Kagoshima: ตะลุยใต้สุดเกาะคิวชู เที่ยว 2 เมืองใหญ่ Ibusuki และ Minami-Kyushu

รีวิวนี้จะพาลัดฟ้ามาตะลุยใต้สุดของ เกาะคิวชู (Kyushu) ที่ จังหวัดคะโกชิมะ (Kagoshima) โดยใช้วิธีการบินมาลงที่โตเกียว และต่อเครื่องภายในประเทศมาลงที่สนามบินคาโกชิมะเลย แต่ถ้าใครสะดวกอยากบินลงที่สนามบินฟุกุโอกะ และต่อชินคังเซ็นมาก็ทำได้เช่นกัน

ตามประวัติกล่าวไว้ว่าในสมัยโบราณ จังหวัดคาโกชิมะ มีชื่อเรียกว่า “ซัทสึมะ” เคยเป็นศูนย์กลางของซามูไรตระกูลชิมะสึมาหลายศตวรรษ  อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยยุคกลางจนถึงสมัยเอะโดะ และที่นี่ยังเชื่อกันว่ายังเป็นสถานที่เกิดและที่มั่นแหล่งสุดท้ายของท่าน ไซโก ทาคาโมริ หนึ่งในแกนนำสำคัญที่ทำการโค่นล้มระบอบการปกครองของรัฐบาลโชกุนตระกูลโทะกุงะวะ โดยท่านเองได้ถึงแก่กรรมในเหตุการณ์กบฏซัตสึมะอีกด้วย ซึ่งเราจะเห็นรูปปั้นของท่านไปทั่วทั้งจังหวัด

เครดิตภาพจาก JNTO Magazine

ในรีวิวนี้จะมีทั้งหมด 2 ตอน ตะลุย 5 เมืองในจังหวัดคาโกชิมะ โดยตอนแรกนี้จะพูดถึงเมืองใหญ่อย่าง อิบุซุกิ (Ibusuki) และ มินามิคิวชู (Minami-Kyushu) และในรีวิวตอนต่อ จะพูดถึง 3 เมืองเล็กสุดอันซีนคือ มินามิซัตสุมะ (Minami-Satsuma), มะคุระซะกิ (Makurazaki) และ มินามิโอสุมิ (Minami-Osumi)

วันแรกหลังจากเดินทางถึงสนามบินคาโกชิมะในตอนเช้า เราเช่ารถขับมุ่งหน้าตรงไปที่เมืองน้ำพุร้อนยอดฮิต อิบุซุกิ กันครับ หรือถ้าใครไม่เช่ารถขับ ก็สามารถใช้บริการรถบัสของสนามบินไปได้เช่นกัน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

นอกจากนี้การเดินทางมายังอิบุซุกิ จากสถานี Kagoshima-Chuo เราสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟขบวนพิเศษ ที่มีชื่อว่า อิบุทะมะ (Ibutama) หรือชื่อเต็มว่า Ibusuki no Tamatebako ได้ โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที อ่านรีวิวได้ >> ที่นี่

  • เดินทางไปชม ทะเลสาบอิเคดะ (Ikeda Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทร เกิดจากการระเบิดของปากปล่องภูเขาไฟเมื่อ 6,400 ปีที่แล้ว ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ

    จากจุดนี้ในวันที่อากาศดี สามารถมองเห็น ภูเขาไฟไคมงดาเคะ (Kaimondake) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ภูเขาไฟฟูจิแห่งซัตสึมะ (Satsumafuji) ที่ไม่ว่าจะไปไหนในเมือง เราก็จะมองเห็นเขาลูกนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า  ริมทะเลสาบยังมีสวนดอกไม้สวยๆตามฤดูกาล เหมาะแก่การมานั่งสัมผัสกับบรรยากาศดีๆ ซึ่งในช่วงที่เราเดินทางไป ต้อนรับด้วยทุ่งดอกนาโนะฮะนะสีเหลืองทองอร่าม

    การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Ibusuki โดยสารรถบัสสายรอบเมือง ลงที่ป้าย Ikeda Lake

    เป็นที่กล่าวขานกันว่ามีชาวบ้านเคยพบเห็นสัตว์ประหลาดเนซซี่ในทะเลสาบแห่งนี้อีกด้วย


    ไปเติมพลังกันก่อน ด้วยเมนูท้องถิ่นอย่าง นะกะชิโซเม็ง (Nagashi-somen) ที่มีวิธีการกินไม่ธรรมดา ต้องกินในน้ำวน! มันถึงจะแซ่บ ใครอยากลองต้องไปที่ร้านต้นตำรับ โทเซ็นเคียว (Tosenkyo)

    เวลาทำการ: 10.00-17.00 น. (ฤดูหนาวปิด 15.00 น.) เปิดทำการทุกวัน
    การเดินทาง: จากสถานี Kaimon โดยสารรถประจำทาง Kagoshima Kotsu ลงที่ป้าย Tosenkyo ใช้เวลา 5 นาที
    เว็บไซต์

    การทานนะกะชิโซเม็ง จะใช้เครื่องที่ทำให้เกิดน้ำวน ซึ่งเป็นน้ำสะอาดจากธรรมชาติ และใช้เเรงดันจากธรรมชาติด้วย โดยจะแบ่งเป็น 2 ชั้นคือ ชั้นน้ำวนขวาสำหรับคนถนัดขวา และ ชั้นน้ำวนซ้ายสำหรับคนถนัดซ้าย และน้ำที่ใช้แล้วจะทำการผ่านเครื่องกรองกลับสู่แม่น้ำตามธรรมชาติ

    สำหรับชุดอาหารที่สั่งจะเป็น Set A เสิร์ฟพร้อมกับข้าวปั้น ซาชิมิปลาคาร์ฟ และปลานิจิมัตสุย่าง ราคา 1,300 เยน


    เมื่อมาเยือนเกาะใต้ทั้งที แถมคราวนี้ลงมาถึงจุดใต้ของเกาะใต้ ก็ต้องขอมาชม “สถานีใต้สุด” ของญี่ปุ่นกันสักหน่อย สถานีนี้ชื่อว่า Nishi-Oyama

    มีจุดเด่นคือตู้ไปรษณีย์สีเหลือง ที่ว่ากันว่าเป็นสีแห่งความสุข และเป็นสีของดอกนะโนะฮะนะ ดอกไม้ประจำเมืองนั่นเอง

    สถานีนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำสถานี จะต้องทำการซื้อตั๋วบนขบวนรถไฟ

    ป้ายระบุตำแหน่งของสถานี JR ที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น

    เส้นทางรถไฟระหว่างสถานี Ibusuki <=> Makurazaki โดยจะแวะจอดที่สถานี Nishi-Oyama ระหว่างทาง

    ระฆังความสุข

    ฝั่งตรงข้ามสถานีมีร้านขายของพื้นเมืองและของที่ระลึก สามารถซื้อโปสการ์ดและนำไปหย่อนลงตู้ไปษณีย์สีเหลืองหน้าสถานีได้


    อิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักวังบาดาลในเรื่องอุราชิมะทาโร่ ที่ช่วยเต่าโดนทำร้าย และเต่าตัวนั้นกลายร่างเป็นเจ้าหญิง ตอบแทนบุญคุณพาไปยังวังใต้ทะเลลึก ซึ่งว่ากันว่าวังนั้นอยู่แถวที่ตั้งของ ศาลเจ้าริวงู (Ryugu Shrine) นั่นเอง

    การเดินทาง : จากสถานี Yamagawa โดยสารรถประจำทาง Kagoshima Kotsu Bus ลงที่ป้าย Nagasakibana
    เว็บไซต์

