เพื่อนๆ หลายคนคงจะคุ้นเคยกับ จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นประตูสู่ภูมิภาคคิวชู มีความแตกต่างจากเมืองใหญ่ทั่วๆ ไปตรงที่มีทั้งความเจริญ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ พร้อมกับส่วนที่เป็นธรรมชาติน่าค้นหา เป็นส่วนผสมลงตัวที่ทำให้ฟุกุโอกะเป็นอีกจังหวัดที่มาเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
ครั้งนี้เราเลือกบินตรงมาลงที่สนามบินฟุกุโอกะ โดยวางแผนเที่ยวทั่วเมืองฟุกุโอกะเป็นเวลา 2 วันครึ่ง และได้รวบรวมสถานที่ที่น่าสนใจของเมืองฟุกุโอกะ ในแบบที่คุณก็ยังไม่รู้จักกับ 10 สถานที่จุดเช็คอินมาแนะนำกัน
- ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower)
- ฮิคาริโนะมาจิ สถานีรถไฟฮากาตะ (Hikarinomachi JR Hakata Station)
- จุดถ่ายรูปชายฝั่งฟุตามิกะอุระ (Futamigaura Photospot)
- ร้านอาหารซะอุโอะ ฮนเท็น (Zauo Honten)
- ร้านเช่าชุดกิโมโน โอโฮริเทอเรส (Ohori Terrace)
- วัดโทโชจิ (Tochoji Temple)
- ร้านโคมไฟคะโดตะ (Kadota Chouchin)
- ย่านยะไต ฮากาตะ (Yatai Hakata)
- วัดโชกงจิ (Shogonji Temple)
- ร้านชิกะโนะชิมะด็อก (Shikanoshimadog)
สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport)
ท่าอากาศยานนานาชาติฟุกุโอกะแบ่งเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ 2 อาคารนี้สามารถเดินทางถึงกันด้วยรถชัทเทิลบัส (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น สถานที่ตั้งของสนามบินฟุกุโอกะนี้นับว่าเป็นจุดเด่น เพราะสนามบินนี้อยู่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งต่างจากสนามบินทั่วไปที่มักจะอยู่ชานเมือง ดังนั้นสามารถเดินทางเข้าเมืองโดยใช้รถไฟใต้ดิน Fukuoka City Subway ไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองฟุกุโอกะ และใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาทีเพื่อไปยังสถานี Hakata ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักที่ใช้เดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาคคิวชู
เวลาทำการ: 5:30- 22:30 น.
การเดินทาง: จากอาคารผู้โดยสารภายในประเทศชั้นใต้ดิน (B1) โดยสารรถไฟใต้ดินไปยังสถานีต่างๆ ในเมืองฟุกุโอกะ
– มีรถบัสให้บริการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองฟุกุโอกะและเมืองต่างๆ ในภูมิภาคคิวชู โดยสามารถขึ้นรถบัสได้ที่ชั้น 1 ของทั้งอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
– มีรถแท็กซี่ให้บริการตลอดเวลา บริเวณชั้น 1 หน้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
เว็บไซต์
ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower)
เมื่อมาถึงเมืองฟุกุโอกะ จุดเช็คอินแรกที่ไม่ควรพลาดคือฟุกุโอกะทาวเวอร์ เพราะเราสามารถมองเห็นวิวเมืองนี้ได้ 360 องศา ด้วยความสูงถึง 234 เมตร ซึ่งเป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับ 3 และเป็นอันดับ 1 ที่อยู่ริมทะเลในประเทศญี่ปุ่นด้วย ช่วงกลางคืนจะมีอิลลูมิเนชั่นเปลี่ยนไปตามเทศกาลต่างๆ ที่นี่พึ่งปรับโฉมใหม่ ทำให้นอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังมีลูกเล่นต่างๆ ที่น่าสนใจ
