Story & Photo by Reiko Chan

Kiso-ji (木曽路) หรือ Kiso Valley ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ในจังหวัดNagano โดยเป็นที่ตั้งของเมืองสมัยโบราณ (post town) ที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขา โดยส่วนตัวสนใจที่จะเดิน hiking ตามเส้น Nakasendo Hiking ซึ่งเป็นการเดินตามรอยเส้นทางที่เคยมีมาในสมัยเอโดะที่เชื่อมระหว่าง เกียวโตและโตเกียว เส้นทาง hiking นี้เชื่อมระหว่างเมือง Magome และเมือง Tsumago

KISO 1

วิธีการไป Kiso Valley และเดิน Nakasendo Trail
เส้นทางเดินเท้าระยะทางประมาณ 8 กม. เส้นทางแนะนำ (JNTO เค้าแนะนำมา) คือให้ไปเริ่มต้นเดินจากเมือง Magome ไปยังเมือง Tsumago เพราะจะผ่านช่วงการเดินที่ขึ้นเขาน้อยกว่า โดยเป็นทางเดินขึ้นเขาประมาณ 2 กิโลเมตรแรก แต่ที่เหลือจะเป็นการเดินลงเขา

วิธีการไป
นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Nakatsugawa  > ต่อรถบัสไปลงที่เมือง Magome (ท่ารถบัสอยู่ด้านหน้าอาคาร TIC เลยค่ะ)
*Kitaena Bus > Nakatsugawa to Magome / ค่ารถบัสคนละ 540 เยน
**แวะขอตารางรถบัสที่ TIC กันก่อนนะคะ จนท. พูดอังกฤษได้นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ

Tips: การขึ้นรถบัสนั้น เมื่อเราขึ้นที่ประตูด้านหลัง จะมีเครื่องให้หยิบบัตร เราหยิบตั๋วที่ยื่นออกมา ซึ่งตั๋วนั้นจะตอกสถานีรถบัสที่เราขึ้น แล้วเมื่อเราจะลง ก็เพียงแต่เอาตั๋วที่ได้ใส่ลงไปในเครื่องที่ข้างคนขับแล้วก็จะรู้ว่าเราต้องจ่ายเท่าไร)

Note:  ข้อมูลตารางรถบัสและราคาที่สถานี  Nakatsugawa และ Tsumago >>>คลิกที่นี่<<<

KISO 2

พอลงรถบัสที่ Magome ปุ๊ป เราจะเริ่มจากการเดินชมเมือง Magome ก่อนแล้วก็จะเดินขึ้นไปเรื่อยๆ แวะร้านรวงขายของริมทางเดินไปเรื่อยๆ จนถึงจุดชมวิวซึ่งมองไปรอบด้านได้สวยงามมากๆ ๆ

KISO3

แต่….การเดินทางของเราไม่ราบรื่นอย่างที่ฝันเอาไว้ เนื่องจากตอนเช้าเช็คอากาศแล้ว Shower ทั้งวันค่ะ (เนื่องจากพายุกำลังจะเข้าญี่ปุ่น) แค่เพียงเริ่มเดิน ฝนก็เริ่มโปรยปรายมาบางๆ เบาๆ มองโลกสวย คิดว่าเดี๋ยวก็หยุดมั้ง แต่ไม่ค่ะ ฝนยังคงตกเรื่อยๆ เม็ดเล็กสลับเม็ดใหญ่ แต่เรากับเพื่อนได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเดิน hiking ให้ไปจนถึง Tsumago ให้จนได้ จึงหยิบเสื้อกันฝนที่เตรียมใส่อย่างเรียบร้อย กางร่ม และเริ่มเดินค่ะ