    ศาลเจ้าแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าโทโยทามะฮิเมะ (โอโตเมะฮิเมะ) ผู้ปกปักษ์รักษาท้องทะเล อีกทั้งศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีตำนานนิทานญี่ปุ่นชื่อดังของอุระชิมะทาโร่กับโอโตเมะฮิเมะ ศาลเจ้านี้มีชื่อเสียงในเรื่องของความรัก โดยการอธิษฐานจะมีเปลือกหอยในหม้อขนาดใหญ่ ให้เขียนความปรารถนา ลงบนเปลือกหอย แล้วขอพรให้ความรักสมหวัง

    อีกทั้งที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของนิทานพื้นบ้านในตำนาน อุระชิมะทาโร่ (Urashima Taro) อีกด้วย ตามตำนานชาวประมงอุระชิมะทาโร่ ได้ช่วยเต่าตัวเล็กที่ถูกเด็กใจร้ายรังแกบนชายหาดแล้วปล่อยกลับสู่ทะเลลงไป วันถัดมาในขณะที่กำลังหาปลาอยู่ก็มีเต่ายักษ์ตัวหนึ่งว่ายน้ำมาหา และต้องการตอบแทนที่ได้ช่วยชีวิตเต่าตัวเล็กเอาไว้ ด้วยการพาไปส่งที่วังมังกรที่ทำจากทองคำทั้งหมด และได้พบกับเจ้าหญิงรูปงามแห่งวังมังกร โอโตฮิเมะ (Otohime)

    อุระชิมะทาโร่ อยู่ที่วังกับเจ้าหญิงเป็นเวลาถึงสามปี ก็อยากที่จะกลับไปดูแลแม่ที่อายุมากแล้ว องค์หญิงโอโตฮิเมะ จึงให้กล่องสมบัติ ทะมะเทะบะโคะ (Tamatebako) เพื่อช่วยคุ้มครองให้ชาวประมงปลอดภัย โดยกำชับว่าห้ามปิดกล่องสมบัตินี้เด็ดขาด เต่ายักษ์ตัวเดิมก็พาไปส่งที่ชายหาดเดิมที่จากมา แต่เมื่อไปถึงชายหาดก็พบว่าทุกๆอย่าง ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหมดสิ้น ทุกคนที่รู้จักได้ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว เพราะเวลาที่วัง 3 ปี มีอายุเท่ากับเวลาบนโลกมนุษย์ถึง 300 ปี อุระชิมะทาโร่ รู้สึกเสียใจมาก จึงเปิดกล่องสมบัติขึ้น ทันใดนั้นเขาก็แก่ลงในทันที เพราะกล่องสมบัติใบนั้น เป็นกล่องที่เก็บอายุของเค้าไว้นั่นเอง


    สำหรับกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงที่นี่ นอกเหนือไปจากการแช่ออนเซ็นแล้ว ต้องไปอบทรายร้อนจากธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า ซึนะมุชิออนเซ็น (Sunamushi Onsen) ที่เมืองนี้มีสถานที่หลายแห่งที่ให้บริการอบทรายร้อน ซึ่ง โรงอบทรายร้อนซะระคุ (Sunamushi Kaikan Saraku) ได้รับความนิยมมากที่สุด และเดินทางสะดวกที่สุด

    ธรรมเนียมของการอบทรายร้อนที่นี่ หลังจากซื้อตั๋วชำระค่าบริการเรียบร้อยแล้วให้ไปที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่จะให้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 1 ผืน ผืนเล็ก 1 ผืน และชุดยูกะตะสำหรับเปลี่ยนเพื่อไปยังพื้นที่สำหรับอบทรายร้อน ยังไม่ต้องอาบน้ำ ให้เปลี่ยนชุดแล้วเดินไปด้านนอกได้เลย

