Jetstar Asia สายการบินต้นทุนต่ำภายใต้การดูแลของ Qantas สายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย ประกาศเส้นทางญี่ปุ่นแห่งใหม่ล่าสุด ลำดับที่ 3 คือ Fukuoka เมืองหลวงแห่งเกาะคิวชู (ปัจจุบันมีเส้นทางบินสู่ โตเกียว (นาริตะ) และ โอซาก้า) ซึ่งปกติ Jetstar Asia จะมีเบสอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ดังนั้นการเดินทางไปเมืองอื่นๆจะต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ก่อน แต่ครั้งนี้ Jetstar Asia พลิกเส้นทาง โดยเริ่มต้นจาก สิงคโปร์ แวะจอดรับ-ส่งที่กรุงเทพ ก่อนจะเดินทางต่อไปฟุกุโอกะ นั่นหมายความว่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว เที่ยวบินนี้คือเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ สู่ ฟุกุโอกะ นั่นเองครับ
หลังจากที่มีการเปิดตัวเส้นทางใหม่และโปรโมชั่นลดราคาถล่มทลาย ทำเอาหลายคนตั้งตัวกันไม่ทัน บ้างก้ยังไม่รู้ว่าฟุกุโอกะอยู่ตรงไหน บ้างก็ยังไม่รู้ว่าฟุกุโอกะมีอะไรให้เที่ยว บ้างก็รู้แล้วแต่อยากไปเที่ยวเมืองอื่นมากกว่า แต่ก็ต้องจอง ขอได้ให้ได้เหยียบญี่ปุ่นไว้ก่อน เพราะราคาถูกขนาดนี้ ไป-กลับไม่ถึงหมื่น หาไม่ได้ง่ายๆแน่ (บางคนได้มาในราคาแค่ 5-6 พัน นี่ตั๋วไปกลับภูเก็ตรึเปล่า) ที่นี้หลังจากจองไปแล้ว ก็เกิดคำถามขึ้นมามากมายว่า จะไปเที่ยวอะไร ไปยังไง และไปทางไหนต่อ ทำให้ ฟุกุโอกะ และ คิวชู กลายเป็นเมืองที่ถูกถามมากที่สุดในปีนี้ หรือจะเรียกได้ว่า พอๆกับเมืองดังอย่างโตเกียวและโอซาก้าเลยก็ว่าได้ (สถิติจากงานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองที่จัดในเดือนก.พ.และก.ค.ที่ผ่านมา)
ทางเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมเอง ก็ได้รวบรวมรีวิวสำหรับเส้นทางเที่ยวในฟุกุโอกะ และจากฟุกุโอกะไปเมืองอื่นๆที่น่าสนใจในเกาะคิวชูตอนเหนือ เอาไว้สำหรับเพื่อนๆที่อยากจะวางแผนไปเที่ยวเกาะคิวชู ถ้าได้ลองอ่านจะรู้ว่าเกาะนี้มีทุกอย่างอย่างที่เกาะใหญ่เค้ามีกัน ไปเที่ยวแล้วได้ครบทั้ง วัฒนธรรม ธรรมชาติ และความไฮเทค เรียกว่าครบทุกรสชาติความเป็นญี่ปุ่นแบบไม่แพ้ใคร ตามอ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
>>เที่ยวเกาะคิวชูจากฟุกุโอกะด้วยตัวเอง<<
หลังจากวางแผนเสร็จพอได้ไอเดียเที่ยวกันแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาออกเดินทาง การเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบินฟุกุโอกะ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงนิดๆ และสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองต่างๆของญี่ปุ่นได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะสายการบินเครือเดียวกันอย่าง Jetstar Japan มีให้บริการเที่ยวบินตรง ที่เวลาแสนจะลงตัว ไปได้ทั้ง โตเกียวและโอซาก้าอีกด้วย หรือถ้าใครจะทรหดบินยิงยาว (รวม 3 ตุ้บ) ต่อไปที่ซัปโปโรอีกก็สามารถทำได้ แต่จะเสียเวลาเดินทางไปทั้งวันเลยทีเดียว เพราะตอนนี้ Jetstar Japan ยังไม่มีเที่ยวบินตรงไปซัปโปโร ต้องเปลี่ยนเครื่องที่ โตเกียวหรือโอซาก้าก่อน
ข้อมูลเที่ยวบิน
3K509 BKK-FUK 2.15-9.30 ใช้เวลา 5.15 ชม.
3K510 FUK-BKK 10.30-14.15 ใช้เวลา 5.45 ชม.