KISO4

เดินไปเรื่อยๆ จนถึงจุดชมวิว แวะพักและรอเผื่อมีเพื่อนร่วมทางที่จะเดินไปกันเราบ้าง นั่งอยู่ 10 นาที คนญี่ปุ่นที่เค้ามาเที่ยวกัน เค้ายังไม่ดันทุรังเดินขึ้นมาถึงจุดชมวิวกันเลยค่ะ เค้าเห็นฝนตกเค้าก็ถอดใจแวะนั่งจิบชากินซาลาเปาปิ้งกัน(ของกินประจำถิ่น) ให้ร่างกายอบอุ่น แต่เราไม่ย่อท้อ นั่งรออีกหน่อย ก็มีกลุ่มฝั่งวัยรุ่น 4-5 คน และ คู่สามี-ภรรยา ชาวสวิส แต่งตัวกันฝนพร้อม เราก็ถามเค้าว่าจะเป็นไป Tsumago ใช่มั้ยค่ะ ….เสียงสวรรค์…เค้าตอบมาใช่ จะเดินไปด้วยกันมั้ย มันแน่นอนอยู่แล้ว นั่งรอมาเพื่อสิ่งนี้ เดินตามฝรั่งกลุ่มใหญ่ไปต้อยๆ เลย (อยากจะบอกฝรั่งเค้าเตรียมพร้อมกันมาก ทั้งรองเท้ากันน้ำ เป้แบบเดินป่า เสื้อกันฝน  ไม่การร่มกันนะคะ เพราะการเดิน hiking มามัวกางร่มมันลำบาก ไม่ถนัด อาจจะพลาดลื่นได้)

KISO5

ยิ่งเดินไป ฝนยิ่งตกหนัก เดินๆ หยุดๆ พยายามเดินตามกลุ่มฝรั่งให้ทัน กลัวหลง แต่ก็มีป้ายคอยบอกทางตลอด  และมีระฆังให้เราเคาะ เพื่อไล่หมีด้วยค่ะ เราก็เคาะดังๆ หมีจะได้กลัว ไม่กล้ามาทักทายเรา ทางเดินเป็นแบบขึ้นเขา ลงเขา เดินข้ามถนน ผ่านบ้านคน เส้นทางเดินเท้าทั้งหมด ประมาณ 8 กม. เรากับเพื่อนเดินมาได้ประมาณเกือบ 4 กม. ถึงศาลาพักแวะกินเสบียงของเรา ปลาย่างรสเผ็ด “Bento” เพื่อเรียกพลัง แล้วเราก็คิดกันกับเพื่อนว่า นี่แค่ครึ่งทางเราใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ตอนนั้นก็ปาเข้าไปบ่ายคล้อยแล้ว ถ้าเดินกันต่อจนถึงเมือง Tsumago ก็คงมืด เดินเล่นไม่ได้อีก ฝนก็ไม่มีทีท่าจะหยุดเลย …. เรา 2 คนตัดสินใจเดินย้อนกลับไปที่ Magome กันดีกว่า แล้วคราวหน้าเราจะกลับมาทำให้ Hiking Mission นี้สำเร็จ คราวหน้าเราจะพร้อมรับทุกสภาพอากาศแบบสุดๆ

KISO6

พอเดินกลับมาถึง Magome ก็แวะกินข้าว ชิลๆ ดูบรรยากาศฝนตกพรำๆ แวะกินซาลาเปาปิ้ง ของกินประจำถิ่นเค้ากัน มีหลายไส้ เช่น ไส้เกาลัค ไส้ถั่ว ไส้ผักรวม เราเลือกไส้ผักรวมค่ะ รสชาติก็อร่อยแปลกดี มันซื้อซาลาเปาที่นึ่งแล้วเอาไปปิ้งให้ด้านนอกแห้งๆ และมีกลิ่นหอมๆ มาแล้วต้องชิมค่ะ ของกินประจำถิ่นอีกอย่างคือ “ข้าวปิ้งราดมิโซะ “ แต่เราไม่ได้ชิม และก็กินไอติม มันอร่อยหอมมากกกกกเลยค่ะ (ไว้ไปรอบหน้าจะถ่ายรูปหน้าร้านมาให้ดูค่ะ – เดินตามทางเดินร้านนี้อยู่ทางซ้ายมือ มีที่นั่งด้านนอกให้ชมวิวอย่างใกล้ชิดด้วยค่ะ)