โดยลิฟท์จะนำเราขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของจุดชมวิวบนชั้น 3 ซึ่งมีความสูง 123 เมตร ในชั้นนี้สามารถเดินชมวิวได้ทั้งวิวเมืองและวิวทะเล อีกทั้งมี VR (Vitual Reality) ให้เราส่องเกาะรอบๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ไปสถานที่เหล่านั้นจริงๆ สำหรับชั้น 2 เป็นโซนคาเฟ่ให้เรานั่งรับประทาน อาหารขนมหวานไปพร้อมกับชมวิวสวยงาม จากนั้นลงมาชั้น 1 จะมีซุ้มหัวใจพร้อมคล้องกุญแจ พินบอลทำนายดวง และกาชาปองอันใหญ่มหึมา หากมาเยือนรับรองว่าทุกคนจะได้รูปถูกใจพร้อมกับประสบการณ์สนุกๆ กลับไปแน่นอน
เวลาทำการ: ทุกวัน 9.30-22.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 500 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Nishijin เดินประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์
ฮิคาริโนะมาจิ สถานีรถไฟฮากาตะ (Hikarinomachi JR Hakata Station)
หากมาเที่ยวเมืองฟุกุโอกะช่วงปลายปี จะมีงานประดับไฟอิลลูมิเนชั่น บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟเจอาร์ฮากาตะให้เดินชมเพลินๆ การจัดแสดงไฟที่นี่มีความอลังการเพราะใช้ไฟเกือบ 800,000 ดวง โดยในปีนี้จัดเป็นปีที่ 11 แล้ว เพลิดเพลินกับบรรยากาศของผู้คนที่ออกมาเดินชมแสงไฟกันคึกคัก อีกทั้งยังมีการออกร้านจำหน่ายโคมเทียน เครื่องดื่ม อาหาร และของตกแต่งบ้านช่วงเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย
ระยะเวลาการจัดงาน: ต้นเดือนพ.ย. ถึง ต้นเดือนม.ค. เวลา 17.00-24.00 น. (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง: ด้านหน้าสถานี Hakata
เว็บไซต์
จุดถ่ายรูปชายฝั่งฟุตามิกะอุระ (Futamigaura Photospot)
เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนฟุกุโอกะ ทำให้เกิดโปรเจ็คสถานที่ถ่ายรูปริมชายฝั่งทะเลฟุตามิโนะอุระ (Futaminoura) ขึ้นมา โดยมีจุดถ่ายรูป 3 จุดเด่นๆ ได้แก่ Jihangun แหล่งรวมตู้กดน้ำ ประตูวิเศษของโดราเอม่อน และชิงช้าขนาดสูง Tenshi no Hane ลายเพ้นท์รูปปีกนางฟ้าบนกำแพง Yashinoki Buranko ชิงช้าต้นปาล์มคู่ พร้อมกับรูปปั้นปลาฉลาม
เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชม.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย / หากเดินทางโดยรถยนต์ อาจมีค่าที่จอดรถ
การเดินทาง: จากสถานี Kyudai-gakkentoshi ขึ้นรถบัส จากนั้นลงตามแต่ละจุด / Yashinoki Buranko ลงที่ป้าย Zauo Honten-mae เดิน 1 นาที / Jihangun: ลงที่ป้าย Nishinoura เดิน 5 นาที / Angel Wing ลงที่ป้าย Palm Beach เดิน 5 นาที
ร้านอาหารซะอุโอะ ฮนเท็น (Zauo Honten)
นอกจากราเม็งที่ขึ้นชื่อของฟุกุโอกะแล้ว ยังมีเมนูไทฉะซึเคะ (Taichazuke) หรือ ข้าวปลากระพงแดงญี่ปุ่นราดน้ำซุป ที่ต้องลิ้มลองเมื่อมาเยือนฟุกุโอกะ ปลาไทแล่เป็นชิ้นพอดีคำดองอยู่ในซอสที่เป็นสูตรลับเฉพาะของแต่ละร้าน ส่วนวิธีรับประทานเราสามารถทำได้ 3 วิธี คือ ทานแบบซาชิมิ หรือนำเนื้อปลากระพงแดงมาทานพร้อมข้าว หรือทานแบบโอฉะซึเคะ คือนำเนื้อปลามาวางบนข้าว ใส่เครื่องเคียง และ ราดน้ำซุปสต็อกปลาร้อนๆ ลงไป
รสชาติของเมนูนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสูตรน้ำซอส เครื่องเคียงที่เสิร์ฟ และน้ำซุป ประจวบกับที่ร้านอาหารซะอุโอะ ฮนเท็น ตั้งอยู่ริมทะเลทำให้เพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว และเมนูไทฉะซึเคะนี้เราสามารถพบได้ทั่วไปเมื่อมาเยือนที่จังหวัดฟุกุโอกะแม้ในภัตตาคารหรูหราก็ตาม
เวลาทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน 11.30-22.00 น.
