เพื่อนๆ หลายคนคงจะคุ้นเคยกับ จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นประตูสู่ภูมิภาคคิวชู มีความแตกต่างจากเมืองใหญ่ทั่วๆ ไปตรงที่มีทั้งความเจริญ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ พร้อมกับส่วนที่เป็นธรรมชาติน่าค้นหา เป็นส่วนผสมลงตัวที่ทำให้ฟุกุโอกะเป็นอีกจังหวัดที่มาเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ 

ครั้งนี้เราเลือกบินตรงมาลงที่สนามบินฟุกุโอกะ โดยวางแผนเที่ยวทั่วเมืองฟุกุโอกะเป็นเวลา 2 วันครึ่ง และได้รวบรวมสถานที่ที่น่าสนใจของเมืองฟุกุโอกะ ในแบบที่คุณก็ยังไม่รู้จักกับ 10 สถานที่จุดเช็คอินมาแนะนำกัน

  1. ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower)
  2. ฮิคาริโนะมาจิ สถานีรถไฟฮากาตะ (Hikarinomachi JR Hakata Station)
  3. จุดถ่ายรูปชายฝั่งฟุตามิกะอุระ (Futamigaura Photospot)
  4. ร้านอาหารซะอุโอะ ฮนเท็น (Zauo Honten)
  5. ร้านเช่าชุดกิโมโน โอโฮริเทอเรส (Ohori Terrace)
  6. วัดโทโชจิ (Tochoji Temple)
  7. ร้านโคมไฟคะโดตะ (Kadota Chouchin)
  8. ย่านยะไต ฮากาตะ (Yatai Hakata) 
  9. วัดโชกงจิ (Shogonji Temple)
  10. ร้านชิกะโนะชิมะด็อก (Shikanoshimadog)

สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport)

ท่าอากาศยานนานาชาติฟุกุโอกะแบ่งเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ 2 อาคารนี้สามารถเดินทางถึงกันด้วยรถชัทเทิลบัส (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น สถานที่ตั้งของสนามบินฟุกุโอกะนี้นับว่าเป็นจุดเด่น เพราะสนามบินนี้อยู่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งต่างจากสนามบินทั่วไปที่มักจะอยู่ชานเมือง ดังนั้นสามารถเดินทางเข้าเมืองโดยใช้รถไฟใต้ดิน Fukuoka City Subway ไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองฟุกุโอกะ และใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาทีเพื่อไปยังสถานี Hakata ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักที่ใช้เดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาคคิวชู

เวลาทำการ: 5:30- 22:30 น. 
การเดินทาง:  จากอาคารผู้โดยสารภายในประเทศชั้นใต้ดิน (B1) โดยสารรถไฟใต้ดินไปยังสถานีต่างๆ ในเมืองฟุกุโอกะ 
– มีรถบัสให้บริการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองฟุกุโอกะและเมืองต่างๆ ในภูมิภาคคิวชู โดยสามารถขึ้นรถบัสได้ที่ชั้น 1 ของทั้งอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 
– มีรถแท็กซี่ให้บริการตลอดเวลา บริเวณชั้น 1 หน้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
เว็บไซต์


ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower)

เมื่อมาถึงเมืองฟุกุโอกะ จุดเช็คอินแรกที่ไม่ควรพลาดคือฟุกุโอกะทาวเวอร์ เพราะเราสามารถมองเห็นวิวเมืองนี้ได้ 360 องศา ด้วยความสูงถึง 234 เมตร ซึ่งเป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับ 3 และเป็นอันดับ 1 ที่อยู่ริมทะเลในประเทศญี่ปุ่นด้วย ช่วงกลางคืนจะมีอิลลูมิเนชั่นเปลี่ยนไปตามเทศกาลต่างๆ ที่นี่พึ่งปรับโฉมใหม่ ทำให้นอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังมีลูกเล่นต่างๆ ที่น่าสนใจ

โดยลิฟท์จะนำเราขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของจุดชมวิวบนชั้น 3 ซึ่งมีความสูง 123 เมตร ในชั้นนี้สามารถเดินชมวิวได้ทั้งวิวเมืองและวิวทะเล อีกทั้งมี VR (Vitual Reality) ให้เราส่องเกาะรอบๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ไปสถานที่เหล่านั้นจริงๆ สำหรับชั้น 2 เป็นโซนคาเฟ่ให้เรานั่งรับประทาน อาหารขนมหวานไปพร้อมกับชมวิวสวยงาม จากนั้นลงมาชั้น 1 จะมีซุ้มหัวใจพร้อมคล้องกุญแจ พินบอลทำนายดวง และกาชาปองอันใหญ่มหึมา หากมาเยือนรับรองว่าทุกคนจะได้รูปถูกใจพร้อมกับประสบการณ์สนุกๆ กลับไปแน่นอน 