KISO7

KISO8

ขากลับเราก็ไปรอรถบัสที่ป้ายรถฝั่งตรงกันข้ามกันที่เราลงตอนแรกนะคะ เพื่อกลับไปที่ท่ารถเมือง Nakatsugawa แล้วค่อยต่อรถไฟกลับ Matsumoto ค่ะ (วิบากกรรมก็ยังไม่จบ เราเห็นคนมารอรถบัสเยอะพอสมควร แต่เค้าหลบฝนกันอยู่ฝั่งตรงข้ามป้ายรถบัส เค้าไม่มายืนตากฝนรอกัน…แต่เราคิดว่า ถ้ามัวหลบฝนเหมือนกับคนพวกนี้ เราก็อดนั่งแน่นอน เราก็เลยไปยืนกางร่มท่ามกลางสายฝนเม็ดโต เพื่อจะขึ้นรถบัสเป็น 2 คนแรกกับเพื่อน  อยากนั่งมากเพราะเหนื่อย และเมื่อย…. ฝนมันจะตกเยอะไปไหน เห็นใจกันบ้าง หนาวก็หนาว เปียกก็เปียก….แล้วคนที่หลบฝนพวกนั้นพอเห็นเรากับเพื่อนตั้งแถว ก็ค่อยๆ เดินมาต่อคิว  มาตากฝนด้วยกัน (กลัวไม่ได้นั่งเหมือนกันหล่ะซิ) รอ 8 นาที และแล้วบัสก็มา ได้ขึ้น 2 คนแรก ได้นั่ง ได้หลับ และกลับ Matsumoto อย่างสวัสดิภาพค่ะ

เรามาคิดๆ ดู จริงๆ แล้ว ถ้าฝนตกอย่างนี้ เราสามารถเดินเล่นเมือง Magome จนถึงจุดชมวิว แล้วก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถบัสที่ป้ายเดิมเพื่อไปเที่ยวต่อที่เมือง Tsumago ได้โดยที่ไม่ต้อง hiking กันไปให้เปียกมะลอกมะแลกก็ได้ ….. แต่ ณ ตอนนั้นจิตใจแน่วแน่กับการเดินเท้าเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ก็เลยอยากลองเดินดู แต่ก็ไม่สำเร็จ  (-__-“)

**คราวหน้าเราจะกลับมาที่นี่กันใหม่ แล้วจะเดิน hiking ให้สำเร็จ แล้วจะมารีวิวให้อ่านกันอย่างละเอียดยิบเลยค่ะ**

สำหรับคนที่จะเดิน hiking > เส้นทางเดินต่อจากจุดชมวิวที่ Magome เดินตามป้ายบอกทางไป ทางเดินจะเริ่มเดินเข้าสู่เขตป่าขึ้นเขา ลงเขา แต่ไม่ชันมาก โดยก่อนหน้านั้นก็จะมีป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ โดยเป็นป้ายบอกทางไป Tsumagojuku พร้อมระยะทางที่เหลืออยู่ โดยจะมีป้ายบอกเรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องหลงเลย เพราะเป็นเส้นทางที่ทำไว้ให้เดิน และจะมีห้องน้ำให้แวะได้ระหว่างทางด้วย….เพื่อนๆ คนไหน เดินเส้นทางนี้สำเร็จแล้วมาร่วมแชร์ประสบการณ์ให้อ่านกันหน่อยนะคะ

เมื่อเราเดินจนถึงเมือง Tsumago ก็ให้หาป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นรถบัสไปยังสถานีรถไฟชื่อ Nagiso เพื่อขึ้นรถไฟกลับไปยังเมืองที่เราพักต่อ