การเดินทาง: จากสถานี Kyudai-gakkentoshi ขึ้นรถบัสลงที่ป้าย Zauo Honten-mae เดิน 1 นาที
เว็บไซต์
ร้านเช่าชุดกิโมโน โอโฮริเทอเรส (Ohori Terrace)
สำหรับใครที่อยากมีประสบการณ์สวมชุดกิโมโนแบบคนญี่ปุ่น ที่ร้านกิโมโน Yamato Tsunagari Gallery แห่งนี้ มีคอนเซ็ปท์ว่าอยากให้คนญี่ปุ่นได้สวมชุดกิโมโนในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลสำคัญๆ จึงทำการปรับเนื้อผ้า ลวดลายให้มีความทันสมัยและน่าสวมใส่ อีกทั้งกิโมโนสำหรับสุภาพสตรีมีการออกแบบร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น ส่วนกิโมโนของสุภาพบุรุษ นั้นก็มีการร่วมมือกับแบรนด์ Snow peak แบรนด์ที่จำหน่ายสินค้า Outdoor Lifestyles ชื่อดังของญี่ปุ่น
โดยปกติร้านกิโมโนแห่งนี้จะจำหน่ายอย่างเดียว ยกเว้นสาขานี้เป็นร้านเช่าแห่งแรก ตั้งอยู่ในอาคารโอโฮริเทอเรส ภายในสวนโอโฮริกลางเมืองฟุกุโอกะ ค่าเช่าชุดอยู่ที่ 3 ชั่วโมง ราคา 3,000 เยน จะได้ถุงเท้าทาบิเป็นที่ระลึก เมื่อแต่งเสร็จแล้วสามารถไปถ่ายรูปที่ไหนก็ได้
เวลาทำการ: วันอังคาร-วันอาทิตย์ 9.00-18.30 น., หยุดทุกวันจันทร์
การเดินทาง: จากสถานี Ropponmatsu เดินประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
วัดโทโชจิ (Tochoji Temple)
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 806 โดยพระสงฆ์โคโบ ไดชิ (Kobo-Daishi) นิกายชินกอน (Shingon) คนพื้นที่ส่วนใหญ่จะรู้จักวัดนี้ในนามว่า นันกาคุซัน (Nangakuzan) สิ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยือนวัดนี้ คือ เจดีย์สีแดงที่มีความสูง 5 ชั้น หอไม้โบราณทรงหกเหลี่ยม เมื่อขึ้นไปด้านบนจะพบกับพระพุทธรูปนั่งแกะสลักจากไม้ มีความสูง 10.8 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 30 ตัน นับว่าเป็นพระพุทธรูปไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากนี้เราสามารถเดินลอดบริเวณฐานของพระพุทธรูปนี้ ที่มีการจัดแสดงภาพวาดขุมนรก และมีจุดที่มืดสนิท ซึ่งถูกออกแบบมาให้เราได้เดินคิดทบทวนถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเริ่มต้นสิ่งดีๆ อันเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลังจากที่มาเยือนยังวัดแห่งนี้
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 9.00-16.45 น.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย / ค่าชมพระพุทธรูปไม้ 50 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Hakata เดินประมาณ 10 นาที
ร้านโคมไฟคะโดตะ (Kadota Chouchin)
ร้าน Kadota Chouchin เป็นร้านทำโคมไฟกระดาษ ที่เริ่มดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปีเมจิที่ 28 ปัจจุบันร้านโคมไฟประเภทนี้ค่อนข้างหายาก เพราะต้องใช้ช่างฝีมือในการเขียนและวาดภาพ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นทางร้านจึงเปิดสอนเวิร์คช็อปแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชมและสนใจอยากลองทำโคมไฟกลับไปเป็นที่ระลึก ในราคา 3,300 เยน ทั้งนี้ควรจองอย่างน้อย 2 วันล่วงหน้า
เวลาทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน 10.00-19.00 น.
