การเดินทางไปฮอกไกโดครั้งแรกหลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศ ตรงกับช่วงที่สวยที่สุดนั่นก็คือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเอง ปกติแล้วเราจะจำภาพเมืองหิมะขาวของฮอกไกโดกันได้ ด้วยความที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นธรรมชาติ ทำให้ทิวทัศน์ของใบไม้ที่ทยอยเปลี่ยนสีของฮอกไกโด งดงามไม่แพ้ภูมิภาคอื่นๆของญี่ปุ่นเลย อีกทั้งใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ยังไม่ได้เน้นไปทางเมเปิ้ลแดงส้ม จึงทำให้บรรยากาศของที่นี่คล้ายยุโรปอยู่มากทีเดียว

ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 6 วัน เริ่มต้นจากสนามบิน เช่ารถขับตระเวนเก็บเมืองระหว่างทางไปเรื่อยๆ สำหรับรีวิวตอนแรกเราจะแวะกันที่เมือง อุโปโป้ย (Upopoy) ภูเขาอุสุ (Mount Usu) ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) และ ยาคุโมะ (Yakumo) ที่เป็นจุดหมาย Unseen ของเราในทริปนี้ จะเป็นยังไงกันบ้าง ตามไปชมกันเลย

อ่านรีวิวตอนสอง >> Hokkaido: ใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด ตอน 2 : Hakodate – Onuma


พิพิธภัณฑ์แห่งชาติชาวไอนุอุโปโป้ย” (Upopoy National Ainu Museum and Park)

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติชาวไอนุ “อุโปโป้ย” เป็นศูนย์กลางในการฟื้นฟูและสืบสานวัฒนธรรมไอนุซึ่งเป็นวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของญี่ปุ่น

The National Ainu Park พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ให้เราได้เข้าไปสัมผัสวัฒนธรรมของชาวไอนุพื้นเมืองที่ได้รับการปลูกฝังท่ามกลางธรรมชาติ เราจะได้เข้าถึงองค์ประกอบต่างๆ ของชาวไอนุ อีกทั้งยังมีการแสดงระบำพื้นเมือง นอกจากจะสนุกไปกับประวัติศาสตร์แล้วยังสามารถผ่อนคลายท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติได้ด้วย


The National Ainu Museum พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งแรกในฮอกไกโดและอยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่เน้นเฉพาะวัฒนธรรมไอนุแบบดั้งเดิม แต่ยังให้ความสำคัญกับความหลากหลายของวัฒนธรรมไอนุร่วมสมัยและผู้คนจากหลากหลายมุมมอง เพื่อส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวไอนุในญี่ปุ่นและที่อื่น ๆ โดยเคารพในศักดิ์ศรีของชาวไอนุพื้นเมือง ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนการสร้างสรรค์และพัฒนาแง่มุมใหม่ของวัฒนธรรมไอนุไปพร้อมกัน


Cultural Exchange Hall ถ้ามาที่นี่ ต้องไม่พลาดกิจกรรมการแสดง มุคคุริ (พิณปาก) และทงโกริ (เครื่องดนตรีห้าสาย),  การเต้นรำทางพิธีกรรมโบราณของชาวไอนุ เช่นการเต้นรำนกกระเรียน ที่ได้รับเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ภายในห้องโถงจะมองเห็นทะเลสาบโพโรโตะ และหมู่บ้านไอนุแบบดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ผ่านหน้าต่างกระจกที่เป็นฉากหลังของเวที และที่ทำให้การแสดงน่าประทับใจมากก็คือการฉายภาพฉากหลังที่งดงามสุดตระการตาระหว่างการแสดง

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (1 พ.ย. 2022 – 31 มี.ค. 2023) *หยุดทุกวันจันทร์ ชดเชยวันอังคาร และเวลาทำการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ตรวจสอบได้ในเว็บไซต์
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1200 เยน เด็กม.ปลาย 600 เยน ม.ต้นลงไป ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Shiraoi เดิน 10 นาที
  • เว็บไซต์

ร้าน Wakasaimo Hompo สาขา Noboribestu Higashi 

หากพูดถึงขนมหวานดั้งเดิมของฮอกไกโดที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 90 ปี ต้องมีชื่อของ Wakasaimo ขนมที่มีชื่อมันเทศที่ไม่มีส่วนผสมของมันเทศ เนื่องจากเมื่อก่อนการปลูกมันเทศในฮอกไกโดเป็นเรื่องยากมาก ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้มีมันเทศย่างทำให้ Wakasaimo เกิดขึ้นมา จากการใช้ถั่ว Ofuku คุณภาพดีที่สุดเป็นส่วนผสมหลักในการทำไส้ที่มีด้านในเป็นสาหร่ายฮอกไกโดที่ทำเหมือนเส้นใยที่แท้จริงของมันเทศ แล้วห่อด้วยเปลือกผิวบางและคั่วกับโชยุ


สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของฝากแล้วยังมีร้านเป็นของตัวเองด้วย กระจายตัวอยู่หลายเมืองของฮอกไกโด วันนี้เรามากันที่สาขา Noboribetsu Higashi เพื่อแวะทานมื้อเที่ยงกัน

  • การเดินทาง: จากสถานี Noboribetsu นั่งรถ 4 นาที หรือเดินมาประมาณ 20 นาที
  • เว็บไซต์

Mt. Usu RopewayMt. Usu Terrace

Mount Usu หรือ อุสุซัง (Usuzan) เป็นภูเขาไฟที่มีอายุกว่า 20,000 ปี และยังคุกรุ่นอยู่ ในอดีตได้เคยปะทุมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง (ครั้งล่าสุดเมื่อปีค.ศ.2000) มีความสูง 737 เมตร 


เราสามารถขึ้นกระเช้ากอนโดล่า Usuzan Ropeway ที่เพิ่งอัพเกรดเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ใช้เวลาเพียง 6 นาที จากสถานีต้นทางไปสู่ยอดเขา ชมทัศนียภาพของอุทยานแบบ พาโนรามา และเป็นจุดชมวิวทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) และ ภูเขาโยเทย์ (Mount Yotei) ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นฟูจิแห่งฮอกไกโด 


(ข้อมูลจากเว็บไซต์อุสุซัง)

ถึงแม้ภูเขาไฟอุซุจะได้สร้างความเสียหายมากมายจากการระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต แต่ผู้คนในพื้นที่ก็ได้เรียนรู้ธรรมชาติของภูเขาไฟและพบวิธีที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ จากระบบค้นหาการประทุของภูเขาไฟแบบทันด่วน เพื่อยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด และใช้ประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากภูเขาไฟอุซุ เช่น น้ำพุร้อน การเกษตร ทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม ภายใต้แนวคิด ” อยู่ร่วมกันกับภูเขาไฟ” 

อุทยานธรณีโลกโทยะโกะอุซุซังแห่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างในทุกหลายสิบปีเนื่องจากการประทุของภูเขาไฟ เป็นสถานที่เรียนรู้และสัมผัส “ผืนดินใหญ่ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง” ที่สำคัญและหาได้ยากในโลก


จุดชมวิวใหม่ล่าสุดที่อยากจะแนะนำก็คือ Mount USU Terrace เพิ่งเปิดเมื่อฤดูใบไม้ผลิ 2021 ที่ผ่านมา นั่งชมวิวตรงโซนโซฟาบนเฉลียงที่มองเห็นวิวทะเลสาบโทยะ โดมลาวาโชวะชินซังและอื่นๆ นอกจากนี้ตรงโซนระเบียงก็ได้รับการขยายครอบคลุมพื้นที่บนดาดฟ้าถึง 670 ตร.ม. (ใหญ่กว่าเดิมประมาณ 1.4 เท่า) สามารถจุคนได้เพิ่มขึ้นเป็นสูงสุด 56 ที่นั่ง แวะสั่งเครื่องดื่มสมูตตี้ออแกนิคจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่ Cafe Mt. USU ใกล้ๆกันด้วยนะ

  • เวลาทำการ: 8.00-18.00 น. (อาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
  • ค่าโดยสาร (ไป-กลับ): ผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็กประถม 900 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Toyako ขึ้นรถบัสโดนัน ลงปลายทางที่โทยะโกะออนเซน ประมาณ 15 นาที จากนั้นเปลี่ยนรถไปขึ้นรถบัสโดนัน ลงปลายทางที่โชวะชินซัง ประมาณ 15 นาที ※ ปิดบริการช่วงฤดูหนาว
  • เว็บไซต์

Toyako Manseikaku Hotel Lake Side Terrace

ทะเลสาบโทยะได้รับเลือกให้เป็น Global Geopark หนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น และที่โรงแรม Toyako Manseikaku Hotel Lake Side Terrace เราจะได้ดื่มด่ำกับวิวของทะเลสาบโทยะได้อย่างเต็มที่


