แชร์ประสบการณ์เที่ยว จังหวัดคาโกชิมะ และ จังหวัดมิยาซากิ ด้วยรถไฟขบวนพิเศษจาก JR Kyushu ที่ภูมิภาคคิวชู ซึ่งมีรถไฟท่องเที่ยวที่มีดีไซน์สวยงามเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอก และภายในรถไฟที่ต่างกันออกไปในแต่ละขบวน โดยผสมผสานกับเรื่องราวท้องถิ่นเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หรือเรียกว่ารถไฟ “D&S” (Design & Story) นั่นเอง 

อ่านตอนแรกได้ที่นี่ >> Kyushu: เที่ยวจังหวัดคาโกชิมะ ด้วยรถไฟท่องเที่ยว JR Kyushu ขบวนพิเศษ

ในทริปนี้เป็นการเที่ยวด้วยตัวเองด้วยการนั่งรถไฟขบวนพิเศษถึง 3 ขบวน ในเส้นทางต่างๆ ดังนี้

  1. รถไฟ IBUSUKI NO TAMATEBAKO: จากสถานี Kagoshima-chuo – สถานี Ibusuki
  2. รถไฟ 36ぷらす3 (36 plus 3): จากสถานี Kagoshima-chuo – สถานี Miyazaki
  3. รถไฟ UMISACHI YAMASACHI: จากสถานี Miyazaki – สถานี Obi

สำหรับตอนนี้เราจะใช้ JR Kyushu Rail Pass แบบ All Kyushu Area กันต่อ ออกเดินทางจังหวัดคาโกชิมะ ไปจังหวัดมิยาซากิ ด้วยรถไฟท่องเที่ยวขบวนล่าสุดจาก JR Kyushu แวะพักที่ตัวเมืองมิยาซากิกันก่อน โดยมีไฮไลต์อยู่ที่เมืองโอบิ และ เกาะอาโอชิมะ ที่เรียกได้ว่าเป็นมุมสุดอันซีนของคิวชู ที่หลายคนยังไม่รู้จัก

JR Kyushu Rail Pass มี 3 ประเภทแบ่งเป็น All Kyushu Area / Northern Kyushu Area / Southern Kyushu Area ดูรายละเอียดที่นี่ >> JR KYUSHU RAIL PASS


36ぷらす3 (36 plus 3) รถไฟท่องเที่ยวรอบคิวชู

รถไฟ “36+3” อ่านว่า ซันจู-โรคุ พลัส ซัน รถไฟท่องเที่ยวขบวนล่าสุดจาก JR Kyushu ให้บริการรอบคิวชู ชื่อรถไฟมาจากเกาะคิวชูเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกลำดับที่ “36” และ “+3” นั่นก็คือ ผู้โดยสาร, ชุมชนท้องถิ่น และ JR Kyushu โดยรวมแล้วเป็นจำนวน 39 สามารถอ่านเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ว่า ซังคิว ที่พ้องกับภาษาอังกฤษแปลว่า Thank you ได้ด้วย รถไฟ 36 plus 3 จึงเป็นรถไฟที่เชื่อมทุกจังหวัด ผู้คนท้องถิ่น และผู้โดยสารไว้ด้วยกันผ่านการเดินทางในแต่ละเส้นทาง

แบ่งเป็น 5 เส้นทางในแต่ละวัน เดินทางครอบคลุมทุกจังหวัดในภูมิภาคคิวชู

  • เส้นทางวันพฤหัสบดี : Hakata – Kumamoto – Kagoshima-chuo
  • เส้นทางวันศุกร์ : Kagoshima-chuo – Miyazaki
  • เส้นทางวันเสาร์ : Miyazaki airport – Beppu
  • เส้นทางวันอาทิตย์ : Oita – Hakata
  • เส้นทางวันจันทร์ : Hakata – Nagasaki (มีทั้งไปและกลับ)

ขบวนรถไฟมีสีดำเงา ตัวอักษรสีทอง ภายในมีการตกแต่งที่สวยงามประดับตกแต่งด้วยไม้, ไม้ฉลุ, กระเบื้องสีสันสวยงามทุกส่วนของรถไฟทำด้วยความประณีต ให้ความรู้สึกหรูหรา

โดยทุกขบวนเป็นที่นั่งแบบ Green ในแต่ละขบวนมีการตกแต่งที่ที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งห้องแบบส่วนตัว, ห้องสำหรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ (ประตูจะกว้างกว่าห้องปกติ), มีโซนเก็บกระเป๋าใบใหญ่, ขบวนที่มีที่นั่งเป็นห้องอาหาร, ขบวนที่เป็นห้องส่วนกลางเอนกประสงค์สำหรับผู้โดยสารที่สนใจทำกิจกรรมเวิร์คช็อป เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์บาร์ที่ผู้โดยสารสามารถซื้อเครื่องดื่มท้องถิ่น และของที่ระลึกได้ด้วย

วันที่เราเดินทางคือเส้นทาง สถานี Kagoshima-chuo ไปยังสถานี Miyazaki เมนูเบนโตะจะเปลี่ยนไปตามเส้นทางการให้บริการ โดยเบนโตะจะเป็นอาหารท้องถิ่นของจังหวัดต้นทางและปลายทาง ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ

ตลอดเส้นทางการนั่งรถไฟสามารถเพลิดเพลินกับวิวที่สวยงามได้ ทั้งวิวทะเล, ภูเขาไฟซากุระจิมะ, เทือกเขาคิริชิมะ, ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และบ้านเรือนผู้คนท้องถิ่น นอกจากนี้รถไฟจะจอดสถานี Osumi-Okawara เพื่อให้ผู้โดยสารลงไปเดินเล่น ตรงหน้าสถานีมีร้านค้าเล็กๆ เราสามารถอุดหนุน ซื้อของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากชุมชนได้ด้วย


1. AMU Plaza Miyazaki

ห้าง AMU เปิดใหม่ใกล้กับสถานีมิยาซากิมีจุดชมวิวบนชั้นดาดฟ้า และศาลเจ้าคุ้มครองเรื่องการเดินทางด้วย ที่จุดชมวิวมีสวนสวยขนาดย่อมสามารถไปถ่ายรูป และนั่งเล่นได้ นอกจากนี้ภายในห้างยังมีร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่น, รองเท้า, สินค้าน่ารักๆ, โซนร้านอาหาร และคาเฟ่ เป็นต้น


2. เนื้อมิยาซากิ

ร้านที่เรามาทานยากินิคุ ชื่อว่า Kokaen ขายเฉพาะเนื้อมิยาซากิระดับ A4 และ A5 ทั่วทั้งโลกมีแค่ 483 ร้านเท่านั้นที่ได้การรับรองขายเนื้อมิยาซากิ และร้านนี้คือร้านที่ได้รับการรับรองหมายเลข 1 หรือร้านแรกในจังหวัดมิยาซากิ นุ่มและละลายในปาก อร่อยมากๆ


Day 3

วันนี้เรามีเวลาเที่ยวอีกเต็มวัน เพราะว่าเราจะเดินทางกลับไปยังฟุกุโอกะด้วยเครื่องบินเวลา 20:40 น. จึงเริ่มต้นวันด้วยการนั่งรถไฟท่องเที่ยว UMISACHI YAMASACHI ไปยังเมืองโอบิ (Obi) จากนั้นไปเกาะอาโอชิมะ (Aoshima)

③ รถไฟท่องเที่ยว UMISACHI YAMASACHI

รถไฟขบวน Limited Express Umisachi Yamasachi มีความหมายว่า “ความสุขของทะเล และ ความสุขของภูเขา”  เป็นรถไฟท่องเที่ยวขบวนพิเศษของเมืองมิยาซากิ ให้บริการระหว่างสถานี Miyazaki และสถานี Nango เป็นรถไฟที่เลียนแบบของเล่นไม้ ตัวรถไฟมีการตกแต่งโดยใช้ไม้สนโอบิ และภายในรถไฟมีของเล่นไม้ประดับตกแต่งอยู่ด้วย

รถไฟขบวนนี้จะมีอยู่สองส่วน โดยส่วนขบวนหน้านั้นจะถูกตกแต่งด้วยธีมทะเล และส่วนท้ายขบวนจะถูกตกแต่งธีมภูเขา ในช่วงเวลานั่งรถไฟ จะได้เห็นวิวธรรมชาติตั้งแต่ภูเขาและป่าไม้ ไปถึงทะเล และชายหาดตลอดทั้งเส้นทาง เป็นเหตุผลที่มาของชื่อรถไฟขบวนนี้นั่นเอง

ระหว่างนั่งชมวิว มีพนักงานต้อนรับบนรถไฟเล่าตำนานพื้นบ้านของเทพเจ้า Umisachi-Hiko และ Yamasachi-Hiko พร้อมรูปภาพประกอบด้วย น่ารัก และเข้าใจง่ายมากๆ อย่าลืมสั่งขนมและเครื่องดื่มอย่าง ชีสมันจู และ ไซเดอร์มะม่วงที่เป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดมิยาซากินะ

เราลงที่สถานี Obi เมื่อรถไฟจอดเทียบที่ชานชาลาก็มีชาวบ้านสวมชุดซามูไรมารอต้อนรับเลย อบอุ่นมากๆ เลยขอถ่ายรูปสักหน่อย จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเมืองรอบปราสาทโอบิเพื่อทานข้าวกลางวัน


3. เมืองรอบปราสาทโอบิ

โอบิ (Obi) เมืองรอบปราสาทเล็กๆ ซึ่งบางครั้งรู้จักกันในชื่อ “ลิตเติ้ลเกียวโต” เนื่องจากมีถนนสายโบราณ และอาคารเก่าแก่มากมาย ระหว่างทางตามทางเดินไปยังซากปราสาทโอบิ มีจุดชมปลาคาร์ปสีสันสดใสที่ว่ายในทางระบายน้ำใสริมถนนด้วย ในวันที่เราไป ต้นบ๊วย และซากุระบางสายพันธุ์เริ่มบานแล้วด้วยสวยงามมากๆ แวะที่ร้านโอบิเทน ของขึ้นชื่อเมืองโอบิ จากนั้นก็เดินต่อไปยังเนินสนซีดาร์โอบิที่เรียงรายสวยงามให้ความร่มรื่นย์เป็นอย่างมาก


