การเดินทางไปฮอกไกโดครั้งแรกหลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศ ตรงกับช่วงที่สวยที่สุดนั่นก็คือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเอง ปกติแล้วเราจะจำภาพเมืองหิมะขาวของฮอกไกโดกันได้ ด้วยความที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นธรรมชาติ ทำให้ทิวทัศน์ของใบไม้ที่ทยอยเปลี่ยนสีของฮอกไกโด งดงามไม่แพ้ภูมิภาคอื่นๆของญี่ปุ่นเลย อีกทั้งใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ยังไม่ได้เน้นไปทางเมเปิ้ลแดงส้ม จึงทำให้บรรยากาศของที่นี่คล้ายยุโรปอยู่มากทีเดียว
ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 6 วัน เริ่มต้นจากสนามบิน เช่ารถขับตระเวนเก็บเมืองระหว่างทางไปเรื่อยๆ สำหรับรีวิวตอนที่สองนี้ เราจะแวะกันที่เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) และเมืองนานาเอะ (Nanae) ที่เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติโอนุมะนั่นเอง ตามไปชมกันเลย
อ่านรีวิวตอนแรก >> Hokkaido: ใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด ตอน 1 : Upopoy – Mount Usu – Lake Toya – Yakumo
ตลาดเช้าอะซะอิจิ (Hakodate Morning Market Asaichi)
ที่นี่ถือได้ว่าเป็นตลาดเช้าแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฮาโกดาเตะ มีร้านค้ากว่า 250 ร้านค้า เดินมาได้จากสถานี Hakodate ที่นี่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากทะเล ไม่ว่าจะเป็นแซลมอน หอยเชลล์ หรือปลาหมึกสดๆ สามารถมาเลือกซื้ออาหารสดแล้วให้ทางร้านปรุงพร้อมรอกินได้ทันที นอกจากนี้ยังมีร้านข้าวดงบุริ อาหารทะเลโปะข้าวให้เลือกแบบละลานตาที่ Donburi Yokocho Ichiba อีกด้วย
กิจกรรมตกหมึก ทานซาชิมิสดๆ ที่ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ ถ้าได้มาถึงเมืองฮาโกดาเตะ สวรรค์ของคนรักซีฟู้ด ที่มีอาหารทะเลสดๆให้เลือกทานกันมากมาย อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด สำหรับ Ika-tsuri หรือการตกปลาหมึกแบบสดๆ ที่ตลาดเช้า มีคนมาต่อคิวรอกันยาวเหยียด
- เวลาทำการ: 5.00-15.00 น. (แตกต่างกันไปแต่ละร้านค้า)
- การเดินทาง: จากสถานี Hakodate เดิน 1 นาที
- เว็บไซต์
หอคอยโกเรียวคะคุ (Goryokaku Tower)
หอคอยรูปห้าเหลี่ยมที่มีความสูง 107 เมตร สร้างขึ้นในปีค.ศ. 2006 สามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามของป้อมปราการดาวห้าแฉก Fort Goryokakuและเมืองฮาโกดาเตะได้แบบ 360 องศา
โดยป้อมปราการดาวห้าแฉกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปีสุดท้ายของยุคสมัยเอโดะ เพื่อป้องกันเมืองฮาโกดาเตะแห่งนี้จากการคุกคามของเหล่าพวกจักรวรรดิตะวันตก และจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นฐานที่ของสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพผู้สำเร็จราชการและกองกำลังของรัฐบาลในยุคสมัยเมจิที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ และในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นสวนสาธารณะของเมืองฮาโกดาเตะ และถือเป็นจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง
- เวลาทำการ: 8.00-19.00 น. (21 ตุลาคม – 20 เมษายน 9.00-18.00 น.)
