ทริปนี้จะเป็นการขับรถตะลุยเมืองหิมะส่งท้ายฤดูหนาวโดยตั้งต้นจากโตเกียว หลังจากที่ตอนแรก (อ่านได้ >> ที่นี่) เราได้พาไปเล่นหิมะกันมาแล้ว ทั้งฝั่งจังหวัดนีงาตะ และ จังหวัดนากาโนะ สำหรับตอนนี้จะพาไปเก็บสถานที่เที่ยวไฮไลท์ในนากาโนะกันต่อจนจบทริปเลย
วันที่ 4: ปราสาทมัตสึโมโตะ / ถนนนาวาเตะ-ถนนนากะมะจิ / ฟาร์มมิฮาราชิ / พักที่เมืองฮายะทาโระอนเซ็น
วันที่ 5: เซ็นโจจิคิเคิร์ล / ร้าน Meijitei / ฟาร์มโคมากาเนะ / พักที่เมืองคามิซุวะอนเซ็น
วันที่ 6: กระเช้าลอยฟ้า Kita-Yatsugatake Ropeway
วันที่ 4
วันนี้เราจะเที่ยวกันในเมืองมัตสึโมโตะ เป็นวันสบายๆพักร่างกายหลังจากไปเล่นสกีกันมาก่อนหน้า รับรองว่าสำหรับมือใหม่ก็จะมีอาการปวดขาเล็กน้อย ถ้ามาเมืองนี้แน่นอนว่าไฮไลท์คือ ปราสาทมัตสึโมโตะ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเดินชมเราจะไปเช่าชุดกิโมโนกันก่อน
ร้านกิโมโน Hanakomichi
ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากปราสาท มีชุดกิโมโนให้เลือกหลายสีหลายลาย แต่ที่สะดุดตามากๆเลยคือ โอบิหรือผ้าคาดเอว ที่ร้านนี้เค้ามีลายน่ารักๆอย่าง ลายแมวด้วย นอกจากนี้ยังมีชุดยูคาตะ ฮาคามะ นินจา ชุดเกราะ ให้เช่าเช่นกัน สำหรับคุณผู้หญิงแนะนำว่าให้ไปกันแต่เช้าหน่อย เพราะร้านนี้มีบริการทำผมด้วย เลยต้องเผื่อเวลาทำผมและแต่งตัว
ค่าเช่า: เริ่มต้น 2 ชั่วโมง 4,000 เยน (ตรวจสอบเพิ่มเติมในเว็บไซต์ร้าน)
เว็บไซต์ | พิกัด
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
ปราสาทแห่งนี้มีฉายาว่า “ปราสาทอีกาดำ” ตั้งอยู่เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ เป็นหนึ่งในปราสาทที่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2135 โดยตระกูลอิชิคาวะ มีอายุมากกว่า 400 ปี ผ่านการดูแลจาก 6 ตระกูลดังในอดีต และยังเป็นปราสาท 5 ชั้นพื้น 6 ชั้นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
ในการบูรณะซ่อมแซมทั้ง 2 ครั้ง ไม่มีการนำเหล็กหรือปูนซีเมนต์ใช้ จึงถือว่าโครงสร้างปราสาทเป็นอาคารไม้ทั้งหลัง และคงสภาพเดิมเกือบทั้งหมด และที่นี่เป็นปราสาทแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่มีองค์ปราสาทประกอบไปด้วย ป้อมปราการและลานชมจันทร์ไว้ในที่เดียวกัน ในอดีตลานชมจันทร์มีไว้เพื่อรับรองแขกระดับขุนนางชั้นสูง หลังจากการเดินทางไปสักการะไหว้พระที่วัดเซ็นโคจินั่นเอง
ในช่วงฤดูหนาว จากตัวปราสาทสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของเทือกเขาเจแปนแอลป์ได้ด้วย ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่มีเสน่ห์มาก เพราะนอกจากจะมีประวัติศาสตร์น่าค้นหาแล้ว ยังมีความงดงามของแต่ละฤดู อย่างในฤดูใบไม้ผลิจะมีซากุระบานสวยงาม และดอกฟูจิ (วิสทีเรีย) ให้ได้ชมกัน
เวลาทำการ: 8.30 – 17.00 น. (ปิด 29-31 ธ.ค.)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็ก 300 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Matsumoto เดิน 15 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด
ถนนนาวาเตะ (Nawate Dori)
