โรงแรมแคปซูลที่ชื่อว่า 9h nine hours เปิดตัวสาขาที่ 2 ที่สนามบินนาริตะ แคปซูลที่นี่ทั้งสะดวกและสบาย เรียบง่ายแต่ครบครัน หมดห่วงเรื่องการขึ้นรถไฟ เวลาเดินทางถึงสนามบินด้วยเที่ยวบินดึกเกินไป หรือมีเที่ยวบินต่อในเช้าตรู่ เพราะสถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่ของคุณ
ถ้าเดินทางถึงสนามบินนาริตะ ให้มาที่อาคาร 2 ลงมาที่ชั้นใต้ดินจะมีป้ายบอกตลอดทาง เด่นชัด ทุกมุมเสา
เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ให้เช็คอินที่ด้านหน้าได้เลย ไม่ว่าจะมาถึงเวลาไหนก็สามารถทำการเช็คอินได้ตลอด 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะให้จ่ายเงินเลย พร้อมกับกุญแจล็อกเกอร์ ที่เป็นเลขเดียวกับตู้แคปซูล และถุงยังชีพ ที่ด้านในมีชุดให้เปลี่ยน รวมไปถึงผ้าขนหนู และอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ
ราคาเริ่มต้นต่อคืนที่ 4,900 เยน หรือจะพักเป็นชม.เริ่มต้นที่ 1,500 เยนสำหรับ 2 ชม.แรก และชม.ต่อไปเพิ่ม 500 เยน
ฝั่งของผู้ชายกับผู้หญิงจะอยู่แยกกันคนละด้าน หลังจากเปิดประตูเข้ามา จะพบกับห้องที่มีตู้ลอกเกอร์เรียงยาว ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดที่เราเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บสัมภาระชิ้นใหญ่ไว้ในตู้ลอกเกอร์ทั้งหมด และนำไปเฉพาะข้าวของชิ้นเล็กๆและอุปกรณ์อาบน้ำเท่านั้น ถ้าเจอคนญี่ปุ่น ตรงนี้แก้เปลือย 100% นะครับ ไม่ต้องเขอะเขิน ถอดเป็นถอด >_<
ที่สำคัญถอดรองเท้าออกและเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ที่ทางที่พักจัดให้ (อยู่ในถุงยังชีพ) และให้ไปยังด่านต่อไป คือส่วนของห้องน้ำ หรือจะเลี้ยวเข้าโซนแคปซูลเพื่อเก็บสัมภาระเล็กน้อยก่อนก็ได้
พามาชมห้องน้ำกันก่อนนะครับ ทุกอย่างที่นี่จะใช้เป็นภาพสัญลักษณ์ ไม่มีคำอธิบายอะไรมาก เป็นการออกแบบที่มีเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่พักแห่งนี้ เหมือนหลุดเข้ามาในยานอวกาศหรือโลกอนาคตเบาๆ โทนสีก็จะเห็นเป็นขาว-เทา-ดำ เท่สุดๆ
การจัดวางทุกอย่างเรียบร้อย ดูสะอาดสะอ้าน ทำให้เรารู้สึกเกรงใจไม่กล้าทำสกปรกไปด้วยเลย
ห้องน้ำก็เป็นแบบอัตโนมัติ ถึงจุดนี้คงไม่ต้องบอกแล้วนะครับ ว่าปุ่มไหนเอาไว้ทำอะไร ภาพค่อนช้างชัดเจน ^^
ที่ทิ้งขยะ อยากจะยืมไอเดียมาใช้บ้าง อย่าลืมทิ้งให้ถูกประเภทนะครับ
ต่อมาเป็นโซนอาบน้ำ ที่ผิดกับโรงแรมแคปซูลทั่วไปคือ ไม่มีบ่ออาบน้ำรวม แต่เป็นห้อง Shower แยกเป็นส่วนตัวแทน
ห้องอาบน้ำใหญ่โตโอ่อ่ามาก มีที่วางของด้านนอก แบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน
ผลิตภัณฑ์ของโรงแรมดูน่าใช้
อาบน้ำเสร็จ ก็ได้เวลาเข้าที่นอนกันแล้ว ตามป้ายแคปซูลไปเลย จากจุดนี้ไปห้ามส่งเสียงดังแล้วนะครับ
พอเปิดประตูมา ก็เหมือนกับหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง ทุกอย่างมืด แต่มีแสงสลัวลอดออกมาเป็นปล้องๆ บางตู้ก็มีคนนอนพักอยู่ สังเกตุได้จากม่านที่ปิดลงมา ทีนี้เราก็เดินหาตู้ที่ตรงกับเบอร์ลอกเกอร์ของเรา มีชั้นล่างกับชั้นบน ถ้าเป็นไปได้เลือกชั้นล่าง จะเข้าออกได้ง่ายกว่าครับ ชั้นบนปีนยากไปนิด เพราะว่ามันมืด
และนี่คือที่นอนของเราในคืนนี้ มีฟูก หมอน ผ้าห่ม และไฟ เท่านั้น
ก่อนปิดม่าน แอบส่องไปอีกทาง ที่เห็นยาวสุดลูกหูลูกตานั่นเป็นกระจกนะครับ 😛
ภายในตู้สะอาดสะอ้าน ไม่มีกลิ่นอับ แต่หมอนกับผ้าห่มอาจจะเล็กไปสักหน่อย
นี่คือของในถุงยังชีพครับ เอากลับไม่ได้สักอย่าง ยกเว้น สลิปเปอร์ที่เป็นแบบใช้แล้วทิ้ง
ค่ำคืนนี้ก็ขอนอนพักผ่อนเก็บแรงก่อน เพราะพรุ่งนี้มีไฟลท์ไปฟุกุโอกะตอน 6 โมงเช้า เท่านี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องหารถไฟนั่งมาที่สนามบินตอนเช้าตรู่อีกต่อไปแล้ว โอยาซึมินาไซครับ