ผ่อนคลายไปกับการชมทัศนียภาพอันงดงามได้จากทุกส่วนของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้ บ่อน้ำพุร้อน ร้านอาหาร และในห้องพักเกือบทั้งหมดสามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบโทยะได้ มีให้เลือกประเภทห้องพักได้หลากหลายทั้ง ห้องสไตล์ญี่ปุ่น-ตะวันตก ห้องสไตล์ตะวันตก ห้องสไตล์ญี่ปุ่น


สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ไว้ก่อนจองห้องพักคือ อาคารของโรงแรมจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ตึกคือ Central Wing, East Wing และ West Wing ซึ่งห้องพักและวิวจะต่างกันไปในแต่ละโซน นอกเหนือจากห้องพักแล้ว ที่นี่ยังเด่นเรื่องบ่อออนเซ็นที่มีให้เลือกใช้บริการทั้งบนชั้นดาดฟ้าและชั้นใต้ดิน

  • Hoshi no Yu (West Wing ชั้น 8) เพลินไปกับทัศนียภาพที่งดงามของทะเลสาบโทยะจากบ่อออนเซ็นกลางแจ้งแบบอินฟินิตี้ (ผู้ชาย 3.30-10.00 / ผู้หญิง 13.00-2.00)
  • Tsuki no Yu (Central Wing ชั้น B1) พื้นที่อันเงียบสงบที่จะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพของสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมได้จากบ่อออนเซ็นในร่มและกลางแจ้ง มีห้องซาวน่าด้วย (ผู้หญิง 3.30-10.00 / ผู้ชาย 13.00-2.00)


อีกมุมที่ส่วนตัวชอบมากๆคือ โซนห้องสมุดและคาเฟ่ BLOSSOM COFFEE นอกจากจะได้ดื่มด่ำชากาแฟเคล้าวิวสวยๆแล้ว ที่นี่ยังถ่ายรูปสวยมากๆ


มื้อเช้าและเย็นของโรงแรมจะเสิร์ฟเป็นสไตล์บุฟเฟ่ต์ที่มีอาหารให้เลือกทานเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ, เทมปุระ, สเต๊ก และ อีกหลายเมนูที่เชฟจะปรุงให้สดๆ ห้องอาหารกว้างและมีกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นวิวทะเลสาบโทยะได้เต็มๆตา

  • ราคาห้องพัก: เริ่มต้น 15,000 เยน สำหรับห้องพักคู่
  • การเดินทาง: จากป้ายรถบัส Toyako Onsen เดิน 4 นาที (สำหรับแขกที่เข้าพัก มีรถชัตเติ้ลบัสรับส่งตรงจากสถานีซัปโปโร ใช้เวลา 2.30 ชั่วโมง 1,100 เยนต่อเที่ยว ดูรายละเอียด ที่นี่)
  • เว็บไซต์

เมืองยาคุโมะ (Yakumo)

เมืองยาคุโมะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฮอกไกโด อยู่ระหว่างซัปโปโรและฮาโกดาเตะ เป็นเมืองเดียวในญี่ปุ่นที่มีแนวทะเลขนาบทั้งสองฝั่งที่หันหน้าไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือและทะเลญี่ปุ่น ในปี 2030 รถไฟชินคันเซ็นจะวิ่งผ่านเมืองนี้และมีป้ายสถานี Shin-Yakumo ก็จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้จะเป็นเมืองชนบทเล็กๆที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยว แต่เสน่ห์ของเมืองนี้มีมากมาย รวมถึงจุดถ่ายรูปสวยๆที่แนะนำว่าต้องมาสักครั้งให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น สวนญี่ปุ่นอุเมมุระ, สวนพาโนรามาฟุนกะวัง, ถนนสายพาโนรามาที่มีแนวต้นไวท์เบิร์ช และที่นี่ยังมีต้นตำรับไก่ทอดแสนอร่อยที่เป็นจุดเริ่มต้นของ KFC ญี่ปุ่นอีกด้วย

สวนญี่ปุ่นอุเมมุระ (Umemura Teien) 

มีประวัติศาสตร์กว่า 110 ปี สร้างขึ้นโดย ทาจูโร อุเมมุระ โดยได้ทำการย้ายคฤหาสน์มาจากจังหวัดไอจิ เริ่มสร้างปีค.ศ.1912 ใช้เวลาสร้างถึง 18 ปีจนแล้วเสร็จในปีค.ศ.1930 เป็นสวนสไตล์เซ็นที่มีศูนย์กลางเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ล้อมคฤหาสน์ ถือว่าเป็นสวนญี่ปุ่นที่หาได้ยากในพื้นที่ฮอกไกโด ปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมือง


จากระเบียงที่มีบานประตูเปิดออกสู่สวนญี่ปุ่นมองเห็นทางเดินรอบบ่อน้ำ และมีต้นโมมิจิที่กำลังเข้าสู่ช่วงพีค เปลี่ยนสีสันอย่างสวยงามในช่วงปลายเดือนต.ค.ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แนะนำที่สุด

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (พ.ย.-เม.ย. 10.00-16.30 น.)
  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Yakumo เดิน 7 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

สวนสาธารณะฟุงกะวันพาโนรามา (Funkawan Panorama Park)

ชื่อเรียก Funkawan มีความหมายว่า อ่าวที่เกิดจากการปะทุ ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับการปรับปรุงพื้นที่เนินเขาจนสามารถมองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของอ่าวฟุงกะ และภูเขาโยเทในวันที่อากาศดี


ภายในอาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่มีพื้นที่รวม 63.7 เฮกตาร์ มีลานผจญภัย Makiba ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์กีฬาให้เด็กๆเล่นสนุกได้อย่างเต็มที่ สนามกอล์ฟในสวนสาธารณะ ห้องโถงพาโนรามา พร้อมอุปกรณ์สนามเด็กเล่นในร่ม และ Auto Resort Yakumo (ลานสำหรับตั้งแคมป์) นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอกไม้ให้ได้เพลิดเพลินกับทุ่งทานตะวันในฤดูร้อนและทุ่งดอกคอสมอสในฤดูใบไม้ร่วง


ใกล้กันเป็นถนนสายพาโนรามาที่เป็นเนินมีระยะทาง 800 เมตร เรียงรายไปด้วยต้นไวท์เบิร์ชญี่ปุ่นขนาบทั้งสองฝั่งถนนประมาณ 300 ต้น และสิ่งอำนวยความสะดวกตั้งอยู่ที่ทางขึ้นสู่ยอดเขา

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (พ.ย.-เม.ย. 10.00-16.30 น.)
  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Yakumo ขึ้นรถบัสเบอร์ 310 ลงที่ป้าย Hamamatsu Onsen ใช้เวลา 10 นาที และเดิน ต่อ 15 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

Harvester Yakumo

ร้านอาหารนี้ถือกำเนิดขึ้นจากความคิดที่อยากจะทำอาหารที่ปลอดภัยดีต่อสุขภาพ และใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่สามารถควบคุมคุณภาพได้ตั้งแต่ต้นน้ำ ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Funkawan Panorama Park สามารถเดินถึงกันได้ 


ที่นี่ถือเป็นแหล่งกำเนิดของ ไก่สมุนไพรของญี่ปุ่น (Japanese Herb Chicken) ซึ่งเลี้ยงด้วยอาหารเพื่อสุขภาพจากสมุนไพร ทำให้เนื้อของไก่มีรสชาติที่ละเอียดอ่อน ปรุงรสด้วยเครื่องเทศดั้งเดิมเพื่อเพิ่มรสชาติของเนื้อและลดกลิ่นเฉพาะของไก่ และทอดในหม้อทอดแรงดัน ทำให้ได้รสชาติที่โดดเด่นจนกลายเป็นต้นตำรับของสูตรไก่ KFC ของญี่ปุ่น 


ที่นี่นอกจากจะได้อิ่มอร่อยกับเมนูรสเลิศอย่าง ไก่ทอดสมุนไพร พิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแล้ว อาหารทะเลจากอ่าวฟุงกะแล้วยังมีผักสดที่ส่งโดยเกษตรกรในท้องถิ่นทุกเช้า พร้อมดื่มด่ำวิวพาโนรามาจากร้านอาหารได้ด้วย


กินของคาวแล้วก็ต้องตามด้วยของหวานกันกันต่อ มาที่ฮอกไกโดต้องกินนมของฮอกไกโด ซึ่งเค้ามีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ทำจากนมฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็น ชีส พุดดิ้ง ไอศครีม และวันนี้เราจะมากินซอฟท์ครีมของที่ร้าน ELFIN ซึ่งอยู่ด้านหน้าทางเข้า Harvester Yakumo นั่นเอง


ดูความนัวของเนื้อซอฟท์ครีมสิ เห็นแค่นี้ก็ไม่ต้องบรรยายแล้วว่าจะอร่อยขนาดไหน


หลังจากนี้เราจะเดินทางกันต่อไปที่เมืองฮาโกดาเตะ แล้วมาติดตามกันต่อตอนหน้านะครับ

อ่านรีวิวตอนสอง >> Hokkaido: ใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด ตอน 2 : Hakodate – Onuma