ถนนสายเล็กๆติดกับแม่น้ำเมโตบะ ที่เต็มไปด้วยร้านขายของฝากและให้บรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ บางคนเรียกที่นี่ว่า “ถนนกบ” ด้านหน้าทางเข้าจะเจอกับรูปปั้นกบขนาดใหญ่ ตามร้านของฝากจะเต็มไปด้วยของที่เป็นน้องกบ และมีศาลเจ้ากบเล็กๆอยู่กลางถนนด้วย
ถนนแห่งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีคนเดินทางมาไหว้พระกันที่ศาลเจ้า ทำให้เกิดร้านค้ามากมาย ว่ากันว่าพอมีร้านค้าก็มีขยะ แม่น้ำสกปรกทำให้กบไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ทำให้ต้องมีการปรับปรุงพื้นที่กันใหม่ กำหนดให้ร้านค้าเป็นร้านขายของเท่านั้นห้ามอยู่อาศัยและดูแลน้ำให้กลับมาสะอาด น้องกบก็เลยกลับมาอาศัยอยู่ที่แม่น้ำได้เหมือนเดิม จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า “ถนนกบ” นั่นเอง
คำว่า คาเอะรุ ในภาษาญี่ปุ่น เป็นคำพ้องเสียงที่มี 2 ความหมาย แปลได้ว่า กบ (蛙) และ กลับมา (帰る) คนเลยนิยมมาเขียนแผ่นไม้เอมะ ขอให้สิ่งที่ตัวเองอยากได้หรือคาดหวังไว้ให้กลับมา เช่น ขอให้เงินกลับมา (Okane ga kaeru) ขอให้งานกลับมา (Shigoto ga kaeru) ขอให้ความรักกลับมา (Koi ga kaeru) เป็นต้น
ถนนนากะมะจิ (Nakamachi Dori)
ถนนสายนี้เต็มไปด้วยร้านคาเฟ่ ร้านขนมตกแต่งสวยงาม ตึกอาคารบ้านและโกดังเก็บของบนถนนนี้เป็นอาคารปูนฉาบสีขาวตัดสลับกับลายสีดำ ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมตั้งแต่อดีต ถึงแม้บางหลังจะเป็นการสร้างขึ้นใหม่
ฟาร์มมิฮาราชิ (Miharashi Farm)
ฟาร์มผักและผลไม้ขนาดใหญ่ในเมืองอินะ (Ina) มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะมากตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทำอาหาร เช่น โซบะ เต้าหู้ แยมผลไม้ ผลไม้ปั่น หรือแม้แต่การเก็บผัก/ผลไม้ตามฤดูกาล ทั้งสตรอเบอร์รี่ แอปเปิล องุ่น บลูเบอร์รี่ หรือถ้าเป็นผักก็จะมี หน่อไม้ฝรั่งและข้าวโพดหวาน
ในช่วงนี้ก็จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากการเก็บสตรอว์เบอร์รี่นั่นเอง สตรอว์เบอร์รี่ของที่นี่ลูกใหญ่หวานฉ่ำมาก มีให้เลือกเก็บถึง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ อากิฮิเมะ (Akihime) จากชิซึโอกะ มีรสหวานฉ่ำ, เนียวโฮ (Nyoho) จากโทจิงิ มีรสหวานอมเปรี้ยว และ เบนิฮปเปะ (Beni-hoppe) จากชิซึโอกะ ลูกใหญ่สีแดงสดมีรสเปรี้ยวหวานพอดี เลือกชิมได้ตามรสชาติที่ชอบเลย สามารถกินเท่าไหร่ก็ได้ภายใน 50 นาที
เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น. (เก็บสตรอว์เบอร์รี่ 9.00-15.00 น.) สวนเปิดตลอดทั้งปี
ค่าใช้จ่าย: ราคาตั้งแต่ 1,200-1,900 เยน แล้วแต่ช่วงเดือน
การเดินทาง : จากสถานี Inashi นั่งบัสลงป้าย Miharashi Farm Mae ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่ารถ 470 เยน
เว็บไซต์ | พิกัด
โรงแรม Komagane Kogen Resort Linx
รีสอร์ทสไตล์ยุโรปในเมืองฮายะทาโระอนเซ็น (Hayataro Onsen) ตั้งอยู่ตีนเขาแอลป์ สามารถสัมผัสกับธรรมชาติในตอนกลางวัน และดาวที่เต็มท้องฟ้าในช่วงเวลากลางคืน ห้องพักของเรามองเห็นวิวด้านนอกสวยงาม ในห้องมีห้องอาบน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำ
ที่น่าสนใจคือมีกิจกรรมพาออกไปดูกระรอกบิน และมีการถ่ายทอดสดกระรอกบินผ่านอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในป่าใกล้ๆให้ชมกันด้วย ภายในรีสอร์ทที่ชั้น 1 มีห้องอเนกประสงค์ใช้เป็นห้องรับรองใช้งานได้หลากหลาย มีพื้นที่สำหรับการจัดงานแต่งงานหรือจัดงานประชุมก็ได้
ที่ต้องแนะนำก็คือ อาหารของโรงแรมนี้ที่ได้รับรางวัลจากเว็บไซต์ของญี่ปุ่นว่าเป็นห้องอาหารที่มีรายการอาหารให้เลือกทานเยอะและอร่อยมากจนหลายคนมาพักที่นี่เพราะอาหารเลย ใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ผักสดกรอบอร่อย เนื้อสเต็กอย่างดี มีเมนูหลากหลายครบครัน เนื้อหมูเนื้อปลาไปจนถึงของหวาน สำหรับมื้อเย็นในช่วงโควิดจะจัดเป็นรอบๆละ 90 นาที
ค่าเข้าพัก: ราคาเริ่มต้น 5,800 เยน
การเดินทาง : จากสถานี Komagane นั่งแท็กซี่ประมาณ 8 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด
วันที่ 5
เซ็นโจจิคิเคิร์ล (Senjojiki Cirque)
เช้าวันนี้เราออกเดินทางไปเซ็นโจจิคิเคิร์ล ที่เมืองโคมากาเนะ (Komagane) กันค่ะ ซึ่งการเดินทางนั้นสะดวกมากกว่าที่คิด โดยการเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาเซ็นโจจิคินั้นห้ามรถยนต์ส่วนบุคคล จะต้องใช้รถบัสและกระเช้าลอยฟ้า เราต้องไปขึ้นรถบัสกันที่สถานีรถบัส Suganodai Bus Center ตั้งอยู่ที่ความสูง 850 เมตร เพื่อไปต่อกระเช้าลอยฟ้าที่สถานี Shirabidaira ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,662 เมตร
กระเช้าลอยฟ้า Central Alps Komagatake ออกจากสถานี Shirabidaira ไปยังสถานี Senjojiki ตั้งอยู่บนความสูง 2,612 เมตร เป็นสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาประมาณ 7 นาทีครึ่ง ในวันที่อากาศดีเราจะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย
ทำการเช่าสโนว์ชูเพื่อมาใส่เดินบนหิมะออกไปชมวิวรอบเทือกเขาด้านนอก มีข้อควรระวังคือ ไม่เดินออกนอกเส้นทางเด็ดขาด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและช่วยกันรักษาผืนป่าแห่งนี้ด้วย
สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี ในฤดูร้อนจะกลายเป็นทุ่งดอกไม้ และในฤดูใบไม้ร่วงก็ได้รับความนิยมไม่น้อยค่ะ ที่อากาศเย็นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงฤดูร้อนประมาณ 20 องศา และฤดูหนาวลดต่ำสุดถึง -20 องศาเลยทีเดียว ดังนั้นควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นนะคะ ตรงสถานีกระเช้าลอยฟ้า มีโรงแรมเซ็นโจจิคิ ร้านอาหาร สามารถเข้ามาหลบหนาวพร้อมหาของกินได้ที่นี่
การเดินทาง: จากสถานี Komagane ขึ้นรถบัส Komagatake Ropeway Bus ไป Shirabidaira ใช้เวลา 45 นาที จากนั้นขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไป Senjojiki ใช้เวลา 7 นาทีครึ่ง
เว็บไซต์ | พิกัด
ร้าน Meijitei
ถ้ามาที่เมืองโคมากาเนะ ต้องไม่พลาดเมนูขึ้นชื่อเป็นเมนูของทอดที่ราด “ซอสคัตสึด้ง” ซอสสูตรเฉพาะของที่นี่มีรสชาติเข้มข้น จะสั่งเป็นข้าวหน้าหมูทอด หรือ กุ้งทอดตัวใหญ่โปะบนชามข้าวราดซอสมีปริมาณเยอะ หาทานได้ทั่วไปที่เมืองโคมากะเนะ สำหรับร้านที่เราไปชื่อว่า Meijitei สาขาโคมากาเนะ ตั้งอยู่ที่ถนนชูโอะแอลป์ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องซอสคัตสึด้ง
เวลาทำการ: 11.00 – 20.30 น.