…ว่าแล้วก็รีบไปเช็คอินกันเถอะ เวลาเครื่องออกคือ ตี 2.15 เพราะฉะนั้นเราควรไปเช็คอินก่อนอย่างน้อยสัก 1 ชม.ครึ่ง
เคาน์เตอร์ที่ใช้เช็คอินตอนกลางคืน (เอ้ะ..หรือเช้ามืด) จะเป็นคนละจุดกับที่เช็คอินไฟลท์ไปสิงคโปร์และเมลเบิร์น ระวังเดินสลับช่องนะครับ
บนโต้ะเช็คอิน มีข้อมูล Jetstar Japan เส้นทางบินต่อไปเมืองต่างๆของญี่ปุ่นด้วย
ตัวอย่างเที่ยวบินในประเทศของ Jetstar Japan (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
ข้อมูลนี้เป็นของปี 2013 ต้องตรวจสอบตารางเวลาบินล่าสุด ในระบบการจองอีกครั้งที่ Jetstar.com
ได้ Boarding Pass มาแล้ว แอบกระซิบถามเจ้าหน้าที่ว่าเครื่องเต็มมั้ย พอเค้าบอกว่าไม่เต็มเท่านั้นละ
ขอที่นั่งยาว 3 ที่นะครับพี่ อยากจะทิ้งตัวลงนอนมาก เลยได้แถวที่ 27 มา ของเราคนเดียว ^^
(มาเช็คอินทีหลังสุดด้วยละ เค้าเลยกล้าให้ เพราะไม่น่าจะมีผู้โดยสารคนอื่นมากันแล้ว เลยมั่นใจว่าว่างชัวร์ๆ)
จะว่าไปไฟลท์ที่ออกช่วงตี 2 ก็มีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
จริงๆช่วงเวลานี้คนจะน้อยมาก คิวเช็คอินไม่แน่นมาก แถมคนที่รอเข้าคิวตรง Security check และ ตม. ก็น้อยเหมือนกัน ใช้เวลารวมทั้งหมดแค่ 20 นาทีเองครับ เดินดูของเล็กน้อย แวะซื้อน้ำขวดขึ้นไปดื่มบนเครื่อง เพราะที่สนามบินขาย 30 บาท บนเครื่องขาย 75 บาท ก็อย่าลืมแวะซื้อกันก่อนนะครับ แล้วค่อยเดินมารอที่ Gate
เครื่องมาจอดรออยู่แล้ว Fleet ของ Jetstar Asia จะใช้ Airbus A320 เท่านั้นครับ
มี 180 ที่นั่ง 30 แถว แบ่งที่นั่งเป็น 3-3 (ABC-DEF) มีทางเดินเดียว ห้องน้ำมีหัวเครื่อง 1 และท้ายเครื่อง 2
ซูมให้เห็นทีนั่งแต่ละมุม
ช่องใส่ของด้านหน้า ใส่อะไรไม่ได้มาก เต็มที่ก็แค่หนังสือ นิตรสาร ส่วนของชิ้นเล็กอย่างมือถือ ไอพอด ใส่ลงไปอาจจะร่วงได้ครับ เพราะด้านล่างถ้าเปิดโต้ะออก ก็จะมีรูอยู่ ส่วนขวดน้ำอย่าพยายามยัดเลยครับ ให้ถือเอาไว้ก่อนตอนเครื่อง Take-off
ที่นั่งปรับเอนได้เล็กน้อย พื้นที่ด้านหน้า สำหรับวางขวา ก็ไม่ได้กว้างขวางขนาดยืดขาได้เต็มที่
เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดจะนอนหลังตรงและเหยียดขา ต้องเตรียมตัวเมีื่อยไปด้วยนะครับ
สำหรับเอกสารที่สอดอยู่ในช่องด้านหน้า จะมี Safety Card, Jetstar Magazine, JETSHOP Catalog
หลังจากเครื่อง Take-off สัญญาณรัดเข็มขัดดับปุ๊บ ผมทิ้งตัวนอนยาวทันที และก็หลับยาว จนถึงตอนเครื่องกำลังจะลดระดับลงแล้ว แต่ระหว่างที่นอนนี่ ขนาดปิดตา ใส่ที่อุดหูแล้วก็ยังหลับไม่ได้สนิทมาก เพราะเครื่องสั่นตลอดทาง มีหลายจุดที่ต้องลุกขึ้นมารัดเข็มขัด เพราะว่ามีมรสุมกำลังจะวิ่งผ่านเข้ามานั่นเอง (หลังจากที่ไปถึงแล้วก็มีมรสุมเข้าเกาะคิวชูจริงๆ ที่มีข่าวออกมาช่วงต้นเดือนก.ค.รุนแรงถึงขนาดทำสะพานพัง)
เลยไม่ได้ถ่ายรูปตอนที่ลูกเรือเข็นคาร์ททำเซอร์วิส ขอโทษด้วยนะครับ เพราะต้องเก็บแรงเอาไว้ลุยเที่ยว แต่ไฟลท์ดึกผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็นอน ไม่ค่อยมีใครซื้ออะไรอยู่แล้ว (ก็มันตี 2-3 แล้วใครจะมากินตอนนี้) ทุกอย่างบนเครื่องต้องซื้อทั้งหมด สามารถซื้อเป็นเงินบาทได้ แต่อัตราแลกเปลี่ยนจะแพง เพราะฉะนั้นใช้บัตรเครดิตแล้วให้เค้าชาร์จเป็นสิงคโปร์ดอลล่าร์จะคุ้มกว่า
ระหว่างเครื่องลดระดับ ท้องฟ้าแจ่มใส มองเห็นเกาะน้อยใหญ่ ที่อยู่ทางใต้ของคิวชู
ทำให้เห็นชัดว่าญี่ปุ่นมีเกาะเยอะมากจริงๆ (แต่ก็ยังตีกับเพื่อนบ้านเพื่อแย่งเกาะกันอยู่)
ใกล้จะแลนดิ้งแล้วครับ ไม่เคยเห็นสนามบินในญี่ปุ่นที่ไหนที่อยู่ใกล้เมืองขนาดนี้
แลนดิ้งสวยงาม ถึงสนามบินฟุกุโอกะโดยสวัสดิภาพ ตรงเวลาเป้ะ (จริงๆถึงก่อนเวลาเล็กน้อย)
พอจอดเทียบเข้าเกทปุ้บ เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นก็ขับรถมารอ รีบนำสัมภาระออกจากเครื่องทันที ทำงานกันไวมาก สุโก้ย~
เป็นธรรมดาของสายการบินต้นทุนต่ำ ที่จะจอด Gate ที่ไกลสุด
และไม่มีงวงช้างหรือ Aerobridge มาให้เดินเข้าอาคาร (นานๆจะเห็นที)
แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นข้อดีอีกอย่างที่เราก็แค่เดินลงบันได หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสสบายๆ ไปถึงทางเข้าอาคารเลย
แอบแชะภาพเครื่องบินสักหน่อย ที่พาเรามาถึงฟุกุโอกะโดยสวัสดิภาพ
ยินดีต้อนรับสู่ฟุกุโอกะ
หลังจากผ่านตม. ที่นี่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ถามแค่ว่า มาทำอะไร มากี่วัน แล้วจะไปที่ไหนต่อ แค่นี้เองครับ ก็ได้สติ้กเกอร์สำหรับอยู่ในญี่ปุ่นระยะสั้น 15 วัน มาแล้ว ต่อจากนั้นก็เข็นสัมภาระออกมาด้านหน้า เพื่อที่จะนั่ง Shuttle Bus ต่อไป Domestic Terminal
มีร้านขายขนม ของฝากด้วย
ออกจากประตูมา ให้หาป้ายรถบัส “เบอร์ 1” Shuttle Bus ไป Domestic Terminal สำหรับคนที่จะเดินทางเข้าเมืองโดยใช้รถไฟใต้ดิน ไปที่สถานี Hakata ต้องมาขึ้นรถบัสที่นี่ครับ เพราะว่าสถานีจะอยู่ชั้นใต้ดินของ Domestic Terminal ส่วนคนที่จะต่อไฟลท์ภายในประเทศไปเมืองอื่นของญี่ปุ่น็ต้องมาขึ้นรถบัสที่นี่เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีรถบัสที่ให้บริการวิ่งตรงเข้าเมืองไปสถานี Hakata และ Tenjin เลยด้วย หรือจะข้ามเมืองไป Nagasaki, Beppu, Kumamoto ก็มี สอบถามราคาและเวลาได้ที่เคาเตอร์ขายตั๋วด้านหน้าครับ
รถ Shuttle Bus มาแล้ว รถมีทุกๆ 5-10 นาที ถ้าพลาดคันแรกไปก็ไม่ต้องตกใจ เพราะคันต่อไปมาไวจริงๆ
ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็มาถึง Domestic Terminal เป็นที่เรียบร้อย สำหรับใครที่จะเดินทางเข้าเมืองต่อ ให้ตามป้าย Subway ไปได้เลยครับ ลงไปที่ชั้นใต้ดิน กดซื้อตั๋วไปลงสถานี Hakata/Gion/Tenjin ตามสะดวก สาย Airport Line ค่ารถไฟ 260 เยน ใช้เวลา 6-12 นาที
โฉมหน้ารถ Shuttle Bus สีฟ้า
สำหรับใครที่ต้องต่อเครื่อง ไปเมืองอื่นๆ ตามมาทางนี้เลยครับ
