แชร์ประสบการณ์เที่ยว จังหวัดคาโกชิมะ และ จังหวัดมิยาซากิ ด้วยรถไฟขบวนพิเศษจาก JR Kyushu ที่ภูมิภาคคิวชู ซึ่งมีรถไฟท่องเที่ยวที่มีดีไซน์สวยงามเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอก และภายในรถไฟที่ต่างกันออกไปในแต่ละขบวน โดยผสมผสานกับเรื่องราวท้องถิ่นเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หรือเรียกว่ารถไฟ “D&S” (Design & Story) นั่นเอง

ในทริปนี้เป็นการเที่ยวด้วยตัวเองด้วยการนั่งรถไฟขบวนพิเศษถึง 3 ขบวน ในเส้นทางต่างๆ ดังนี้

  1. รถไฟ IBUSUKI NO TAMATEBAKO: จากสถานี Kagoshima-chuo – สถานี Ibusuki
  2. รถไฟ 36ぷらす3 (36 plus 3): จากสถานี Kagoshima-chuo – สถานี Miyazaki
  3. รถไฟ UMISACHI YAMASACHI: จากสถานี Miyazaki – สถานี Obi

สำหรับตอนนี้เราจะใช้ JR Kyushu Rail Pass แบบ All Kyushu Area พาไปตะลุยเที่ยวจังหวัดคาโกชิมะกันทั้งหมด 1 วันครึ่ง โดยจะเริ่มกันที่เมืองอิบุสุกิ และกลับมาที่เกาะซากุระจิมะ ในตัวเมืองคาโกชิมะ เพื่อนๆสามารถเที่ยวตามแพลนนี้ได้แบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ

JR Kyushu Rail Pass มี 3 ประเภทแบ่งเป็น All Kyushu Area / Northern Kyushu Area / Southern Kyushu Area ดูรายละเอียดที่นี่ >> JR KYUSHU RAIL PASS


Day 1

เริ่มต้นทริปจากสถานี Hakata มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และเคาน์เตอร์เจอาร์เราสามารถแลกพาสรถไฟได้ที่นี่ แนะนำให้มาเปิดพาสก่อนแล้วค่อยเดินทางในวันต่อไปเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาแลกพาสเป็นจำนวนมาก ทำให้แถวค่อนข้างยาว ภายในห้องออกตั๋วมีพนักงานเจอาร์คอยให้ข้อมูล และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีบริการใหม่จากเจอาร์ส่งกระเป๋าไปยังปลายทางด้วยรถไฟชินคังเซ็นด้วย

จากสถานี Hakata ไปยังสถานี Kagoshima-chuo นั่ง Kyushu Shinkansen ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 26 นาที

เมื่อถึงแล้วตรงไปฝากกระเป๋าที่ล้อคเกอร์ที่สถานีก่อน (ออกมาจากสถานีให้เลี้ยวไปทางขวา จะเจอล้อคเกอร์หยอดเหรียญหลายตู้เลยทีเดียว) ระหว่างรอเวลาที่จะไปนั่งรถไฟ IBUSUKI NO TAMATEBAKO มีมุมของฝากที่รวบรวมเอาไว้ที่นี่


① IBUSUKI NO TAMATEBAKO หรือเรียกสั้นๆ ว่า IBUTAMA ให้บริการจากสถานี Kagoshima-chuo ไปยังสถานี Ibusuki โดยวิ่งบนเส้นทางรถไฟ Ibusuki-Makurazaki ที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น รถไฟท่องเที่ยวขบวนนี้มีการออกแบบ และตกแต่งรถไฟในธีมตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นกล่องสมบัติของอุราชิมะทาโร่ ทำให้ชื่อของรถไฟมีคำว่า Tamatebako แปลว่ากล่องสมบัตินั่นเอง 

ด้านนอกรถไฟแบ่งเป็นสีขาว และดำอย่างชัดเจน ภายในรถไฟมีการตกแต่งจำลองโลกใต้ทะเลเมื่ออุราชิมะทาโร่อยู่ที่วังใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นเบาะที่นั่ง รวมไปถึงรูปภาพปลาทะเลนานาชนิด เมื่อรถไฟเข้ามาเทียบที่ชานชาลาด้านบนรถไฟจะปล่อยไอน้ำออกมาตามธีมตำนานพื้นบ้านตอนที่อุราชิมะทาโร่เปิดกล่องสมบัติ และมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาเปลี่ยนอุราชิมะทาโร่ให้กลายเป็นชายชรา

เมื่อนั่งรถไฟไปได้สักพักจะเริ่มเห็นทิวทัศน์ของภูเขาไฟซากุระจิมะ และอ่าวกิงโกะอันสวยงามจากหน้าต่างแบบกว้างของรถไฟ ห้ามพลาดกับพุดดิ้งงาดำ และขนมปังไส้ช็อคโกแลตที่แบ่งเป็นสองสีชัดเจนเหมือนกับสีของรถไฟ

เมื่อใกล้ถึงสถานีอิบุสึกิจะเจอคนในท้องถิ่นออกมาต้อนรับ และโบกมือทักทายด้วย น่ารักมากๆ

ถึงอิบุสุกิแล้ว ซื้อตั๋วรถบัสแบบ one-day ticket สามารถนั่งรถบัสได้ไม่จำกัดเที่ยว ราคา 1,100 เยน (เช็ครอบรถบัสด้วยนะ)