- ค่าเข้าชม: 900 เยน
- การเดินทาง: จากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางสาย 2 หรือ 5 ที่มุ่งหน้าไปทาง Yunokawa ลงที่ป้าย Goryokaku koenmae และเดินต่อราว 15 นาที (มีป้ายบอกทาง)
- เว็บไซต์
สวนสาธารณะโคเซ็ตสึเอ็น (Kosetsuen Garden)
สวนสาธารณะแห่งนี้มีอีกชื่อเรียกว่า มิฮาราชิ (Miharashi) เป็นสวนเก่าแก่ของครอบครัวอิวะฟุเนะ และเป็นสวนแห่งเดียวในฮอกไกโดที่รัฐบาลประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสวนสาธารณะแห่งนี้ สวนสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งประกอบด้วยอาคารโบราณสไตล์ญี่ปุ่น ไม้ประดับ และ ต้นเมเปิ้ลทั่วทั้งสวน
โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน จะมีการจัดอีเวนต์ Hakodate MOMI-G Festa งานไลต์อัพท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีภายในสวน เปิดไฟประดับจนถึงเวลา 21.00 น. เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพสวยๆ ตลอดการจัดงาน และมีกิจกรรมงานฝีมือให้ลองทำ เช่น การทำหรีดพวงองุ่นและเครื่องปรับดับจากลูกสน
- เวลาทำการ: ช่วงไลท์อัพ 16.00-21.00 น. (ทุกวันตลอดช่วงเวลาจัดงาน)
- ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
- การเดินทาง: จากสถานี JR Hakodate นั่งรถบัสฮาโกดาเตะสาย 82 (ปลายทาง Takizawa-cho Senkaijo) ลงป้าย Kosetsuen ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
- เว็บไซต์
จุดชมวิวบนภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate View Point)
สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฮาโกดาเตะคือการขึ้นโรปเวย์ไปชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนจากจุดชมวิวมุมกว้างบนภูเขาฮาโกดาเตะ ที่โอบล้อมด้วยทะเลและภูเขา การันตีความสวยงามด้วยคะแนนระดับสามดาวซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากคู่มือนำเที่ยวญี่ปุ่นมิชลินกรีนไกด์
ภูเขาฮาโกดาเตะนั้นอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง และต้องขึ้นโรปเวย์ไปยังสถานีบนยอดเขาภายในเวลาเพียง 3 นาที ระหว่างที่อยู่ในโรปเวย์ ก็จะเห็นวิวที่ค่อยๆสวยขึ้นเรื่อยๆจากหน้าต่างกระเช้าด้วย ความงามของทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนภูเขาฮาโกดาเตะโดดเด่นจากแสงระยิบระยับจากไฟในเมือง และบรรยากาศรอบๆเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ทำให้มาที่นี่กี่ครั้งก็จะได้ความประทับใจที่ต่างกันออกไป
แวะซื้อของที่ระลึกกันที่ Shop ด้านล่างได้ ของเยอะมากๆ โดยเฉพาะน้อง Shimaenaga
- เวลาทำการ: 10.00-22.00 น. (16 ตุลาคม – 24 เมษายน 10.00-21.00 น.)
- ค่าใช้จ่าย: ค่าโรปเวย์ ไปกลับ ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 700 เยน / เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน
- การเดินทาง: จากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางลงป้าย Jujigai ใช้เวลา 5 นาที และเดินต่อ 10 นาทีไปยังสถานีโรปเวย์
- เว็บไซต์
โรงแรม Yunokawa Onsen Umi to Akari Hewitt Resort
เมืองน้ำพุร้อนยูโนคาวะ (Yunokawa Onsen) เป็นหนึ่งในสามรีสอร์ตน้ำพุร้อนที่ดังที่สุดของฮอกไกโด และที่พักของเราในค่ำคืนนี้ สามารถสัมผัสบรรยากาศในอดีตของยูโนคาวะได้ บนชั้นดาดฟ้าสามารถมองเห็นมหาสมุทรและช่องแคบทสุการุจากบ่อออนเซ็น พร้อมทั้งดื่มด่ำแสงจันทร์ไปพร้อมกับสาเกท้องถิ่นได้ด้วย
นอกจากห้องพักที่มองเห็นวิวมหาสมุทรแล้ว ยังมีห้องพักที่สามารถชมเครื่องบินไปพร้อมกับความสวยงามของฤดูกาลทั้งสี่ได้ สำหรับประเภทของห้องพักมีให้เลือกหลาหลาย อาทิ ห้อง Standard, Superior, Family และ Suite