    หากใครต้องการอบทรายร้อนริมชายหาดให้เดินทางมาถึงก่อน 17.00 น. เพราะถ้ามืดเกินไป โซนริมชายหาดจะปิดให้บริการ และควรตรวจสอบสภาพอากาศให้ดีก่อน หากฝนตกจะต้องเข้ามาอบทรายร้อนใต้ที่กำบังเช่นกัน ซึ่งอยู่บริเวณชายหาดเหมือนกัน

    เวลาทำการ: 8.30-21.00 น. เปิดทุกวัน
    ค่าบริการ: 920 เยน (อบทรายร้อนและออนเซ็น) 610 เยน (ออนเซ็นอย่างเดียว)
    การเดินทาง: จากสถานี Ibusuki เดินประมาณ 20 นาที หรือโดยสารรถประจำทาง 5 นาที
    เว็บไซต์

    เมื่อไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยกลบทรายให้ทั่วทั้งตัว ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเอาไว้ใช้พันรอบคอเพื่อกันไม่ให้ทรายเข้ามาโดนตัวเรา เพราะทรายค่อนข้างร้อนมาก อบประมาณ 15-20 นาที หลังจากนั้นให้ลุกขึ้นไปล้างตัวให้สะอาด ก่อนลงไปแช่ออนเซ็นให้สบายตัวอีกครั้ง


    ถ้าใครอยากไปแช่อนเซ็นแบบที่สุดของที่สุด ขอแนะนำ Healthy Land Tamatebako Onsen ที่การันตีด้วยรางวัล ออนเซ็นไปกลับดีที่สุดของญี่ปุ่นโดย Tripadvisor 4 ปีซ้อน!! ที่สามารถแช่อนเซ็นไปพร้อมกับชมวิวไคมงในระนาบเดียวกับทะเลได้

    เวลาทำการ: 9.00-19.30 น.
    ค่าบริการ: ผู้ใหญ่ 1,130 เยน เด็ก 620 เยน (สำหรับแช่อนเซ็นและอบทรายร้อน)
    การเดินทาง: จากสถานี Ibusuki โดยสารรถประจำทาง ลงที่ป้าย Healthy Land และเดินต่อ 10 นาที
    เว็บไซต์

    บ่อแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้งทะบะเทะบะโกะ (Tamatebako Outsoor Hot Springs) จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง แยกชาย-หญิง และจะสลับกันทุกวัน โดยฝั่งหนึ่งจะสามารถเห็นวิวภูเขาไคมง และอีกฝั่งจะมองเห็นวิวภูเขาสนูปปี้ได้

    ภูเขาทะเทะยะมะ (Takeyama) ทอดตัวเรียงยาว ราวกับสนูปปี้นอนอยู่ ชาวบ้านเลยเรียกกันว่า ภูเขาสนูปปี้ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ มีผู้คนเดินทางมาเพื่อถ่ายรูปเขาลูกนี้กันโดยเฉพาะเลย!!


    อบอนเซ็นทรายร้อนแบบธรรมชาติ ที่ Yamakawa Natural Sand Bath : Sayuri ต้นตำรับเพียงแห่งเดียวในโลก โดยการนอนลงบนทรายร้อน เพื่อรับเอาไอน้ำประมาณ 10-15 นาที มีผลในการช่วยล้างพิษและช่วยเพิ่มระบบการไหลเวียนโลหิตให้เลือดลมไหลเวียนดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดตามเส้นประสาท และคุณสมบัติของทรายภูเขาไฟของที่นี่ยังช่วยเรื่องลดน้ำหนักและความงดงามของผิวพรรณได้ด้วย อย่าลืมทานไข่นึ่งสีแดง (Akatamago) ที่อบจากความร้อนของไอน้ำของอนเซ็นทรายร้อน

    เวลาทำการ : 9.00 – 17.30 น. (ฤดูร้อน ก.ค.-ส.ค. ปิด 18.00 น.) เปิดทุกวัน
    ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 820 เยน เด็ก 460 เยน
    การเดินทาง: จากสถานี Ibusuki โดยสารรถประจำทาง ลงที่ป้าย Healthy Land และเดินต่อ 10 นาที
    เว็บไซต์


