ค่ำคืนนี้จะเดินทางไปเที่ยวเกาะฮอกไกโด ด้วยบริการเอื้องหลวง เที่ยวบินตรงของการบินไทย จากกรุงเทพฯ สู่ ซัปโปโรครับ โดยเส้นทางบินนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2012 และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็เพราะเกาะฮอกไกโดเป็นจุดหมายปลายทางของญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมไปเที่ยวกันมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วยครับ
New Chitose Airport 新千歳空港 สนามบินนิวชิโตเซะ หรือ เรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า ชินชิโตเซะ (ชินแปลว่าใหม่) อยู่ห่างจากเมืองซัปโปโร ประมาณ 50 กม. เปิดใช้บริการครั้งแรกในปี 1991 สถานี JR New Chitose Airport อยู่อาคารหลักชั้นใต้ดิน B1F ใช้เวลาเดินทางเข้าเมือง 35 นาที ด้วย JR Rapid หรือประมาณ 1 ชั่วโมงด้วย Airport Liner Bus
รายละเอียดเที่ยวบิน กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – ซัปโปโร (สนามบินชินชิโตเซะ)
TG670 BKK-CTS ทำการบินทุกวัน
ออกจาก สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 23.45 น.
เดินทางถึง สนามบินชินชิโตเซะ เวลา 08.30 น. ในวันถัดไป
TG671 CTS-BKK ทำการบินทุกวัน
ออกจาก สนามบินชินชิโตเซะ เวลา 10.45 น.
เดินทางถึง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 15.45 น. ในวันเดียวกัน
ทางออกอยู่ฝั่ง A คืนนี้มีไฟลท์ไปนาริตะออกเวลาใกล้ๆกันด้วย
วันนี้ใช้ทาง A5 เวลาเครื่องออกคือ 23.45 น.
มาแล้วครับ Boeing 777-300 ที่จะพาเราเหินฟ้าไปสู่เกาะฮอกไกโด
ถ้าผมมองไม่ผิด เครื่องบินลำนี้ชื่อว่า ศรีวรรณา เป็น Boeing 777-300 ลำแรกของการบินไทย (HS-TKA)
ถ้าผิดพลาดขอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เริ่มบอร์ดดิ้งกันแล้ว
ผู้โดยสารเริ่มทยอยกันเข้ามาพอสมควร ดูๆแล้วไม่น่าจะเต็มเอี้ยดครับ
เครื่องบินรุ่น 777-300 มีจำนวนที่นั่ง Royal Silk 34 ที่นั่ง และ Economy 330 ที่นั่ง
ภายในเครื่องจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 โซน
โซนแรก BC เป็นที่นั่งชั้น Royal Silk มีทั้งหมด 6 แถว (11-16) แบ่งที่นั่งแบบ 2-3-2
โซนหน้า FWD EY เป็นที่นั่งชั้น Economy มีทั้งหมด 14 แถว (31-44) แบ่งที่นั่งแบบ 3-3-3
โซนกลาง MID เป็นที่นั่งชั้น Economy มีทั้งหมด 14 แถว (46-59) แบ่งที่นั่งแบบ 3-3-3
โซนหลัง AFT เป็นที่นั่งชั้น Economy มีทั้งหมด 12 แถว (60-72) แบ่งที่นั่งเป็น 3-3-3
โดยที่นั่งที่เป็นที่นั่งคู่ มีแค่ 31AB, 57AB-JK, 58AB-JK, 59AB-JK, 60AB-JK, 61AB-JK, 71AB-JK, 72AB-JK
ที่นั่งของผมวันนี้คือ 40K ตรงกลางช่วงต้นปีก ติดหน้าต่างครับ
มองทะลุหน้าต่างไป เห็นพี่จัมโบ้ 747 กำลังเริ่มบอร์ดดิ้งผู้โดยสารไปนาริตะอยู่เหมือนกัน
จอส่วนตัวด้านหน้า บอกเส้นทาง BKK-CTS
อาหารเช้ามีให้เลือกเป็น ออมเล็ต กับ หมูผัดเปรี้ยวหวานครับ นึกว่าจะมีข้าวต้มหมูแสนอร่อยให้ซะอีก เสียดายจัง
นอนหลับสนิทจริง แต่น้อยไปหน่อย ต้องเก็บบแรงเอาไว้สำหรับไปเที่ยวทันที
ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ข้างนอกก็ฟ้าสว่างจ้าแล้วครับ ตอนนี้เรากำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้าของเกาะฮอกไกโดแล้ว
หลังจากผ่านตม. รับกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เราก็เจอกับโดราเอมอนมายืนต้อนรับก่อนใคร
ที่สนามบินชินชิโตเซะ มี Doraemon Waku Waku Skypark นะครับ ถ้าใครมีเวลาก็ลองแวะเที่ยวกันได้
ผมเคยทำรีวิวเอาไว้แล้ว ลองเข้าไปอ่านได้ที่นี่ครับ >> อะไรๆก็โดราเอมอน ที่ Doraemon Waku Waku Skypark
จริงๆแล้วคนที่มาต้อนรับพวกเราคือเจ้าหน้าที่จาก Hokkaido Tourism และ JTB ที่ยืนอยู่ทางนี้ต่างหากละครับ ^^
มาพร้อมป้ายภาษาไทย และก็คยุนจัง มาสคอตฮอกไกโด ซะด้วย
เห็นมั้ยละครับว่าคนไทยเรามาเที่ยวเยอะซะจนต้องมีป้ายต้อนรับ ไม่แพ้พี่จีน พี่เกา เลยทีเดียว
และนี่คือคณะของเรา (แอดมินเป็นคนไหน ให้เดากันเองนะครับ ^^)
ขอบคุณภาพจากพี่ มาเรีย ณ ไกลบ้าน
ทำความรู้จักกับคยุนจัง~
Kyun chan キュンちゃん มาสคอตสุดน่ารัก ตัวแทนจากเกาะฮอกไกโด รู้กันมั้ยครับว่า คยุนจังเป็นสัตว์ชนิดอะไร มองไกลๆนึกว่าเป็นกวางน้อย แต่จริงๆแล้ว คยุนจังมีชื่อพันธุ์เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Pika (คนญี่ปุ่นเรียก Enozaki Usagi) ที่อาศัยอยู่ในเกาะฮอกไกโด ลักษณะจะมีสีน้ำตาล คล้ายๆกระต่าย หูสั้นๆกลมๆ ไม่มีหาง
คยุนจังที่เราเห็นกันเป็นปกตินั้นจะใส่หมวกกวางอยู่ แต่คยุนจังยังมีหมวกแบบอื่นด้วย ถ้าไปฮาโกดาเตะ ก็จะเจอคยุนจังแปลงโฉมเป็นปลาหมึก ถ้าไปซัปโปโรก็จะเจอในเวอร์ชั่นหอนาฬิกา ถ้าไปโซนฟุราโนะ ก็จะเจอในร่างของหมาจิ้งจอก เป็นต้น นิสัยใจคอของคยุนจัง จริงๆแล้วจะแอบขี้เเยและขี้กลัวบ้างเป็นครั้ง แต่ลึกๆแล้วมีจิตใจที่เข้มแข็งมาก เวลาชอบอะไรจะชอบขยับจมูก คยุนจังในชุดปกติจะไม่กินเนื้อสัตว์ แต่บางครั้งถ้าเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อื่นก็กลายเป็นชอบเนื้อเจงกิสข่านหรือเนื้อแกะขึ้นมาทันทีครับ
ใครไปเที่ยวฮอกไกโด อย่าลืมมองหาคยุนจังนะครับ น่ารักขนาดนี้ ถ้าโปรโมทเยอะๆหน่อย ดังไม่แพ้คุมะมงแห่งเกาะคิวชูแน่นอน ^^
ขอบคุณภาพจาก キュンちゃん
ขอข้ามเวลา มาถึงขากลับกันเลยนะครับ เราพักค้างคืนที่โรงแรม Prince Hotel Sapporo ก่อนเดินทางกลับ
ฝั่งตรงข้ามของโรงแรม มีรถบัส Airport Liner มารับ-ส่งถึงที่ งานนี้เลยต้องใช้บริการสักหน่อย
ค่าโดยสาร คนละ 1,030 เยน เท่านั้น ดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่ารถไฟก็จริง แต่ถ้านึกสภาพเวลาเรามีสัมภาระเยอะๆ และพักไกลจากสถานี JR Sapporo กว่าจะลากกว่าจะขนกระเป๋าไปถึงสถานี ให้ทันรอบรถไฟ ก็ใช้เวลาพอกัน แถมเหนื่อยมากกว่าอีกครับ เพราะฉะนั้น Airport Liner จึงเป็นทางเลือกที่ดีมาก สำหรับคนที่ของเยอะ และไม่อยากจะถ่อไปถึงสถานีนั่นเอง
ถึงสนามบินแล้ว สบายๆ ไม่เร่งรีบ คุณลุงคนขับช่วยยกกระเป๋าให้ด้วย น่ารักสุดๆ
ไฟลท์กลับบ้าน TG671 ออกตรงเวลานะครับ ^^
ณ เคาน์เตอร์เช็คอินของการบินไทย ที่คนน้อยเพราะคนอื่นๆเค้าเช็คอินกันไปหมดแล่ว~
