirayu onsen) ภายในสวนมีหมีมากกว่า 100 ตัวที่ไม่จำศีลแม้กระทั่งในฤดูหนาว พร้อมสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าชมตลอดทั้งปี จะได้พบกับทั้งหมีญี่ปุ่น หมีสีน้ำตาล และสายพันธุ์อื่นๆ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ได้สังเกตุพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และสามารถให้อาหารพวกมันได้อีกด้วย ด้านล่างเป็นร้านขายของฝากที่เกี่ยวกับหมีมากมาย และสามารถถ่ายรูปคู่อุ้มลูกหมีเป็นที่ระลึกได้
สนุกกับการให้อาหารหมี แต่ละตัวน่ารักและแสนรู้มากๆ
แวะทานมื้อกลางวันเป็นราเม็งขึ้นชื่อของเมืองที่ร้าน Itakura Ramen ณ จุดพักรถเส้นทางระหว่าง Takayama-Matsumoto / Takayama-Shinhotaka แต่เหมาะกับขับรถมาเองมากกว่า หรือถ้าจะโดยสารรถบัสมาก็ลงที่ป้าย Nyugawashisho-mae
ต่อจากนั้นเราเดินทางมากลับเข้า เมืองทะคะยะมะ (Takayama) เดินเที่ยวเมืองโบราณ ปิดท้ายการใช้พาส Alps WIDE Free Passport กันที่เมืองนี้
เริ่มกันที่ หมู่บ้านหมีเทดดี้ (Teddy Bear Eco Village) นำบ้านทรงกัชโช อายุกว่า 200 ปี มาปรับปรุงใหม่ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ด้านในใช้ดินแทนคอนกรีต และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งยังปลูกต้นไม้รอบๆ ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ รักษ์โลก หมีเทดดี้มีมานานแล้วกว่า 120 ปี จึงเป็นความตั้งใจของคนสร้างที่นำอาคารเก่าและหมีเก่ามาอยู่ด้วยกัน และเป็นสื่อถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่ ในแนวคิดเรื่องรักษ์โลก
ชั้นล่างจัดแสดงหมีเทดดี้แบ่งเป็นยุคต่างๆ ตั้งแต่ ยุค 20 จนถึงปัจจุบัน หมีในปัจจุบัน เริ่มมีความหมายมากขึ้น ไม่ใช่แค่ความน่ารักอย่างเดียว ใส่เรื่องราวลงไป ทำอะไรเพื่อสังคม เช่น หมีสึนามิในฮาวาย หมี 9/11 charity bear เป็นต้น โดยเฉพาะ Smokey Bear เป็นมาสคอตตัวแทนช่วยเตือนให้ทุกคนคอยระมัดระวังเรื่องไฟ ไม่ให้เกิดไฟป่า ตามอุทยาน ถนนต่างๆ และได้รับความนิยมในระดับเดียวกับมิกกี้เม้าส์ในอเมริกาเลย
ด้านในมี Bear’s Chapel โบสถ์หมี มีคู่รักเคยมาแต่งงานที่นี่จริงๆ 2 คู่แล้ว ด้านในมีหินที่มีความเชื่อว่าถ้าได้ลูบแล้วจะพบกับเนื้อคู่และได้แต่งงาน
นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก และคาเฟ่น่ารักๆให้ได้แวะนั่งจิบชาทานขนม ถ่ายรูปเล่นได้ด้วย
กิจกรรมต่อมา เราเดินทางมาที่ Hida Takayama Crafts Experience Center ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก เพื่อมาลองทำตุ๊กตานำโชค ซารุโบโบะ (Sarubobo) ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีในพื้นที่เขตฮิดะ ทำไมซารุโบโบะจึงต้องไร้หน้า? เพราะว่า เมื่อซารุโบโบะไม่มีหน้าตา จะทำให้ผู้ที่ครอบครองได้จินตนาการ ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์ ก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึกให้ผ่านมาทางสีหน้าของซารุโบโบะได้
ความหมายของซารุโบโบะแต่ละสี
#สีแดง เกี่ยวเรื่องคลอดบุตรปลอดภัยและมีครอบครัวแสนสุข
#สีเหลือง (ทอง) เกี่ยวกับเรื่องเงินทองและความมั่งคั่ง
#สีชมพู เกี่ยวกับความรักและการแต่งงาน
#สีเขียว เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพแข็งแรง
#สีน้ำเงิน เกี่ยวกับความสามารถ ทักษะ และการเรียน
ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ถือว่ากำลังเข้าสู่ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีในหลายจังหวัดของแถบภูมิภาคจูบุ และที่เมืองทะคะยะมะเองก็เช่นกัน ใบไม้กำลังสลับสีสันอย่างงดงามเลย แนะนำให้เดินทางมาชมที่ หมู่บ้านวัฒนธรรมฮิดะ (Hida no sato) รวบรวมบ้านโบราณทรงกัชโชทสุคุริ ทรงเดียวกับหมู่บ้านชิราคาวะโก เอาไว้กว่า 30 หลัง บนพื้นที่กว่า 99,000 ตร.ม. ให้ได้บรรยากาศย้อนยุคไปในสมัยก่อน
โดยอาคารแต่ละหลังจัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม รวมถึงผลงานฝีมือที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของชาวบ้านในยุคโบราณ
ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสำคัญแห่งหนึ่งของเมือง นอกจากจะได้ชมบ้านโบราณแล้ว ยังได้ดื่มด่ำกับความงามของใบไม้เปลี่ยนสีทั้งตอนกลางวัน และตอนกลางคืนที่จะมีการเปิดไฟประดับอย่างสวยงามอีกด้วย **สำหรับงานประดับไฟจะมีเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ เท่านั้น เวลา 17.30-21.00 น. ส่วนด้านในหมู่บ้านสามารถเข้าชมได้ทุกวันตามปกติ
รุ่งเช้าก่อนเดินทางกลับบ้านแวะเดินเล่นถ่ายรูปในตัวเมืองเก่าที่ ซันมะจิ-ซุจิ (Sanmachi-Suji) ย่านการค้าเก่าแก่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ ที่ยังรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนเก่า โดยบรรดาร้านค้าและอาคารต่างๆ ได้รับการอนุรักษ์สภาพของบ้านโบราณไว้ให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ร้านค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดทำการตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปถึงเวลาประมาณ 17.00 น.
สะพานแดงยามเช้า
ตลาดเช้ามิยาคาวะ (Miyakawa Morning Market)
ลากันไปด้วย ภาพบรรยากาศยามเช้าของเมืองทะคะยะมะ ช่างเงียบสงบและสวยงาม
เดินทางกลับ จากสถานี Takayama ขึ้นรถไฟ JR ขบวน Ltd.Exp. Wide View Hida วิ่งตรงไปยังสถานี Nagoya ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง