การเดินทางสำหรับวันนี้คือ ทัวร์พิชิตบ่อนรกทั้งแปด เริ่มต้นกันที่สถานี Beppu รีบจับรถไฟขบวนแรก มาถึงที่สถาณีโดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงด้วยรถไฟขบวน Limited Express Yufu เป็นธรรมเนียมที่เดินทางเข้าสู่สถานีใหม่ เราจะต้องขอข้อมูลการท่องเที่ยวซะก่อน และซื้อตั๋วรถบัสให้เสร็จสรรพ โดยในวันนี้เราจะใช้ตั๋ว My Beppu Free Pass ราคา 900 เยน ในการขึ้นรถบัส เที่ยวในตัวเมืองเบปปุและบ่อน้ำพุร้อนทั้งแปด ส่วนตั๋วค่าเข้าบ่อน้ำพุร้อน Jigoku Meguri ให้ซื้อแบบเหมาจ่ายทั้งแปดแห่ง ราคาคนละ 2,000 เยน
ก่อนไปขึ้นรถบัส ที่ด้านหน้าสถานีเราจะเห็นรูปปั้นคุณลุงท่าทางอารมณ์ดีมีชื่อเรียกว่า Pika Pika Oji san หรือ คุณลุงปิ๊งปิ๊ง แปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Shiny Uncle ซึ่งคุณลุงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในด้านของการท่องเที่ยวของเบปปุเป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่มีคุณลุงพวกเราก็คงไม่รู้ว่าเบปปุมีดีอะไร คุณลุงมีชื่อจริงว่า Kumahachi Aburaya เป็นบุคคลที่ทำให้เมืองเบปปุนั้นโด่งดังมีชื่อเสียงไปทั่วญี่ปุ่น และทัวร์บ่อนรกทั้งแปด Jigoku Meguri ก็เป็นไอเดียสุดเจ๋งของคุณลุงนั่นเอง
รถบัส Kamenoi Bus จะพาเราไปเที่ยวชมบ่อนรกทั้ง 8 บ่อได้อย่างง่ายดาย โดยจะแบ่งออกเป็น 6 บ่อที่อยู่ใกล้กัน และอีก 2 บ่อที่อยู่แยกห่างออกไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดและเป็นการเสียเวลา เราเลือกที่จะเดินทางไปชม 2 บ่อที่อยู่ไกลออกไปก่อน เพื่อที่ว่าหลังจากชม 6 บ่อที่เหลือแล้ว จะได้ไม่ต้องรีบร้อนนั่งรถบัส มาดูในช่วงเย็น เพราะยิ่งเย็นรอบรถบัสก็วิ่งน้อยตาม แถมอาจจะไม่ทันเวลาปิดอีกด้วย
บ่อนรกแห่งแรกที่จะลงไปทัวร์คือ Chinoike Jigoku
ด้านหน้าทางเข้า บ่อสระเลือด
ที่บ่อน้ำพุร้อนแต่ละบ่อจะมียักษ์เฝ้าอยู่ แต่ละตนมี ลักษณะต่างกันออกไป อย่างที่ Chinoike แห่งนี้นั้นเป็นยักษ์สีแดงน่าเกรงขาม (นี่เกรงขามแล้ว?)
ด้านในมีโต๊ะหินที่แกะสลักเป็นรูปหน้ายักษ์และมีเขาด้วย น่ารักมาก
Chinoike Jigoku 血の池地獄 เป็นบ่อที่มีความโดดเด่นมาก คือมีสีแดงฉานเหมือนเลือด โดยที่สีแดงนี้มาจากดินสีแดงที่อยู่บริเวณนั้นถูกน้ำร้อนธรรมชาติทำ ปฏิกิริยาร้อนระอุถึง 78 องศา เลยกลายเป็นที่มาของบ่อน้ำพุร้อนสีแดงแห่งนี้ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Akayusen
Ashinoyu หรือน้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้า ไว้ให้บริการฟรีๆ ใครที่เดินมาเมื่อยๆแวะพักขาตรงนี้สักหน่อย รับรองเพียงแค่ 5-10 นาทีจะรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยครับ
เดินออกมาถัดไปไม่ไกลมาก คือบ่อน้ำพุร้อนอีกแห่งที่มีชื่อว่า Tatsumaki Jigoku 龍巻地獄
เข้าไปถึงก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมมีแต่เก้าอี้ให้นั่ง เพราะบ่อนี้มีความ พิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ ต้องนั่งก่อนและรอชมเท่านั้น
