Story & Photo by nuengsaran
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ไปกี่ครั้งๆก็ไม่เคยเบื่อ ทุกครั้งที่ไปก็จะมีเรื่องราวสนุกๆ หลากหลายรสชาติให้ได้สัมผัส และต่อให้กลับไปเที่ยวเมืองเดิม แต่บรรยากาศและความรู้สึกก็จะไม่เหมือนเดิม มีอะไรใหม่ๆให้ได้พบเจอได้ตลอด คิดว่าจะหาแฟนญี่ปุ่นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้เที่ยวฟรีอยู่ฟรี อิอิอิ ^^
เมื่อปีใหม่ปีที่แล้วมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นแบบ backpack ไปกับเพื่อนกันสองคน สัมภาระน้อยๆ ตัวเบาๆ เที่ยวไหนเที่ยวกัน สนุกมากกก จริงๆแล้วไปหลายเมืองครับ แต่ที่ประทับใจสุดๆก็คงเป็น Takayama อาจจะเป็นเพราะโชคดีได้เพื่อนของเพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่นขับรถพาเที่ยวด้วยแหละ เลยได้เจออะไรที่ local สุดๆ
แต่สำหรับเพื่อนๆที่จะเดินทางไปเอง สามารถขึ้นรถบัส Nohi วิ่งตรงจากสนามบิน Centrail ที่นาโกย่า มาที่เมือง Takayama ได้เลย ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง ดูรายละเอียดได้ >> ที่นี่
วันแรกไปถึงหิมะตกตลอดทางเลย ถนนแอบลื่นนิดๆ แต่สองข้างทางสวยมาก ขาวโพลนไปทั้งภูเขาต้นไม้ ใบหญ้า ก็เลยคิดกันว่าขับรถออกนอกเมืองไปหน่อยไปเที่ยว Shirakawago ดีกว่า ตกบ่ายๆเย็นๆจะได้ขับเข้าเมืองไปหา onsen แช่ให้หายหนาว
พอไปถึง Shirakawago จุดแรกที่ไปคือเดินขึ้นไปบนเขาที่เป็นจุดชมวิวยอดนิยมเพื่อไปดูวิวที่จะเห็น Shirakawago ทั้งหมู่บ้านก่อน ขอบอกว่าสวยสุดๆไปเลยครับ สมกับเป็นหมู่บ้านที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (World Heritage)
บ้านแต่ละหลังเป็นสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ดูคลาสสิคแบบโอชิน มีหิมะขาวจั๊วะปกคลุมหลังคาบ้านทุกหลัง ดูไกลๆยังกะเป็นบ้านขนมโรยน้ำตาลไอซิ่ง น่ากิ๊นน่ากิน 😛
หลังจากถ่ายรูปกันไปได้ประมาณคนละสี่พันรูปก็เดินลงมาเพื่อข้ามสะพานเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน พอได้มาเห็นบ้านแต่ละหลังใกล้ๆแล้วก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ใจก็มโนโลกสวยว่าถ้าได้ใส่ยูกาตะเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้านนี้ (ตอนที่ไม่หนาวขนาดนี้นะ) ก็คงจะเก๋ไก๋ไฉไลไม่น้อย
ที่นี่เค้าจัดลูพเส้นทางให้เดินชมกันได้อย่างไม่ต้องกลัวหลง เดินเพลินๆไปตามทางแปปเดียวก็ครบทั้งหมู่บ้านแล้วครับ กินเวลาไม่ค่อยนานแต่ได้รูปสวยๆไว้ดูกันตราบชั่วลูกชั่วหลานเลยทีเดียว
เสร็จจากหมู่บ้านมรดกโลก เพื่อนญี่ปุ่นก็พาไปแช่ออนเซ็นแถวใกล้ๆตัวเมือง Takayama ขอบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก ที่ประทับใจไม่ใช่เพราะต้องไปแก้ผ้าโชว์หวิวให้อาแปะอากงดูนะ แต่เพราะออนเซ็นที่ไปเป็นออนเซ็นธรรมชาติแบบ outdoor เห็นบรรยากาศภูเขารอบด้าน หิมะตกใส่หัวตลอดเวลาที่แช่อยู่ แต่ไม่หนาวเลยแถมรู้สึกดีมากอีกต่างหาก ตัวแช่อยู่ในน้ำร้อน ส่วนหัวก็รับลมรับหิมะไป ฟินสุดๆ อยากถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆดู แต่กลัวจะเข้าข่ายอนาจารติดเรท NC-17 เลยไม่เอาดีกว่า
พอแช่เสร็จก็ออกมากดนมตู้ดื่มให้สบายท้อง จริงๆก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องดื่มนมหลังแช่น้ำร้อนเสร็จ เห็นคนที่นู้นเค้าทำกันเลยทำตาม จากนั้นก็เดินทางเข้าที่พัก เราไปพักกันที่ Guest house ชื่อ K’s House Takayama สตาฟที่นี่น่ารักมากๆ ให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกเต็มที่ แถมที่พักก็สบายสุดๆ คืนนั้นหัวถึงหมอนปุ๊บหลับเป็นตายยังกะปิดสวิทช์เลยครับ
ตอนเช้าตื่นมาเห็นจักรยานจอดอยู่หน้าที่พักเลยถาม front ดู เค้าบอกว่ามีไว้ให้ลูกค้าเช่า เราสองคนเลยเกิดอยากลองของเช่าขี่เล่นรอบ Takayama ท้าลมหนาวดู แล้วก็หนาวสุดๆจริงๆครับ แต่สนุกมาก
เราเริ่มต้นกันที่หน้าที่พัก ขี่เล่นชมเมืองไปเรื่อยๆจนถึงสะพานแดงที่อยู่ตรงใจกลางเมือง แล้วก็ไปจบที่ตลาดที่อยู่ข้างๆคูน้ำที่ตัดผ่านเมือง ตอนไปถึงตลาดก็เริ่มจะสายนิดนึงแล้วแหละครับ
ร้านรวงก็เริ่มเก็บของกันแล้ว แล้วก็ไปเจอร้านลุงคนนึง เค้าปิ้งเนื้อเสียบไม้ขาย concept เหมือนหมูปิ้งบ้านเราเนี่ยแหละครับ แต่ที่นี่เค้าใช้เนื้อฮิดะ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลเนื้อวากิวที่มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Takayama นี้นี่เองงงง
เนื้อนุ่มมากกกกกก แบบละลายในปาก เคี้ยวแล้วไม่อยากกลืนเลยครับ ใครที่เป็นมนุษย์กินเนื้อห้ามพลาดจริงๆ
พอกินกันจนอิ่มท้องก็ขี่จักรยานกลับที่พักครับ เพราะเพื่อนญี่ปุ่นมารอแล้ว วันนี้เราแพลนจะไปขึ้นกระเช้า Shin-Hotaka Ropeway กันครับ กระเช้าอันนี้ถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของเมืองเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นหนึ่งใน ropeway ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นกระเช้า Gondora แบบสองชั้นแห่งแรกของญี่ปุ่นเลยครับ แต่…น่าเสียดาย วันที่เราไปหิมะตกหนักมากจนไม่สามารถขึ้นกระเช้าได้ เราเลยไปได้แค่ส่วนกลางๆของภูเขา ขึ้นไปไม่ถึงยอดพีคมันครับ น่าเสียดายจริงๆ T_T
เป็นอันสิ้นสุดทริปที่เมือง Takayama อย่างเป็นทางการครับ โอกาสหน้าจะมาเล่าถึงเมืองอื่นที่ไปเที่ยวมาอีกนะครับ
ขอไปคิดดูก่อนว่าจะเป็นเมืองอะไรดี สำหรับวันนี้…สวัสดีครับ