ใครนั่งโซนไหน เชิญเข้าแถวได้ตามสะดวกเลยครับ การไปเช็คอินท้ายๆ ก็มีข้อดี ถ้าเวลาไฟลท์ไม่เต็ม เราจะขอเลือกที่นั่งว่างได้ แต่ถ้าไฟลท์เต็มขึ้นมาละก็ เราก็จะอดเลือกที่นั่งตามใจชอบ เพราะที่นั่งดีๆคนที่มาเช็คอินก่อนอาจจะขอไปหมดแล้ว
สรุปก็ขึ้นอยู่ดวงอยู่ดีนั่นละครับ
ผ่านด่านตรวจความปลอดภัย โบกมือบ้ายบาย เจ้าหน้าที่จาก Hokkaido Tourism และ JTB เป็นที่เรียบร้อย ผ่านตม. เข้ามาเพียงแค่อึดใจเดียว ก็ถึงโซนช้อปปิ้งของฝากกันแล้วครับ ร้านข้างในนี่ของน้อยกว่าข้างนอกเยอะ ถ้าใครอยากจะช้อปของฝาก แนะนำให้มาก่อนเวลาสัก 3 ชั่วโมงแล้วช้อปของด้านนอกเลยดีกว่าครับ
แต่ก็ใช่ว่าด้านในจะไม่มีอะไรให้ซื้อเลย ของไฮไลท์ก็ยังมีอยู่เต็มๆ พี่ไทยเราขาช้อปอยู่แล้ว ร้านคนแน่นมากๆ
Duty Free Shop อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านบรรดาของฝากต่างๆ ดูเงียบเหงาไปถนัดตา
เพราะพวกเรามามุงกันอยู่แถวนี้ละครับ 😀
Shiroi Koibito เอย Royce เอย KitKat เอย Pocky เอย มีครบทุกรสครับ
บางคนนี่ขอซื้อยกลัง แบกกลับไปเป็นโหลๆ แต่พนักงานก็ขยันเติมของกันตลอดไม่ขาดสาย
ประตูทางออกของเราในวันนี้คือ หมายเลข 66 ครับ
ด้านขวามือจะมีร้าน Duty Free Shop LAOX เป็นแนวๆเครื่องใช้ไฟฟ้า ของสะสม กระจุ้กกระจิ้ก
เครื่องแอบหลบอยู่ด้านหลัง เลยไม่มีภาพเต็มๆตามาฝากกัน เสียดายจังเลย
ได้ช็อตนี้มาก็คือเดินเข้ามาด้านใน จะถึงประตูเครื่องอยู่แล้วครับ
วันนี้นั่งแถว 38A คนน้อยกว่าขามา ยืดขาได้สบายๆเลย 😀
บรรยากาศในเคบิ้น
ไม่แน่ใจว่าเป็นเครื่องเดิมที่มาส่งเราวันก่อนรึเปล่าน้า
ที่นั่งในเครื่อง Boeing 777-300 ไม่เเคบเท่าไหร่นะครับ ถ้าเทียบกับ A330-300
เพียงแต่จะลำบากกว่าก็ตรงที่ต้องนั่ง 3 ที่ติดกัน เวลาจะลุกออกนี่ เกรงใจคนข้างๆเค้า
เริ่มไต่ระดับ พร้อมบินยาวกลับบ้านแล้ว ไฟลท์ไทม์วันนี้ 6 ชั่วโมง 25 นาทีครับ
ของว่างสักหน่อย
มื้อใหญ่มีให้เลือกเป็นเมนู ปลาย่าง กับ ทงคัตสึครับ
ของว่างก่อนแลนดิ้ง เป็นข้าวปั้น กับ ขนมปัง
เดินทางถึงสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพแล้วครับ
หลังจากการบินไทยเปิดเที่ยวบินตรงให้บริการในเส้นทางนี้ ทางเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวฮอกไกโดปลาบปลื้มใหญ่เลยครับ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปเที่ยวเกาะฮอกไกโดนั้นเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัวมาก เสน่ห์ของเกาะฮอกไกโดนั้นมีอยู่มากมาย รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ดังนั้นเกาะฮอกไกโดก็จะยังคงเป็นจุดหมายที่คนไทยเลือกเดินทางไปอันดับต้นๆต่อไป ถ้ามีจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มเที่ยวบินในอนาคต เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้นไปอีก
ทางเราจะอัพเดทและรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่ได้ไปมาในทริปนี้ให้เพื่อนๆที่กำลังจะวางแผนไปเที่ยวฮอกไกโดได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องนะครับ และ สุดท้ายนี้ทางเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม ขอขอบคุณ การบินไทย และ การท่องเที่ยวฮอกไกโด สำหรับการเดินทางอันแสนสุดพิเศษในครั้งนี้ มา ณ ที่นี่ด้วยครับ