ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo วิ่งตรงสู่ฮอกไกโด

การเดินทางในครั้งนี้ จะเป็นการใช้พาสรถไฟ JR East-South Hokkaido Rail Pass ใบเดียวอยู่ทั้งทริป พาสนี้สามารถเลือกใช้ได้อิสระ 6 วัน โดยตั้งใจจะขึ้น Hokkaido Shinkansen จากสถานี Tokyo ยิงยาวไปสถานี Shin-Hakodate-Hokuto ที่เกาะฮอกไกโดกันครับ

ดูรายละเอียดพาส >> JR East-South Hokkaido Rail Pass พาสสุดคุ้มขึ้น Shinkansen เที่ยวฮอกไกโดจากโตเกียว

(พาสราคา 26,000 เยน ซื้อจากไทยราคาถูกกว่าซื้อในญี่ปุ่น)

ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าได้ >> ที่นี่

ครั้งนี้วางแผนเริ่มต้นการเดินทางกันที่โตเกียว โดยจะใช้ JR East-South Hokkaido Rail Pass ลองขึ้น Hokkaido Shinkansen พุ่งตรงไปยังฮอกไกโด เป็นครั้งแรก เที่ยวเมืองฮาโกดาเตะก่อน และหลังจากนั้นจะไล่เที่ยวย้อนกลับมาตามเส้นทางในโทโฮขุ เป็นระยะเวลา 7 วันเต็ม ทริปนี้จะพาไปเที่ยวไหนกันบ้าง สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะขึ้นรถไฟเที่ยวตะลอนๆไล่ขึ้นไปทางเหนือ ตามมาชมกันได้เลยครับ

ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo ตอน 2 : เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate)

ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo ตอน 3 : อะโอโมริ (Aomori)

ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo ตอน 4 : มิยางิ (Miyagi)


เดินทางออกจากสุวรรณภูมิ ด้วย ANA สายการบินของสัญชาติญี่ปุ่นกันบ้าง เป็นอีกสายการบินใช้เครื่องบิน Dreamliner 787 ทำการบิน แถมบนเครื่องมีพนักงานต้อนรับคนไทยให้บริการด้วย คอยเอาใจใส่เป็นอย่างดี รู้สึกประทับใจมาก สำหรับเที่ยวบินนี้ ออกเดินทางดึก ถึงสนามบินนาริตะตอนเช้า

เดินทางถึงสนามบินนาริตะโดยสวัสดิภาพ เมฆหนาเชียว

อาคารจอดฝั่งนี้มีแต่เครื่องของ ANA ได้เห็นเครื่องของ Star Wars ด้วย

หลังจากผ่านตม.รับกระเป๋าเรียบร้อย เดินลงไปชั้นล่าง เพื่อทำการแลกพาสที่ซื้อมาจากไทย ที่ Ticket Office ของ JR ใช้เวลาไม่นานก็ได้พาสมาเรียบร้อย พร้อมเปิดใช้ JR East-South Hokkaido Rail Pass วันแรก เพื่อขึ้น N’EX จากสนามบินนาริตะ มาลงที่สถานี Tokyo กันเลย

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีเวลารอรถไฟเล็กน้อย แวะซื้อเสบียงเติมพลังระหว่างทางกันก่อน ที่สถานี Tokyo ระหว่างชานชาลา 6 และ 7 จะมีร้าน Ekibenya Matsuri ขายอาหารกล่องบนรถไฟ หรือ เอคิเบ็น โดยเฉพาะ มีให้เลือกเยอะมาก

เมนูอื่นก็น่ากิน แต่แพกเกจชินคังเซ็นมันช่างยั่วตายั่วใจ แถมมีลายใหม่ล่าสุด รุ่นฮอกไกโดชิงคังเซ็นอีก งานนี้ต้องจัดซะแล้ว

หลังจากที่ซื้อเอคิเบ็นเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินไปชานชาลาชิงคังเซ็น เตรียมเดินทางไปฮอกไกโดกัน ระหว่างทางพบกับป้ายโฆษณา Aomori-Hakodate Destination Campaign ที่ทางญี่ปุ่นเองก็โปรโมทให้คนญี่ปุ่นเที่ยวเส้นทางนี้ หลังจากที่ฮอกไกโดชิงคังเซ็นเปิดให้บริการ

จุดหมายของวันนี้คือที่เมืองฮาโกดาเตะ เกาะฮอกไกโด จากสถานี Tokyo ขึ้น Hokkaido Shinkansen ขบวน Hayabusa ยิงยาวมาลงที่ สถานี Shin-Hakodate-Hokuto ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 14 นาที ครับ

เส้นทาง Hokkaido Shinkansen จะเป็นการใช้ทางรถไฟและรถไฟขบวนเดียวกับ Tohoku Shinkansen ร่วมกันด้วย ดังนั้นไม่แปลกครับที่เราจะได้นั่งชิงคังเซ็นแถบสีชมพู แทน ชิงคังเซ็นแถบสีม่วง ไปฮอกไกโดแทน (แต่ในใจ ไหนๆก็มาลองขึ้น Hokkaido Shinkansen ทั้งที ก็อยากได้ขึ้นขบวนใหม่บ้าง)

สำหรับคนที่มีสัมภาระใหญ่ จริงๆสามารถสอดไว้ระหว่างที่นั่งได้ แต่ถ้าจะให้สะดวกที่สุด พยายามเลือกที่นั่งแถวหลังสุดของแต่ละโบกี้ เพราะจะมีพื้นที่สำหรับวางกระเป๋าด้านหลังแถวสุดท้าย ยิ่งนั่งยาวแบบนี้จะได้เหยียดขาได้สบาย

จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ได้เวลาเปิดเอคิเบ็นรุ่นฮอกไกโดชิงคังเซ็นกันแล้ว อาหารด้านในเป็นอาหารสำหรับเด็ก แต่ก็ถือว่าอร่อยสำหรับคนไทยอย่างเรา วัตถุดิบทุกอย่างเป็นของดีจากเกาฮอกไกโดทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เยลลี่ ก็เป็นรสยูบาริเมล่อน ขนาดสาหร่ายยังตัดแต่งเป็นรูปของเกาะฮอกไกโดเลย คนญี่ปุ่นนี่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ

นั่งๆนอนๆมาตลอดเกือบ 4 ชั่วมอง มองออกไปด้านนอก เห็นภูเขาลูกนี้ ก็แปลว่าเราใกล้ถึงจุดหมายแล้ว

และแล้วก็เดินทางถึงสถานี Shin-Hakodate-Hokuto 新函館北斗駅 เป็นที่เรียบร้อย แต่ยังไม่สิ้นสุดเท่านี้ เรายังจะต้องทำการเดินทางไปยังสถานี Hakodate กันต่อ

ด้านนอกมีศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวเมืองโฮคุโตะ แต่ถ้าไม่ได้จะแวะที่นี่ ให้เดินไปทางชานชาลาได้เลย

เดินทางไปสถานี Hakodate ด้วยรถไฟธรรมดา Hakodate Liner เดินตามทางที่มีป้ายบอกกำกับไปได้เลยครับ

ขบวนรถไฟ Hakodate Liner ที่วิ่งระหว่างสถานี Shin-Hakodate-Hokuto ถึงสถานี Hakodate ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที

และแล้วก็ถึงสถานี Hakodate กันสักที หลังจากที่เดินทางอย่างต่อเนื่องยิงยาวจาก กรุงเทพ-สนามบินนาริตะ-โตเกียว-ฮาโกดาเตะ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี เล่นเอาหิวโหยไม่ใช่น้อย

มาถึงเมืองท่าฮาโกดาเตะทั้งที ต้องชิมอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เราแวะมาทานกันที่ตลาดเช้า ซึ่งถึงแม้จะมาถึงช่วงเย็น และร้านอื่นจะปิดหมดแล้ว แต่ยังมีร้าน Kaikoubo 海光房 ที่เปิดทำการมื้อเย็นด้วย ตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่มครับ ดูเว็บไซต์ร้านที่นี่ >> Kaikoubo

สำหรับเมนูที่แนะนำคือ ข้าวผัดเนื้อปู (เสริฟบนกระดองปู) ข้าวหน้าทะเลไคเซ็นด้ง เมนูชื่อว่า No.1 ที่มีของสดทั้งหมด 4 อย่างคือ ไข่ปลา กุ้งหวาน อุนิ และเนื้อปู อาหารทุกอย่างสดจริงๆ แถมราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับคุณภาพระดับนี้ และอย่าลืมปิดท้ายล้างปากด้วย ยูบาริเมลอน หอมหวาน

หลังจากทานอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลาเข้าที่พัก ครั้งนี้เราเลือกพักที่ La Vista Hakodate เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมอ่าวฮาโกดาเตะ เดินจากสถานี Hakodate มาได้ ใช้เวลา 15 นาที สะดวกสบายสำหรับการเดินเที่ยวย่าน Bay Area แถมโรงแรมนี้สวยติดอันดับต้นๆของฮาโกดาเตะเลยด้วย

La Vista Hakodate อยู่ห่างจากโกดัง Kanemori Red Brick และบริเวณอ่าวเพียงใช้เวลาเดิน 3 นาที ภายในโรงแรมให้บริการบ่อแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติและสปา ตลอดจนห้องพักที่ออกแบบในสไตล์ Art Deco สนนราคาห้อง Semi-double ต่อคืน เริ่มต้น 12,000 เยน >> จองที่นี่

ห้องธรรมดามีขนาดกระทัดรัด แต่มีการจัดสรรพื้นที่อย่างดี สามารถวางกระเป๋าขนาดใหญ่ได้ และมีประตูกั้นระหว่าง ห้องนอนกับประตูห้องอีกชั้น มีหน้าต่างใหญ่ตรงบริเวณหัวเตียง ตื่นมาจะได้ชมวิวสวยทุกวัน

ทางโรงแรมจัดอุปกรณ์สำหรับแช่น้ำและชุดนอนไว้ให้ มีอ่างล้างหน้าอยู่นอกห้องน้ำ และมีห้องอาบน้ำในตัว

วิวจากหน้าต่างยามเย็น มองเห็นวิวอ่าวและภูเขาฮาโกดาเตะ

ขอยืมภาพจากเว็บไซต์โรงแรมมา ให้ชมบรรยากาศบ่อน้ำพุร้อนที่ชั้นบนสุด

Open-air Hot Spring บ่อกลางแจ้ง

โรงแรมตั้งโดดเด่นอยู่ริมอ่าวฮาโกดาเตะ

หลังจากเดินทางมาอย่างยาวนาน คืนนี้ขอตัวนอนพักก่อน พรุ่งนี้จะเริ่มตะลุยเที่ยวกัน แล้วมาต่อในรีวิวหน้านะครับ

HakodateHokkaidoHokkaido ShinkansenJRJR East-South Hokkaido Rail PassJR passShin-Hakodate-Hokutotohokuชินคันเซ็นรถไฟญี่ปุ่นฮอกไกโดฮาโกดาเตะเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญีปุ่่นด้วยรถไฟ