เวลาทำการ: ทุกวัน 9.30-22.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 500 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Nishijin เดินประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์


ฮิคาริโนะมาจิ สถานีรถไฟฮากาตะ (Hikarinomachi JR Hakata Station)

หากมาเที่ยวเมืองฟุกุโอกะช่วงปลายปี จะมีงานประดับไฟอิลลูมิเนชั่น บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟเจอาร์ฮากาตะให้เดินชมเพลินๆ การจัดแสดงไฟที่นี่มีความอลังการเพราะใช้ไฟเกือบ 800,000 ดวง โดยในปีนี้จัดเป็นปีที่ 11 แล้ว เพลิดเพลินกับบรรยากาศของผู้คนที่ออกมาเดินชมแสงไฟกันคึกคัก อีกทั้งยังมีการออกร้านจำหน่ายโคมเทียน เครื่องดื่ม อาหาร  และของตกแต่งบ้านช่วงเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย

ระยะเวลาการจัดงาน: ต้นเดือนพ.ย. ถึง ต้นเดือนม.ค. เวลา 17.00-24.00 น. (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง: ด้านหน้าสถานี Hakata
เว็บไซต์


จุดถ่ายรูปชายฝั่งฟุตามิกะอุระ (Futamigaura Photospot)

เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนฟุกุโอกะ ทำให้เกิดโปรเจ็คสถานที่ถ่ายรูปริมชายฝั่งทะเลฟุตามิโนะอุระ (Futaminoura) ขึ้นมา โดยมีจุดถ่ายรูป 3 จุดเด่นๆ ได้แก่ Jihangun แหล่งรวมตู้กดน้ำ ประตูวิเศษของโดราเอม่อน และชิงช้าขนาดสูง Tenshi no Hane  ลายเพ้นท์รูปปีกนางฟ้าบนกำแพง Yashinoki Buranko ชิงช้าต้นปาล์มคู่ พร้อมกับรูปปั้นปลาฉลาม

เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชม.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย / หากเดินทางโดยรถยนต์ อาจมีค่าที่จอดรถ
การเดินทาง: จากสถานี Kyudai-gakkentoshi ขึ้นรถบัส จากนั้นลงตามแต่ละจุด / Yashinoki Buranko ลงที่ป้าย Zauo Honten-mae เดิน 1 นาที / Jihangun: ลงที่ป้าย Nishinoura เดิน 5 นาที / Angel Wing ลงที่ป้าย Palm Beach เดิน 5 นาที


ร้านอาหารซะอุโอะ ฮนเท็น (Zauo Honten)

นอกจากราเม็งที่ขึ้นชื่อของฟุกุโอกะแล้ว ยังมีเมนูไทฉะซึเคะ (Taichazuke) หรือ ข้าวปลากระพงแดงญี่ปุ่นราดน้ำซุป ที่ต้องลิ้มลองเมื่อมาเยือนฟุกุโอกะ ปลาไทแล่เป็นชิ้นพอดีคำดองอยู่ในซอสที่เป็นสูตรลับเฉพาะของแต่ละร้าน ส่วนวิธีรับประทานเราสามารถทำได้ 3 วิธี คือ ทานแบบซาชิมิ หรือนำเนื้อปลากระพงแดงมาทานพร้อมข้าว หรือทานแบบโอฉะซึเคะ คือนำเนื้อปลามาวางบนข้าว ใส่เครื่องเคียง และ ราดน้ำซุปสต็อกปลาร้อนๆ ลงไป

รสชาติของเมนูนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสูตรน้ำซอส เครื่องเคียงที่เสิร์ฟ และน้ำซุป ประจวบกับที่ร้านอาหารซะอุโอะ ฮนเท็น ตั้งอยู่ริมทะเลทำให้เพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว และเมนูไทฉะซึเคะนี้เราสามารถพบได้ทั่วไปเมื่อมาเยือนที่จังหวัดฟุกุโอกะแม้ในภัตตาคารหรูหราก็ตาม  

เวลาทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน 11.30-22.00 น.
การเดินทาง: จากสถานี Kyudai-gakkentoshi ขึ้นรถบัสลงที่ป้าย Zauo Honten-mae เดิน 1 นาที
เว็บไซต์


ร้านเช่าชุดกิโมโน โอโฮริเทอเรส (Ohori Terrace)

สำหรับใครที่อยากมีประสบการณ์สวมชุดกิโมโนแบบคนญี่ปุ่น ที่ร้านกิโมโน Yamato Tsunagari Gallery แห่งนี้ มีคอนเซ็ปท์ว่าอยากให้คนญี่ปุ่นได้สวมชุดกิโมโนในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลสำคัญๆ จึงทำการปรับเนื้อผ้า ลวดลายให้มีความทันสมัยและน่าสวมใส่ อีกทั้งกิโมโนสำหรับสุภาพสตรีมีการออกแบบร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น ส่วนกิโมโนของสุภาพบุรุษ นั้นก็มีการร่วมมือกับแบรนด์ Snow peak แบรนด์ที่จำหน่ายสินค้า Outdoor Lifestyles  ชื่อดังของญี่ปุ่น

โดยปกติร้านกิโมโนแห่งนี้จะจำหน่ายอย่างเดียว ยกเว้นสาขานี้เป็นร้านเช่าแห่งแรก ตั้งอยู่ในอาคารโอโฮริเทอเรส ภายในสวนโอโฮริกลางเมืองฟุกุโอกะ ค่าเช่าชุดอยู่ที่ 3 ชั่วโมง ราคา 3,000 เยน จะได้ถุงเท้าทาบิเป็นที่ระลึก เมื่อแต่งเสร็จแล้วสามารถไปถ่ายรูปที่ไหนก็ได้

เวลาทำการ: วันอังคาร-วันอาทิตย์ 9.00-18.30 น., หยุดทุกวันจันทร์
การเดินทาง: จากสถานี Ropponmatsu เดินประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์


วัดโทโชจิ (Tochoji Temple)

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 806 โดยพระสงฆ์โคโบ ไดชิ (Kobo-Daishi) นิกายชินกอน (Shingon) คนพื้นที่ส่วนใหญ่จะรู้จักวัดนี้ในนามว่า นันกาคุซัน (Nangakuzan) สิ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยือนวัดนี้ คือ เจดีย์สีแดงที่มีความสูง 5 ชั้น หอไม้โบราณทรงหกเหลี่ยม เมื่อขึ้นไปด้านบนจะพบกับพระพุทธรูปนั่งแกะสลักจากไม้ มีความสูง 10.8 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 30 ตัน นับว่าเป็นพระพุทธรูปไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากนี้เราสามารถเดินลอดบริเวณฐานของพระพุทธรูปนี้ ที่มีการจัดแสดงภาพวาดขุมนรก และมีจุดที่มืดสนิท ซึ่งถูกออกแบบมาให้เราได้เดินคิดทบทวนถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเริ่มต้นสิ่งดีๆ อันเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลังจากที่มาเยือนยังวัดแห่งนี้ 

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 9.00-16.45 น.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย / ค่าชมพระพุทธรูปไม้ 50 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Hakata เดินประมาณ 10 นาที


ร้านโคมไฟคะโดตะ (Kadota Chouchin)

ร้าน Kadota Chouchin  เป็นร้านทำโคมไฟกระดาษ ที่เริ่มดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปีเมจิที่ 28 ปัจจุบันร้านโคมไฟประเภทนี้ค่อนข้างหายาก เพราะต้องใช้ช่างฝีมือในการเขียนและวาดภาพ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นทางร้านจึงเปิดสอนเวิร์คช็อปแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชมและสนใจอยากลองทำโคมไฟกลับไปเป็นที่ระลึก ในราคา 3,300 เยน ทั้งนี้ควรจองอย่างน้อย 2 วันล่วงหน้า

เวลาทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน 10.00-19.00 น.
การเดินทาง: จากสถานี Nakasukawabata เดินประมาณ 2 นาที
เว็บไซต์


ย่านยะไต ฮากาตะ (Yatai Hakata)