    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคงคงทราบแล้วว่า ภูเขาไคมง นั้นเป็นภูเขาที่มีความสำคัญมาก และถือเป็นแลนด์มาร์คที่เป็นศูนย์กลางของอิบุซุกิ และเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่คอยคุ้มครองบ้านเมืองมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงมีศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ศาลเจ้าฮิระคิคิ (Hirakiki Shrine) ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าไคมง มาตั้งแต่ปีค.ศ.708

    การเดินทาง: จากสถานี Kaimon เดินประมาณ 10 นาที

    และที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ว่ากันว่า เป็นที่เก็บหีบสมบัติทะมะเทะบะโคะ (Tamatebako) ของโมโมทาโร่ไว้อีกด้วย

    มีภูเขาไคมงเป็นฉากหลัง

    เครื่องรางต่างๆเป็นลายของหีบสมบัติและเต่า


    สำหรับค่ำคืนแรกเราพักที่โรงแรม Ibusuki Bay Hills Hotel & Spa ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถชมวิวเมืองอิบุซุกิได้อย่างสวยงาม มีห้องให้บริการหลายแบบ สนนราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 4,500 บาทต่อคน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทาง >> เว็บไซต์

    บรรยากาศภายในห้อง

    อาหารค่ำและอาหารเช้าของที่โรงแรม แนะนำว่าต้องลองให้ได้


    มาเที่ยวทุกทริป ทีมงานเราใช้พ็อกเก็ตไวไฟขอTripizee อึดทนแรงตัวจริง มาเกาะใต้ขนาดนี้ สัญญาณยังเต็มเปี่ยม เล่นได้ไม่มีสะดุด เอาเป็นว่า ใช้เองแล้วดีก็เลยเชียร์ แถมราคาไม่แพงด้วย จอง Tripizee Pocket Wi-Fi เพียงวันละ 119 บาท ใส่โค้ด JAPAN119 ได้ >> ที่นี่

  • เราเดินทางข้ามเมืองจากอิบุซุกิ มาเที่ยวที่เมือง ชิรัน (Chiran) ที่ตั้งอยู่ในเขต มินามิคิวชู (Minami-Kyushu) โดยสารรถบัสใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ถ้าพูดถึงเมืองนี้แล้ว จะต้องได้ยินชื่อของ ชิรันฉะ (Chiran Cha) ชาเขียวแห่งเมืองชิรันที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น

    โปรแกรมแรกของเช้านี้ เราเดินทางมาลิ้มลองชิรันฉะที่ มิโดริคัง (Hatanosato Midorikan) ที่มีทั้งไร่ชา โรงงานผลิตชา และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่เรียกว่า กรีนทีริซึม (Greentearism) ฝึกทำชาด้วยตัวเอง ในราคาเพียง 800 เยน และนำชาที่เราทำกลับบ้านได้

    เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
    การเดินทาง: จากสวน Onodake 大野岳公園 ขึ้นแท๊กซี่ประมาณ 10 นาที
    เว็บไซต์

    ชาเขียวที่ยังไม่ผ่านการคั่

    ทดลองทำการนวดและคั่วใบชาได้ด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นประสบการ์ณที่แปลกใหม่ดีครับ

    ผลิตภัณฑ์จากชิรันฉะ และมาสคอตชื่อว่า ฉะมูไร (ที่เป็นการเล่นคำจากคำว่า ฉะ ที่แปลว่า ชา และ ซามูไร)

    เรียนรู้วิธีการดื่มชิรันฉะที่มีเอกลักษณ์ ดื่มคู่กับขนม หอมหวานเข้ากันได้ดี

    ชาที่เราคั่วเองก็ได้รับการบรรจุลงในแพ็คเกจน่ารักแบบนี้ พร้อมนำกลับบ้าน


    มื้อเที่ยงเราไปทานอาหารกันที่ Smile Dining Seiko เป็นบุฟเฟ่ต์แบบโลคอล เป็นมื้อง่ายๆแสนอร่อย


