Photo & Story by Flying Whale วาฬมีปีก for เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม

MASHIKE

ฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องของผลไม้แสนอร่อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะที่ สวนผลไม้มารุเซ็นซาโต้ (Maruzen Sato Orchard) แห่งเมือง มะชิเคะ (Mashike)

สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเล ด้วยความเฉพาะตัวของทำเลที่ตั้ง ทำให้มีอุณหภูมิที่เเตกต่างกันอย่างมาก ระหว่าง ช่วงที่อากาศร้อน และหนาวจัด ซึ่งส่งผลดีต่อ ความหวานและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ของผลไม้ในสวนนั่นเองครับ

หากใครจะมาเที่ยวช่วงเดือนต.ค.จะเป็นฤดูของ องุ่น แอปเปิ้ล และ ลูกพรุน พอดี โดยเราสามารถเก็บกินได้แบบไม่อั้นในราคา 850 เยน ต่อคน ส่วนตัวแล้วแอดมินชอบองุ่นเป็นพิเศษ เพราะมีรสสัมผัสที่แปลกดี คือจะไม่กรอบมากแบบที่เราคุ้นเคย แต่จะออกนิ่มๆ ให้ความรู้สึกคล้ายเยลลี่ รสชาติ หวาน และอร่อยมากๆ

  • การเดินทาง: แนะนำให้ขับรถจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด จากซัปโปโรขับมาที่สวนใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที พิกัด
  • เวลา: 9.00 – 17.00 (เช็ควันเวลาเปิดปิดจากเว็บไซต์)
  • ราคา: 850 เยน
  • เว็บไซต์

mashike 01

mashike 02

mashike 03


สถานที่ต่อมา เราไปกันที่ โรงกลั่นเหล้าสาเกคุนิมาเระ (Kunimare Sake Brewary) มีอายุกว่า 100 ปี และเป็นเจ้าแรกในฮอกไกโดอีกด้วย รสชาติเหล้าสาเกของคุนิมาเระนั้น ได้รับการการันตีถึงความยอดเยี่ยม จากรางวัลมากมาย ถือเป็นหนึ่งในเหล้าสาเกที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเลยครับ

คุนิมาเระ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกระบวนการผลิต และทดลองชิมเหล้าสาเก ในบรรยากาศของอาคารโรงกลั่นแบบดั้งเดิม ที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี การเที่ยวชมในครั้งนี้ ทำให้เราได้รู้ว่า การหมักเหล้าสาเกเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีนั้น เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเต็มไปด้วยความพิถีพิถันอย่างแท้จริง

  • การเดินทาง: จากสถานี Sapporo นั่งรถไฟ JR สาย Super Kamui ปลายทาง Fukagawa (ประมาณ 1 ชั่วโมง) และเปลี่ยนขบวนไปสถานี Rumoi อีกประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถบัส Rumoi-Betsukari ลงป้าย Mashikeใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แนะนำว่าให้ขับรถจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด จากซัปโปโรขับมายังโรงสาเกใช้เวลา 2 ชั่วโมง) พิกัด
  • เวลา: 9.00 -17.00
  • เว็บไซต์

mashike 04

mashike 05

mashike 06


ทริปนี้มาตะลุยแดนเหนือสุดทั้งที แน่นอนว่าไฮไลท์อยู่ที่อาหารทะเล มาถึงที่แล้วต้องตระเวนหาร้านซูชิชื่อดังให้ได้ และเราก็ได้มาเจอ Matsukura Sushi Restaurant ร้านเด็ดของเมืองมะชิเคะ ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่ เมนูข้าวหน้าปลาดิบรวมชามยักษ์ !!

ที่มีเงื่อนไขพิเศษว่า หากใครสามารถกินหมดด้วยตัวคนเดียวได้ ก็รับไปเลย ส่วนลดถึง 800 เยน จากราคาเต็ม !! บอกเลยว่าสายกินจุต้องไปโดน ซึ่งนอกจากได้ร่วมสนุกกับแคมเปญนี้แล้ว รับรองว่าจะต้องอร่อยจนน้ำตาไหล

  • การเดินทาง: จากสถานี Sapporo นั่งรถไฟ JR ขบวน Super Kamui ปลายทาง Fukagawa (ประมาณ 1 ชั่วโมง) และเปลี่ยนขบวนไปสถานี Rumoi อีกประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถบัส Rumoi-Betsukari ลงป้าย Mashikeใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แนะนำว่าให้ขับรถจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด จากซัปโปโรขับมายังร้านใช้เวลา 2 ชั่วโมง)
  • เวลา: 11.00 – 21.00
  • เว็บไซต์

mashike 07

mashike 08

mashike 09

mashike 10

mashike 11

mashike 12

mashike 13


ถนนสายประวัติศาสตร์มะชิเคะ (Mashike Historic Walk) ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือน และร้านค้า ของตระกูลฮอนมะ (Honma) ตระกูลพ่อค้าผู้ร่ำรวยจาก กิจการผ้าทอ โรงเหล้า และการขนส่งทางทะเลในอดีต ไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อาคารหลายแห่งยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงการตกแต่งภายใน และข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนให้ได้ชมกัน