วันนี้ผมมีธุระต่อ เลยไม่ได้แวะเที่ยวที่ฟุกุโอกะทันที ต้องขึ้นเครื่อง Jetstar Japan ต่อไปที่สนามบินคันไซครับ เคาเตอร์เช็คอินจะอยู่ชั้นล่าง ด้านในสุด สามารถเช็คอินที่เครื่องอัตโนมัติได้ มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และค่อยเอากระเป๋าไป drop อีกที สำหรับใครที่สะสม Boarding Pass แนะนำให้เช็คอินวิธีนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าไปเช็คอินที่เคาเตอร์จะได้เป็นใบสีขาวๆเหมือนใบเสร็จออกมาครับ
หลังจากเช็คอินเสร็จแล้ว ให้ขึ้นไปที่ชั้นสอง ทางขึ้นไป Departure Lobby จะอยู่ในหลืบแบบนี้
ต้องผ่าน Security check อีกรอบ เจ้าหน้าที่จะห้ามไม่ให้ขนกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปครับ เอาเข้าไปได้เฉพาะใบที่พกติดตัว
จุดขายของฝากก่อนเข้าไปด้านใน เน้นของสดเป็นหลัก มีแต่ของขึ้นชื่อของฟุกุโอกะทั้งนั้น
แต่ถ้ายังพอมีเวลา ไม่ต้องรีบเข้าไปก็ได้ครับ เพราะด้านนอกจะมีร้านอาหาร และจุดนั่งพัก มี Free Wi-Fi ให้เล่นด้วย
จุดนั่งพัก พร้อม Wi-Fi spot และที่เสียบชาร์จแบตเตอรี่
เดินมองหาของอร่อยอยู่นาน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี สุดท้ายก็มาตกลงปลงใจที่ร้านด้านสุดท้ายในสุด ร้านชื่อ Hachiya ขายอุด้งแท้ต้นตำรับของฮากาตะ (ฮากาตะคือชื่อเดิมของฟุกุโอกะ) แถมเมนูนำเสนอก็ราคาถูกได้ใจ ชามละ 500 เยนเท่านั้น เลยขอลองเข้าไปชิมซะหน่อย ปรากฎว่าหน้าตาเรียบง่ายแต่อร่อยมาก เอามาแนะนำสำหรับคนที่ชอบทานอุด้งครับ
หลังจากอิ่มท้อง ก็เข้ามาด้านใน เคาเตอร์ยังไม่เปิด
เดินเล่นดูของฝากรอไปก่อนได้
ตอนนี้เดินผ่านเข้ามาแล้วครับ มีการ์ดบอกว่าเราต้องไปที่ประตูหมายเลข 13 ป้องกันการเดินหลง เนื่องจากเราจะเดินผ่านหลายประตูมาก
เครื่องของ Jetstar Japan จอดรออยู่แล้วครับ
ภายในเหมือนของ Jetstar Asia แทบทุกอย่าง ยกเว้นป้ายต่างๆจะมีภาษาญี่ปุ่นกำกับ
เมนูก็เป็นภาษาญี่ปุ่น
Jetstar Magazine ก็เป็นภาษาญี่ปุ่น
สินค้าของ Jetstar Japan น่าซื้อมากๆ มีมาสคอต Jet-Inu ขายด้วย
เพิ่งมาถึง Fukuoka Airport ได้แป้บเดียวก็ต้องบอกลาซะแล้ว แต่ว่าเดี๋ยวกลับมาเที่ยวอีกทีตอนขากลับ
มุ่งหน้าสู่สนามบินคันไซ
ถึงสนามบินคันไซโดยสวัสดิภาพ
สำหรับใครที่ต้องต่อเครื่องไปซัปโปโรต่อ ให้รีบเอากระเป๋าและออกไปเช็คอิน ถึงค่อยกลับเข้ามาอีกครั้งนะครับ เพราะว่าถามเจ้าหน้าที่ที่ฟุกุโอกะแล้ว เค้าไม่สามารถเช็คทรูให้เราได้ ดังนั้นต้องเผื่อเวลาเอาไว้สำหรับเช็คอินอีกรอบด้วย ไม่อย่างนั้นเคาเตอร์เช็คอินปิด ตกไฟลท์แน่นอน
และแล้ว รีวิวเที่ยวบินตรงของ Jetstar Asia ไปฟุกุโอกะ ก็จบลงแล้วครับ โดยรวมถือว่า สะดวกสบายพอสมควร แถมดีตรงที่มี Jetstar Japan เอาไว้ต่อเครื่องไปเมืองต่างๆได้ด้วย เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางแบบประหยัด คุ้มค่ามากครับ 🙂
เทียวญีปุ่่นดอทคอมเคยรีวิวตอนนั่ง Jetstar Japan จากโตเกียวไปโอซาก้าแล้ว เมื่อตอนเดือนเมษาที่ผ่านมา เข้าไปอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ >>นั่ง Jetstar Japan จาก Tokyo ไป Osaka<<