การเดินทาง: จากสถานี Nakasukawabata เดินประมาณ 2 นาที
เว็บไซต์
ย่านยะไต ฮากาตะ (Yatai Hakata)
ยะไต (Yatai, 屋台) แปลเป็นภาษาไทยว่าสตรีทฟู้ดนั่นเอง ปัจจุบันทั่วประเทศญี่ปุ่นจะหายะไตได้ค่อนข้างยากมาก แต่ที่ฟุกุโอกะยังมีย่านยะไต ที่เป็นร้านเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำยามค่ำคืนให้เราได้ไปสัมผัสบรรยากาศการเป็นสตรีทฟู้ดแบบญี่ปุ่น มีร้านอาหารให้เลือกหลากหลายประเภทเช่น ร้านฮากาตะราเม็ง ร้านโอเด้ง ร้านปิ้งย่างเสียบไม้ ร้านเทมปุระ ร้านอาหารตะวันตก เป็นต้น โดยแต่ละร้านจะมีขนาดกะทัดรัดสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 6 – 10 ที่นั่งเท่านั้น เพราะเน้นกินง่าย และเร็ว จึงเป็นที่นิยมทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว หากไม่รู้ว่าจะเลือกเข้าร้านไหนดี เทคนิคง่ายๆ คือร้านที่คนแน่นและมีคนรอคิวเหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี
เวลาทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน 18.30-00.00 น. (อาจหยุดทำการในวันฝนตก)
เว็บไซต์
วัดโชกงจิ (Shogonji Temple)
วัดโชกงจิ เป็นวัดพุทธนิกายเซ็นที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นวัดที่ผู้คนนิยมมาขอพรด้านคู่ครอง ที่บริเวณวัดนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวฮากาตะได้อยู่ห่างจากท่าเรือเฟอร์รี่ชิกะโนจิมะโดยใช้เวลาเดินเพียง 6 นาที
ส่วนกิจกรรมที่น่าสนใจมีมากมาย อาทิ เวิร์คช็อปการนั่งสมาธิแบบเซ็นที่ควบคุมโดยเจ้าอาวาส เวิร์คช็อปคัดลอกพระสูตร เวิร์คช็อปการชงชาเขียวแบบโบราณ และเวิร์คช็อปร้อยลูกประคำไม้ ซึ่งความพิเศษของลูกประคำไม้ที่นำมาร้อยในครั้งนี้คือ ไม้ที่กลึงมาจากโครงสร้างของอุโบสถเดิมที่ได้รับความเสียหายจากพายุ จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้
เวลาทำการ: ทุกวัน 9.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย / มีค่าใช้จ่ายสำหรับเวิร์คช็อป
การเดินทาง: นั่งเรือจากท่าเรือ Hakata ไปยังท่าเรือ Shikanoshima ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นเดินไปวัดประมาณ 6 นาที
เว็บไซต์
ร้านชิกะโนะชิมะด็อก (Shikanoshima Dog)
เกาะชิกะโนะชิมะ (Shikanoshima) เป็นเกาะที่เดินทางมาจากตัวเมืองฟุกุโอกะได้โดยการนั่งเรือเฟอร์รี่เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น นอกจากวิวทะเล และวัดโชกงจิแล้ว ยังมีฮอทด็อกร้านดังที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนเมษายน 2021
เอกลักษณ์ของชิกะโนะชิมะด็อกที่ต่างจากที่อื่นคือ เนื้อขนมปังที่กรอบนอกนุ่มใน ไส้ในประกอบไปด้วยไส้กรอกที่ผ่านการรมควันนานถึง 72 ชั่วโมง ราดด้วยซอสออรอร่า และกะหล่ำปลี ทั้งนี้สามารถเพิ่มท็อปปิ้งได้ตามชอบ สามารถเลือกชีส กิมจิ ซอสพริก และพริกดอง จากระเบียงร้านเราสามารถมองเห็น หินฟุตะมิอิวะ (Futamiiwa) ซึ่งเป็นหินในตำนานเรื่องอุราชิมะทาโร่ได้ด้วย
เวลาทำการ: วันจันทร์-วันพฤหัสบดี, วันอาทิตย์ 11.00-2.00 น., วันศุกร์-วันเสาร์ 11.00-3.00 น.
การเดินทาง: จากหน้าสถานี Saitozaki นั่งรถบัสสาย 21A หรือสาย 1 ลงป้าย Shikanoshima Kyoku Maeใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นเดินอีก 20 นาที
เว็บไซต์
ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองฟุกุโอกะได้ทาง
YokaNavi และ Fukuoka 360°
เราประทับใจมากกับที่สถานที่ต่างๆที่ในไปเยือนในครั้งนี้ ทุกแห่งคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เพราะเตรียมมาตรการป้องกันการติดเชื้อหลากหลายรูปแบบจุดตรวจสุขภาพ ทั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ ขอความร่วมมือให้ สวมหน้ากาก และทำตามมารยาทในการไอ เป็นต้น