    เดินทางย้อนยุคกลับไปในยุคสมัยเอโดะ ที่แห่งนี้ถูกขนานนามให้เป็น “เกียวโตน้อยแห่งซัทสึมะ” ชมย่านเมืองเก่าที่ในอดีตเคยเป็น บ้านพักซามูไรชิรัน (Chiran Bukeyashiki) โดยในปีค.ศ. 1981 สถานที่แห่งนี้ถูกประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ที่สำคัญสำหรับอาคารเก่าแก่

    ภายในแต่ละบ้านของซามูไรเก่าถูกจัดออกแบบให้มีสวนสวยงามถึง 7 สวน มีเพียงหนึ่งสวนเท่านั้นที่ใช้บ่อน้ำในการสร้างจริงและอีก 6 สวนถูกออกแบบให้เป็นสวนหินแบบแห้ง (Karesansui) โดยใช้หินภูเขาไฟและทรายเพื่อสื่อถึงผืนน้ำ

    เวลาทำการ : 9.00-17.00 น. เปิดทุกวัน
    ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็กประถม-มัธยม 300 เยน
    การเดินทาง : จากสถานี JR Hirakawa โดยสารรถประจำทาง ลงที่ป้าย Bukeyashiki-guchi ใช้เวลา 30 นาที
    เว็บไซต์

    บ่อน้ำรูปหัวใจที่เป็นหนึ่งใน Photo spot

    ย่านเมืองเก่าบ้านพักซามูไรชิรัง (Chiran Bukeyashiki)
    เวลาทำการ : 09.00-17.00 น.
    วันหยุด : เปิดทุกวัน
    ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็กประถม-มัธยม 300 เยน
    การเดินทาง : จากสถานี JR Kagoshima โดยสารรถประจำทาง Kagoshima City View bus ลงที่ป้าย Bukeyashiki-guchi
    เว็บไซต์


    ฝึกทำกระดิ่งที่ร้านหิ้งพระคะวะนะเบะ (Kawanabe) >> เว็บไซต์


    อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถือว่าเป็น Power spot ของเมืองมินามิคิวชู นั่นคือ ศาลเจ้าคะมะฟุตะ (Kamafuta Shrine) ที่มีความหมายตรงตัวว่า ศาลเจ้าฝาหม้อ (Kama = หม้อ / Futa = ฝา) ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรให้ได้ชัยชนะกลับมา

    โดยมีเรื่องเล่าว่า ชาวบ้านทำการหุงข้าวเพื่อฉลองให้กับการมาเยือนของจักรพรรดิเท็นจิเท็นโน แต่ทันใดนั้นเกิดลมพัดอย่างรุนแรง จนฝาหม้อปลิวมาตกลงพื้นที่ของศาลเจ้าในปัจจุบัน และเนื่องจากจักรพรรดิเป็นผู้ที่เก่งกาจมีความสามารถและชาวบ้านเคารพนับถือเป็นอย่างมาก จึงเดินทางมาขอพรที่นี่ และตั้งศาลขึ้นนับแต่นั้นมา

    การเดินทาง: จากสถานี Oguro-Ogawa เดิน 15 นาที
    เว็บไซต์

    ว่ากันว่านักกีฬาทีมชาติและนักกีฬาโอลิมปิก ต่างเดินทางมาขอพรที่นี่เพื่อให้ได้รับชัยชนะในการแข่งขัน และก็สามารถเอาชนะมาได้ แต่การจะขอพรนั้นไม่ง่าย เพราะเราต้องวางฝาหม้อหุงข้าวโบราณไว้บนหัว และเดินลอดประตูจนถึงด้านหน้าศาล โดยไม่ให้ฝาหล่นลงพื้น!