ห้องที่เข้าพักในครั้งนี้ กว้างขวางโอ่อ่า ไฟในห้องสวยมาก
จุดเด่นของที่นี่คือบุฟเฟ่ต์ดินเนอร์ที่ห้องอาหาร Tsukifune ที่มีเมนูที่ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นทางตอนใต้ของฮอกไกโดมากถึง 150 ชนิดที่เรียกได้ว่าเยอะและใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด แน่นอนว่า ต้องมีอาหารทะเลที่ทั้งสดและอร่อยที่มาคัดเลือกคุณภาพชั้นดีมาจากท่าเรือในแต่ละวัน
ห้องอาหาร Kumonami แบบส่วนตัว
บ่อออนเซ็นที่ชั้น 12 มีทั้งแบบรวมและแบบส่วนตัว สำหรับห้อง Amaumi จะมีบ่ออินฟินิตี้ที่รับกับวิวของมหาสมุทรตรงเบื้องหน้าและบ่อที่มีเสื่อทาทามิอยู่รอบๆ หาได้ยากในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีบริการ Tsukimi-sake ที่ให้แขกสั่งสาเกท้องถิ่นจากเคาเตอร์ด้านหน้า เข้ามาดื่มด้านใน ชมจันทร์พร้อมแช่ออนเซ็นไปด้วยก็ได้
ส่วนใครอยากใช้ห้องอออนเซ็นส่วนตัวก็มี 2 ห้องให้บริการคือ tsukinoyu & hoshinoyu สำหรับวิวทางฝั่งนี้จะเป็นวิวตัวเมืองที่ชมเครื่องบินได้
- ราคาห้องพัก: เริ่มต้น 14,000 เยน ต่อคน รวมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น
- การเดินทาง: จากสถานี Hakodate ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 3 ลงที่ป้าย Hakodate Tropical Botanical Garden ใช้เวลา 15 นาทีเดินต่อ 1 นาที หรือขึ้นรถชัตเติ้ลบัสของโรงแรม
- เว็บไซต์
อุทยานแห่งชาติโอนุมะ (Onuma Quasi-National Park)
อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากฮาโกดาเตะ มีภูมิทัศน์โดดเด่นที่ประกอบไปด้วยภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอย่าง ภูเขาโคมากาทาเกะ ทะเลสาบ และเกาะต่างๆ ถ้าหากมาที่นี่จะได้เดินเล่นผ่อนคลายในธรรมชาติ ปีนเขา ขี่จักรยาน พายเรือแคนู หรือในฤดูหนาวสามารถเล่นสกี เดินป่าบนหิมะได้
ครั้งนี้เราเดินทางมาตรงช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี คือตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เชิงเขาโคมากาทาเกะถูกย้อมเป็นสีแดงสดจากต้นเมเปิลภูเขา และต้นบีช มีสีสันสวยงามตลอดทาง
เดินชมสวนเสร็จแล้วก็ไปนั่งเรือล่องออกไปทะเลสาบกัน ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
- ค่าใช้จ่าย: ล่องเรือ ผู้ใหญ่ 1,320 เยน / 660 เยน
- การเดินทาง: จากสถานี Hakodate ขึ้นรถไฟขบวน Ltd. Exp. Hokuto/Super Hokuto train ลงสถานี Onuma Koen ใช้เวลา 30 นาที (หรือจากสถานี Shin-Hakodate Hokuto ใช้เวลา 10 นาที)
- เว็บไซต์
Table De Rivage
ชื่อร้านเป็นภาษาฝรั่งเศสมีความหมายว่า “โต๊ะอาหารริมทะเลสาบ” เปิดให้บริการตั้งแต่ปีค.ศ.2001 ที่ริมฝั่งอันเงียบสงบของทะเลสาบโอนุมะ จากระเบียงที่ยื่นออกไปนอกประตู ได้ดื่มดำวิวภูเขาโคมากาทาเกะและธรรมชาติอย่างเรียบง่ายแบบไม่ต้องเร่งรีบ
ในช่วงมื้อกลางวันมีเมนูยอดนิยมคือ “สตูว์เนื้อโอนุมะ” โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นเนื้อติดมันนุ่มอร่อย ถ้าใครไม่ทานเนื้อวัวก็มีเมนูอื่นๆอย่าง หมูผัดขิงโมริมาจิฮิโคมะ, ชุดมื้อกลางวันสไตล์นโปลิตัน ส่วนเมนูที่เราลองในวันนี้คือ สปาเกตตี้ซอสครีมเนื้อปูที่รสชาติเข้มข้น หอม อร่อยมากๆ
ขนมหวานที่แนะนำคือพายแอปเปิ้ล (ที่เมืองนานาเอะเป็นสถานที่แห่งแรกที่ปลูกแอปเปิ้ลฝรั่งของญี่ปุ่น)
- เวลาทำการ: 11.00-15.00 น. (วันหยุดตรวจสอบทางเว็บไซต์)
- เว็บไซต์
อ่านรีวิวตอนแรก >> Hokkaido: ใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด ตอน 1 : Upopoy – Mount Usu – Lake Toya – Yakumo