  • การเดินทาง: จากสถานี Sapporo นั่งสาย Super Kamui ปลายทาง Fukagawa (ประมาณ 1 ชั่วโมง)แล้วเปลี่ยนขบวนไปสถานี Rumoi อีกประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจากสถานี Rumoi ให้นั่งรถบัส Rumoi-Betsukari ลงป้าย Mashikeใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แนะนำว่าให้ขับรถจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดจาก Sapporo มายังเมืองมะชิเคะใช้เวลา 2 ชั่วโมง) พิกัด

mashike 14

mashike 15


IWAMIZAWA

โรงปั้นเซรามิกโคบุชิ (Kobushi Kiln Pottery-Making Workshop at Rokuro Studio) เป็นทั้งแกลอรี่ และร้านขายเครื่องเซรามิกในที่เดียวกัน โดยที่นี่เป็นโรงปั้นเซรามิกแห่งแรกของฮอกไกโดเลยครับ ปัจจุบันสืบทอดกิจการกันมาถึง รุ่นที่ 3 ของตระกูลแล้ว

  • การเดินทาง: จาก Sapporo นั่ง JR สาย Hakodate ลงสถานี Iwamizawa ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นใช้บริการแท็กซี่ หรือเช่ารถขับจากซัปโปโร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที พิกัด
  • เวลา: 9.30 – 17.00

iwamizawa 01

ไฮไลท์อยู่ที่ ลวดลายของเนื้อดิน และสีสันของชิ้นงาน ที่ไม่เหมือนใครในญี่ปุ่น จัดว่ามีความสวยงามมากๆ ใครที่สนใจก็สามารถทดลองปั้นได้ด้วย โดยต้องจองคอร์สล่วงหน้าผ่านทาง E-mail

iwamizawa 02


เกาะฮอกไกโดมีไร่องุ่นที่ผลิตไวน์คุณภาพชั้นดีอยู่หลายแห่ง และที่เมืองอิวะมิซาวะ ไม่ไกลจากซัปโปโร ก็เป็นที่ตั้งของ โรงกลั่นไวน์โฮซุย (Hosui Winery) นอกจากจะมีไวน์ฮอกไกโดรสชาติดี ให้เราได้ลิ้มลองกันแล้ว ยังมีไร่องุ่นขนาดใหญ่ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ด้วยครับ

iwamizawa 04

ตัวไร่องุ่นของโฮซุยนั้น มีความพิเศษอยู่ตรง ทัศนียภาพอันสวยงามของทำเลที่ตั้ง ซึ่งโอบล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ ทั้งยังเคยเป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ ยิ่งการันตีได้ว่าวิวดีงามอย่างแน่นอน

iwamizawa 12

เนื่องจากโรงกลั่นไวน์ ถือเป็นไฮไลท์ด้านการท่องเที่ยวของเมืองอิวะมิซาวะ ทางเมือง จึงมีทัวร์รถแท็กซี่แบบเหมา (4-8 ชั่วโมง) ไว้ให้คอยบริการพา ตระเวนชิมไวน์ และท่องเที่ยวในสถานที่อื่นๆ ช่วยให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ หากจะต้องมาขับรถเช่าต่อนั่นเองครับ

  • การเดินทาง: จากสถานี Sapporo นั่งรถไฟ JR สาย Hakodate ลงสถานี Iwamizawa ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นใช้บริการรถแท็กซี่ประจำเมืองในการทัวร์โรงไวน์ (4 ชั่วโมง 8,000 เยน) พิกัด
  • เวลา: 10.00 – 17.00
  • เว็บไซต์

iwamizawa 07

iwamizawa 03

 

iwamizawa 11

ไม่ไกลกันมากแวะไปเที่ยวที่ ไร่กุหลาบอิวะมิซาวะ (Iwamizawa Rose Garden) แต่น่าเสียดายที่ เป็นฤดูใบไม้ร่วง จึงมีเพียงไม่กี่ชนิดที่บานในช่วงนี้

iwamizawa 08

หลังจากนั้นก็ไปกินพิซซ่าที่ร้านดัง Pizzeria LUCCI รสชาตดีงามมากๆ พิกัด

iwamizawa 09

iwamizawa 10


iwamizawa 05

โรงแรม ล็อกเมเปิล อิวะมิซาวะ (Log Maple Iwamizawa) อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่โรงแรมแห่งนี้ ไม่ธรรมดาครับ ถือเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์ก ประจำช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ต้องแวะมาถ่ายรูปกันให้ได้เลย ใครที่ชอบ ต้นเมเปิล, จิบกาแฟ, ปั่นจักรยาน ตลอดจน ดูดาวบนท้องฟ้าอันปลอดโปร่ง ในบรรยากาศสุดชิลล์ แล้วล่ะก็ ยิ่งห้ามพลาดเด็ดขาดครับ นอกจากนี้ ในปีหน้า ทางโรงแรมยังวางแผนที่จะ เปิดสวนแอปเปิ้ลให้เราได้เข้าไปเก็บกินกันแบบสดๆอีกด้วย

การเดินทาง: จาก Sapporo นั่ง JR สาย Hakodate ลงสถานี Iwamizawa ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นขึ้น Manji route bus ที่ไปยัง Moyo Koryu Center ลงที่ Maple Lodge-mae (ใช้เวลา 40 นาที) พิกัด

iwamizawa 06