การเดินทาง: จากสถานี Komagane นั่งรถบัส 10 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด
ฟาร์มโคมากาเนะ (Komagane Farms)
ที่เมืองนี้ยังมีของขึ้นชื่ออีกอย่างคือ นมอร่อย จึงไม่ควรพลาดซอฟท์ครีมรสนม เรามาที่ฟาร์มโคมากาเนะ ที่มีโรงงานเล็กๆชื่อว่า Suzuran House Komagane แปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ทำขนมปัง นม โยเกิร์ตและแฮมจำหน่าย ซอฟครีมรสนมที่นี่ทำจากนมสุซุรัน 100% แนะนำเลยว่ารสเข้มข้นหอมนมมากๆ
เวลาทำการ: 9.00 – 18.00 น. (ฤดูหนาว 10.00-17.00 น. หยุดวันพฤหัส)
การเดินทาง: จากสถานี Komagane ขึ้นรถบัส ใช้เวลา 15 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด
โรงแรม Rako Hananoi Hotel
ตั้งอยู่ที่เมืองน้ำพุร้อนคามิซุวะอนเซ็น (Kamisuwa Onsen) สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบซุวะได้จากห้องพักและอนเซ็นในที่พัก ทางโรงแรมเปิดให้บริการ Kohanno Terrace บนชั้นรูฟท็อปที่มองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบ และพระอาทิตย์ตกดินสวยงามโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (*อาจมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าบริการหลังจากเดือนเม.ย.เป็นต้นไป) ห้องพักที่นี่มีหลากหลาย ทั้งห้องเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น ห้องเตียงสไตล์ตะวันตก ห้องพักดีลักซ์ที่มีอ่างจากุซซี่
ค่าเข้าพัก: เริ่มต้น 3,800 เยน
การเดินทาง : จากสถานี Kami-suwa นั่งชัทเทิลบัสของโรงแรม 7 นาที (ต้องจองล่วงหน้า)
เว็บไซต์ | พิกัด
วันที่ 6
กระเช้าลอยฟ้า Kita-Yatsugatake Ropeway
กระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 7 นาทีไปยังบนยอดเขาโยโคดาเคะ (Yokodake) บนความสูง 2,237 เมตร เพื่อชมทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ สามารถจุคนได้มากถึง 100 คน เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมกันมากในหมู่นักปีนเขาและนักเล่นสกีสโนว์บอร์ด
ยอดเขาโยโคดาเคะ มีทิวทัศน์สวยงามตลอดทั้งปี ตั้งแต่เดือนมิ.ย.-ส.ค. เพลิดเพลินไปกับความเขียวขจีของพันธุ์ไม้บนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงปลายเดือนก.ย.-กลางเดือนต.ค. ตื่นตาไปกับสีสันของฤดูใบไม้ร่วง และตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.ถึงปลายเดือนมี.ค. สนุกกับกิจกรรมสโนว์ชูท่ามกลางหิมะปกคลุมบนเขาและชมสโนว์มอนสเตอร์กันอย่างใกล้ชิด
ที่นี่จะมีการเปิดลานสกีให้บริการในช่วงฤดูหนาวด้วย ซึ่งก็คือ Pilatus Tateshina Snow Resort สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกีสามารถมาท้าทายและโชว์สกิลการเล่นได้ รวมถึงสโนว์เทรคกิ้งที่เป็นอีกกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมาก มีหลายคอร์สให้เลือกเดิน เราต้องเช่าอุปกรณ์ทั้งหมดจากข้างล่างก่อนขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามา โดยจะมีจุดให้เช่าตรงลานสกีด้านล่าง สำหรับการชมสโนว์มอนสเตอร์ แนะนำว่าให้ใส่สโนว์ชูเพราะว่าหิมะทับทมหนามาก ขาเราจะได้ไม่จมลงไปในหิมะ
เวลาทำการ: 9.00 – 16.00 น. (แตกต่างตามฤดูกาล)
ค่าใช้จ่าย: กระเช้าไปกลับ ผู้ใหญ่ 1,900 เยน เด็ก 950 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Chino ชึ้นรถบัส Kitayatsugatake Ropeway bus ประมาณ 1 ชั่วโมง
เว็บไซต์ | พิกัด
นอกจากนี้ยังมี Yama no Cafe 2237 คาเฟ่วิวดีที่อยากแนะนำให้แวะไปชมวิวสวยๆ ตั้งอยู่บนยอดเขาของกระเช้าลอยฟ้าที่ระดับความสูง 2,237 เมตร จากระเบียงด้านนอกจะมองเห็นวิวมุมกว้างสวยงามมากเลยค่ะ
ร้านเจลาโต้ Gelateria Picco
ปิดท้ายทริปด้วยเจลาโต้แบบโฮมเมดทำสดใหม่ทุกวัน ที่มีมากกว่า 45 รสชาติ และจะมีรสพิเศษทุกเดือนอีก 12 รสชาติ ครั้งนี้เราได้ลองวิธีการทานแบบเจลาโต้ใส่เมลอนปังอบใหม่ร้อนๆ เพิ่มความอร่อยไปอีกขั้น ทางร้านมีให้เลือกแบบที่ชิมได้มากถึง 5 รสในอันเดียว (แบบโคนสูงสุด 3 รส และ แบบถ้วยสูงสุด 5 รส)
เวลาทำการ: 10.00 – 20.00 น. (หยุดวันพุธ)
การเดินทาง: จากสถานี Chino ขับรถประมาณ 12 นาที
เว็บไซต์ | พิกัด