    ภายในศาลเจ้ายังมีจุดรับพลังอีก 2 จุดนั่นก็คือ เพดานที่เป็นรูปมังกรถือลูกแก้ว และ หินพลังที่ตั้งอยู่ข้างศาล

    ด้านหลังศาลมีทางเดินให้ขึ้นไปยังจุดชมวิวไคมง เพื่อรับพลังจากแสงอาทิตย์ โดยมีกิมมิคน่ารักๆคือ เก้าอี้ต่างๆทำออกมาเป็นลายฝาหม้อและทัพพีตักข้าว


    ต่อจากนั้นเราเดินต่อมาที่ สวนบันโดโคโรยะมะ (Bandokoroyama Nature Park) ที่แห่งนี้มีทางเดินเชื่อมต่อมาจากศาลเจ้าคะมะฟุตะได้ และยังเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น มองเห็นภูเขาไคมง โดยคนที่กล่าวไว้ก็คือ อิโนะทะดะทะคะ (Inotadataka) ชายผู้สร้างแผนที่ญี่ปุ่นสำเร็จเป็นคนแรก ที่เดินสำรวจพื้นที่มาแล้วทั่วประเทศ

    การเดินทาง: จากสถานี Oguro-Ogawa เดิน 15 นาที
    เว็บไซต์

    ระฆังโชคดี ที่สามารถลั่นได้ 5 ระดับ ตามความต้องการ


    และไม่ไกลกันเป็นที่ตั้งของ บ้านอนุรักษ์ม้าน้ำ (House of Seahorse) ที่สามารถเข้าไปเรียนรู้ ชมม้าน้ำหลากสายพันธุ์ได้ฟรี

    เวลาทำการ: 10.30-16.00 น. หยุดทุกวันอังคาร
    เว็บไซต์

    เวลาม้าน้ำผสมพันธ์กัน จะจุ้บกันเอาท้องชนกัน เป็นรูปหัวใจแบบนี้ ส่วนฝ่ายที่ตั้งท้องคือตัวผู้

    สามารถหาซื้อเครื่องรางม้าน้ำได้ที่นี่ ว่ากันว่าจะช่วยคุ้มครองคนตั้งท้อง

    แผนที่ของจังหวัดคาโกชิมะ ถ้ากลับหัวจะดูเหมือนม้าน้ำจุ๊บกันอยู่


    ไร่ชาที่เมืองชิรัน ส่วนหนึ่งของจังหวัดคาโกชิมะ ที่สามารถผลิตได้มากที่สุดของญี่ปุ่น

    ชาญี่ปุ่นต้นตำรับต้องใช้ใบชาของเมืองชิรัน

    ซอฟครีมชาเขียวที่ใช้ชาของชิรัน หอมและรสชาติดีมากๆ ไม่หวานเกินไป


    ช่วงนี้เป็นฤดูที่สตรอเบอร์รี่กำลังออกผลสีแดงสดน่าทาน ถ้ามาที่เมืองชิรัน ต้องมาเก็บสตรอเบอร์รี่กันที่ ไร่สตรอเบอร์รี่มะเอะดะ (Maeda Strawberry Farm) ในราคาเพียง 650 เยน และสามารถนำมาทำเป็นไดฟุกุทานได้ด้วย

    เวลาทำการ:
    การเดินทาง: จากบ้านพักซามูไรชิรัน โดยสารแท๊กซี่ ใช้เวลา 8 นาที
    เว็บไซต์

    มารอบนี้ทีมงานของเราได้ลงสื่อท้องถิ่นของจังหวัด ทั้งหนังสือพิมพ์และออกทีวี ข่าวช่วงเช้าเลย ตามไปชมกันได้ที่นี่นะครับ >> Yahoo Japan

  • ChiranIbusukiKagoshimaKyushuMinami-Kyushuคะโกชิมะคิวชู​ชิรันญี่ปุ่นมินามิคิวชูอิบุซุกิเที่ยวญี่ปุ่น