ยะไต (Yatai, 屋台) แปลเป็นภาษาไทยว่าสตรีทฟู้ดนั่นเอง ปัจจุบันทั่วประเทศญี่ปุ่นจะหายะไตได้ค่อนข้างยากมาก แต่ที่ฟุกุโอกะยังมีย่านยะไต ที่เป็นร้านเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำยามค่ำคืนให้เราได้ไปสัมผัสบรรยากาศการเป็นสตรีทฟู้ดแบบญี่ปุ่น มีร้านอาหารให้เลือกหลากหลายประเภทเช่น ร้านฮากาตะราเม็ง ร้านโอเด้ง ร้านปิ้งย่างเสียบไม้ ร้านเทมปุระ ร้านอาหารตะวันตก เป็นต้น โดยแต่ละร้านจะมีขนาดกะทัดรัดสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 6 – 10 ที่นั่งเท่านั้น เพราะเน้นกินง่าย และเร็ว จึงเป็นที่นิยมทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว หากไม่รู้ว่าจะเลือกเข้าร้านไหนดี เทคนิคง่ายๆ คือร้านที่คนแน่นและมีคนรอคิวเหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี 

เวลาทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน 18.30-00.00 น. (อาจหยุดทำการในวันฝนตก)
เว็บไซต์


วัดโชกงจิ (Shogonji Temple)

วัดโชกงจิ เป็นวัดพุทธนิกายเซ็นที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นวัดที่ผู้คนนิยมมาขอพรด้านคู่ครอง ที่บริเวณวัดนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวฮากาตะได้อยู่ห่างจากท่าเรือเฟอร์รี่ชิกะโนจิมะโดยใช้เวลาเดินเพียง 6 นาที

ส่วนกิจกรรมที่น่าสนใจมีมากมาย อาทิ เวิร์คช็อปการนั่งสมาธิแบบเซ็นที่ควบคุมโดยเจ้าอาวาส เวิร์คช็อปคัดลอกพระสูตร เวิร์คช็อปการชงชาเขียวแบบโบราณ และเวิร์คช็อปร้อยลูกประคำไม้ ซึ่งความพิเศษของลูกประคำไม้ที่นำมาร้อยในครั้งนี้คือ ไม้ที่กลึงมาจากโครงสร้างของอุโบสถเดิมที่ได้รับความเสียหายจากพายุ จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้

เวลาทำการ: ทุกวัน 9.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย / มีค่าใช้จ่ายสำหรับเวิร์คช็อป
การเดินทาง: นั่งเรือจากท่าเรือ Hakata ไปยังท่าเรือ Shikanoshima ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นเดินไปวัดประมาณ 6 นาที
เว็บไซต์


ร้านชิกะโนะชิมะด็อก (Shikanoshima Dog)

เกาะชิกะโนะชิมะ (Shikanoshima) เป็นเกาะที่เดินทางมาจากตัวเมืองฟุกุโอกะได้โดยการนั่งเรือเฟอร์รี่เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น นอกจากวิวทะเล และวัดโชกงจิแล้ว ยังมีฮอทด็อกร้านดังที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนเมษายน 2021

เอกลักษณ์ของชิกะโนะชิมะด็อกที่ต่างจากที่อื่นคือ เนื้อขนมปังที่กรอบนอกนุ่มใน ไส้ในประกอบไปด้วยไส้กรอกที่ผ่านการรมควันนานถึง 72 ชั่วโมง ราดด้วยซอสออรอร่า และกะหล่ำปลี ทั้งนี้สามารถเพิ่มท็อปปิ้งได้ตามชอบ สามารถเลือกชีส กิมจิ ซอสพริก และพริกดอง จากระเบียงร้านเราสามารถมองเห็น หินฟุตะมิอิวะ (Futamiiwa) ซึ่งเป็นหินในตำนานเรื่องอุราชิมะทาโร่ได้ด้วย

เวลาทำการ: วันจันทร์-วันพฤหัสบดี, วันอาทิตย์ 11.00-2.00 น., วันศุกร์-วันเสาร์ 11.00-3.00 น.
การเดินทาง: จากหน้าสถานี Saitozaki นั่งรถบัสสาย 21A หรือสาย 1 ลงป้าย Shikanoshima Kyoku Maeใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นเดินอีก 20 นาที
เว็บไซต์

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองฟุกุโอกะได้ทาง
YokaNavi และ Fukuoka 360°

เราประทับใจมากกับที่สถานที่ต่างๆที่ในไปเยือนในครั้งนี้ ทุกแห่งคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เพราะเตรียมมาตรการป้องกันการติดเชื้อหลากหลายรูปแบบจุดตรวจสุขภาพ ทั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ ขอความร่วมมือให้ สวมหน้ากาก และทำตามมารยาทในการไอ เป็นต้น