โดยน้ำพุร้อนจะพุ่งขึ้นมาเป็นเวลา โดยระยะห่างของแต่ละช่วงคือ 30-40 นาที และระยะเวลากระแสน้ำที่พุ่งขึ้นนั้น ประมาณ 6-10 นาทีเท่านั้น แปลกแต่จริง ต้องลองไปสัมผัสด้วยตาตัวเองครับ
พอน้ำเริ่มพุ่งขึ้นมา คนญี่ปุ่นจะส่งเสียง โห เห กันใหญ่ พร้อมกับไอร้อนพลุ่งพล่าน
หลังจากนั้นเดินกลับมารอที่ป้ายรถบัสป้ายเดิม เพื่อนั่งรถกลับเข้าไปในตัวเมือง ลอดเขากลับไปอีกฝั่ง ซึ่งระหว่างทางเราจะสามารถมองเห็นตัวเมืงเบปปุในมุมสูงได้ ถ้าใครอยากเห็นภาพเมืองเบปปุที่มีควันพวยพุ่งไปทั้งเมืองล่ะก็ นี่คือจังหวะที่ดีครับ แต่วันนี้กลับไม่ค่อยมีควันให้เห็นมากนักเท่าไหร่
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสุดป้ายซึ่งต้อง ลงกันที่ป้ายนี้แล้วต้องเดินไปต่อ ส่วนถ้าใครจะกลับไปยังสถานีเบปปุ ก็สามารถขึ้นรถได้จากท่ารถบัสนี้เลย แต่ยังไม่ต้องรีบกลับหรอกครับ ไปเดินเที่ยวกันต่อดีกว่า
ให้เดินขึ้นไปตามเนินด้านหน้้า ทางเดินถ้าสังเกตุจะเป็นอิฐบล้อกสีน้ำตาลอ่อนปูไว้ จะเลือกเดินขึ้นไปทางไหนก็ได้ แต่ถ้าเลือกเดินทางซ้ายจะใกล้กว่า ระหว่างทางจะ สามารถเห็นท่อระบายควันจากใต้พื้นดิน เป็นระยะๆด้วย
บ่อนรกแห่งต่อไปมีชื่อว่า Shiraike Jigoku 白池地獄 มีความหมายว่าบ่อนรกสีขาว
ริงๆแล้วนั้นน้ำไม่มีสีแต่กลับทำปฏิกิริยากลายเป็นน้ำสีขาวข้นได้อย่างอัศจรรย์ ตกแต่งสวนสไตล์ญี่ปุ่น รับรองว่ามาที่นี่จะได้ความสุนทรีย์ในการชมเป็นอย่างมาก
ออกมาด้านนอกมีร้านค้าร้านอาหารระหว่างทาง
ถ้าใครหิวลองชิมไข่ต้มที่ใช้น้ำพุร้อนของที่นี่ต้มดูครับ มีขายอยู่ 2-3 ร้าน จะเลือกแบบที่ต้มสุกแล้วหรือให้คุณลุงต้มใหม่ก็ได้ ราคาฟองละ 50 เยนเท่านั้น
ร้านใกล้ๆกันมีร้าน ขายขนมพุดดิ้งถ้วยเล็กๆ หน้าตาน่ารักน่าชิม เลยลองทั้งรถคัสตาร์ดกับรสชาเขียว รสชาดหอมหวาน อร่อยนุ่มลิ้นเชียวครับ ถ้วยละ 300 เยนเท่านั้น ลองชิมก่อนซื้อได้ มีคุณป้าคนขายชวนเชิญให้ชิมอยู่ตรงนั้น
เค้าว่ากันว่าพุดดิ้งที่นี่ก็ใช้น้ำพุร้อนในการทำเหมือนกัน ยี่ห้อที่กินชื่อว่า Namekara Purin มีรสชอคโกแลตอีกรสด้วย (คำว่าพุดดิ้งในภาษาญี่ปุ่น เรียกว่า พุริง)
อิ่มท้องกันแล้วก็เดินเที่ยวต่อกันเลยครับ เห็นป้ายจระเข้ปุ้บก็อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นสวนสัตว์ เข้าไปด้านในเลย
บ่อนรกถัดไปที่ชื่อว่า Oniyama Jigoku 鬼山地獄
เค้าเลี้ยงจระเข้เอาไว้ด้วย แต่ไม่ได้เลี้ยงไว้ในน้ำพุร้อนนะครับ เจ้านักเพชรฆาตเหล่านี้ชอบอาศัยอยู่ในน้ำอุ่นต่างหาก เรียกว่ามาที่เดียวก็ได้ดูฟาร์มจระเข้ไปในตัวด้วย ที่นี่เค้ามีรอบเวลาให้อาหารเหมือนกันนะครับ ถ้าใครไปตรงช่วงก็อาจจะเจอเจ้าหน้าโยนไก่ตัวเป็นลงไปให้เจ้าเข้เขมือบก็ได้
จากสถิติบอกว่าไอควันร้อนที่ขึ้นมาจาก บ่อแห่งนี้รวมๆกันแล้ว สามารถใช้เป็นเเรงผลักรถไฟได้ถึงครึ่งคันเลยทีเดียว
ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวเบปปุกันต่อครับ~