4. ประตูโอะเทะมง ปราสาทโอบิ

ในอดีตโอบิมีความเจริญรุ่งเรืองเห็นได้จากอาณาเขตของปราสาทที่กว้างขวางของผู้ปกครองอิโตะแห่งอาณาจักรโอบิมานานถึง 280 ปี นับตั้งแต่ค.ศ. 1588 ถึงต้นยุคเมจิ ประตูโอะเทะมงถูกทำลายลงในค.ศ. 1871 และได้รับการบูรณะใน 107 ปีต่อมา 


5. ร้าน Gallery Kodama

อีกหนึ่งของขึ้นชื่อของจังหวัดมิยาซากิคือปลาคัตสึโอะ ที่ร้านนี้เสิร์ฟในรูปแบบปลาคัตสึโอะดิบหมักซอสงาบดโชยุ วิธีการรับประทานมีสามแบบ ทานดิบ, ย่าง และโอฉะสึเกะ (ใส่น้ำซุปลงในข้าว) อร่อยทั้งสามแบบเลยทีเดียว


6. เกาะอาโอชิมะ

มีศาลเจ้าตั้งอยู่บนเกาะที่เชื่อมด้วยสะพานข้าม ระหว่างทางเข้าศาลเจ้า จะมีหินเรียงกันเป็นเส้นๆ เกิดจากการกัดกร่อนของคลื่นทะเล คนญี่ปุ่นจึงจินตนาการเห็นลายหินเหล่านี้เป็น “Devil’s Washboard” หรือ “กระดานซักผ้ายักษ์” บริเวณหาดยังมีเปลือกหอยขนาดเล็กกระจายอยู่ทั้งหาด สามารถหาเปลือกหอยที่ชอบไปวางไว้ที่ขอพรภายในศาลเจ้าเพื่อเป็นอนุสรณ์ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีรถตุ๊กๆ ที่คุ้นตารับส่งระหว่างหาด และศาลเจ้าด้วยนะ

นอกจากนี้รอบเกาะยังมีพืชพรรณเขตร้อนหลายสายพันธุ์ เมื่อข้ามกลับไปยังเกาะหลักมีถนนคนเดิน ร้านคาเฟ่ที่เราสามารถนั่งชิลรับลมทะเลพร้อมจิบกาแฟ, เครื่องดื่ม, ของว่างทานเล่น และขนมได้ด้วย


7. ศาลเจ้าอาโอชิม

ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima jinja) ขึ้นชื่อเรื่องความรัก มีเครื่องราง และการขอพรเจาะจงเกี่ยวกับเรื่องความรักมากมาย เช่นเซียมซีรูปลูกศรความรัก ด้ายหลากสี ไว้ผูกกับเชือกต้นตาลคู่เพื่อขอพร โดยเฉพาะเรื่องความรักเป็นต้น 

ด้านในตัวศาลเจ้า จะมีจานดินเผาขอพรให้เราถือขึ้นมาตรงหน้า และกระซิบขอพรใส่จาน จากนั้นลองพยายามโยนให้เข้าช่อง หากโยนเข้า สิ่งที่ขอพรจะเป็นจริง แต่ถ้าโยนไม่เข้าแล้วจานดินเผาแตก จะได้รับความโชคดีกลับบ้าน เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอนกับจานดินเผาขอพร


8. สนามบินมิยาซากิ (Miyazaki Airport)

ห่างจากสถานีมิยาซากิเพียง 10 นาที ด้วยรถไฟ Local นั่งสบายๆ 2 ป้าย สะดวก และใกล้มากๆ ภายในสนามบินไม่ได้ใหญ่มาก แต่ทุกอย่างครบครันทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของฝากขนาดใหญ่บริเวณชั้น 2 และเมื่อเข้ามารอที่หน้า gate ก่อนขึ้นเครื่องบิน ก็ยังมีร้านขายของฝากขนาดเล็กอยู่ด้วย

และแล้วก็จบการรีวิวสำหรับทริปเที่ยวรถไฟขบวนพิเศษทั้งสามขบวนที่จังหวัดคาโกชิมะ และมิยาซากิ จะเห็นได้ว่ารถไฟคิวชูทุกขบวนมีการตกแต่ง โดยผสมผสานกับเรื่องราวในท้องถิ่น และตำนานพื้นบ้านได้อย่างลงตัวมากๆ การใส่ใจการตกแต่งทุกกระเบียดนิ้ว ความสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกในรถไฟ ทำให้การนั่งรถไฟนานๆ เป็นเรื่องสนุก และเพลิดเพลินไปกับการเดินทาง เมื่อจบทริปความทรงจำอันสนุกสนานยังคงหลงเหลืออยู่ และรอคอยวันที่จะได้กลับไปนั่งรถไฟขบวนพิเศษอีกครั้ง