1. ทะเลสาบอิเคดะ (Ikeda Lake)

ว่ากันว่าเนื่องจากอุณหภูมิโดยเฉลี่ยที่ค่อนข้างสูง ทำให้เมืองอิบุสึกิเป็นสถานที่ชมดอกนาโนฮานะ ได้เร็วที่สุดในญี่ปุ่น โดยจะบานตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม และจะบานเต็มที่ในเดือนมกราคม สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของทุ่งดอกนาโนฮานะสีเหลืองสดใสโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟไคมอนดาเกะ (Kaimondake) และทะเลสาบอิเคดะได้ด้วย

การเดินทาง: จากสถานี Ibusuki ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีโดยรถบัส

DSC00727

ใกล้ๆ กับป้ายรถบัสมีคาเฟ่ Danken coffee เป็นคาเฟ่หน้าตาสุดชิคริมทะเลสาบ เหมาะแก่การนั่งชิล และถ่ายรูปเก๋ๆ พลาดไม่ได้กับคราฟท์โคล่า และโฮจิฉะ


2. แหลมนางาซากิบานะ (Nagasakibana) และศาลเจ้าริวกุ (Ryugu Shrine)

แหลมนางาซากิบานะเป็นแหลมขนาดเล็กตั้งอยู่ใต้สุดของคาบสมุทรซัตสึมะ (Satsuma Peninsula) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า แหลมวังมังกร (Ryugubana) บริเวณนี้มีพืชพรรณเขตร้อนชื้นหลายชนิด จากแหลมสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาไฟไคมอนดาเกะ และชายหาดที่สวยงาม คนที่นี่เรียกภูเขาลูกนี้ว่าเป็น “ภูเขาฟูจิแห่งซัตสึมะ” เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่พลาดไม่ได้

การเดินทาง: จากสถานี Yamagawa โดยสารรถประจำทาง Kagoshima Kotsu Bus ลงที่ป้าย Nagasakibana

เนื่องจากมีตำนานกล่าวว่าแหลมแห่งนี้เป็นที่ๆ อุราชิมะทาโร่เดินทางบนหลังเต่าไปยังพระราชวังราชามังกร จึงมีการตั้งศาลเจ้าริวกูเพื่อุทิศให้เจ้าหญิงโอโตฮิเมะด้วย บริเวณนี้มีศาลเจ้าริวกุ ที่เป็นจุด Power Spot ขอพรเรื่องความรักของชาวญี่ปุ่น


3. ซาระคุ ออนเซ็นทราย (Sand Bath Hall “Saraku”) 

เมื่อพูดถึงอิบุสึกิก็พลาดไม่ได้กับการอบทรายร้อนอยู่ไม่ไกลจากสถานี เราสามารถแช่ออนเซ็นทรายร้อนตามธรรมชาติ ที่ร้อนจากความร้อนใต้พิภพ และมีเพียงไม่กี่ที่บนโลก การอบทรายช่วยในเรื่องระบบหมุนเวียนเลือด และช่วยผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

การเดินทาง: จากสถานี Ibusuki ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีโดยรถบัส หรือเดิน 10 นาที

DSC00570

4. ตามหาฝาท่ออีบุย

สำหรับแฟนๆ Pokemon เมื่อมาถึงเมืองอิบุสึกิต้องไม่พลาดมิชชั่นมาเดิน ตามหาลายฝาท่อที่เป็นลายอีบุย (Eevee) ที่มีชื่อคล้ายกับเมือง โดยชื่อเมือง Ibusuki มันจะออกเสียงคล้ายๆ “i-bui-suki” ที่แปลว่า”ฉันชอบอีบุย” ทางเมืองจึงนำโปเกม่อนตัวนี้เป็นมาสคอตของเมือง โปรโมททำฝาท่ออีบุย สามารถเจอฝาท่อได้ตั้งแต่หน้าสถานีอิบุสึกิเลย


5. มื้อเย็นที่ร้าน Karen

ร้านดังแห่งคาโกชิมะ เป็นร้านที่เน้นชาบูเป็นหลัก โดยวัตถุดิบที่ทางร้านใช้เป็นวัตถุดิบจากคาโกชิมะทั้งสิ้น แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนเข้าไปที่ร้าน นอกจากเมนูชาบูหมูคุโรบูตะ หรือเนื้อวัวดำวากิว สามารถสั่งเมนูขึ้นชื่อของคาโกชิมะได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นมันหวานคาโกชิม่า (Satsuma-imo) ทงคัตสึหมูคุโรบูตะ และปลาดิบ

6. โรงแรม Kagoshima JR Kyushu Hotel ที่พักในคืนนี้อยู่เชื่อมกับสถานี Kagoshima-Chuo เลย สะดวกมากๆ


Day 2

วันนี้เรามีเวลาครึ่งวันเช้าเที่ยวในจังหวัดคาโกชิมะได้อีกสักนิดก่อนรอบรถไฟที่จองไว้จะออกเดินทางไปจังหวัดมิยาซากิ ที่เป็นจุดหมายต่อไป เราจึงข้ามไปเที่ยวเกาะซากุระจิมะกัน

7. ภูเขาไฟซากุระจิมะ ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและในบางวันก็จะได้เห็นการปะทุเบาๆ มองเห็นได้จากที่ไกลๆ บนเกาะมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ปีนเขา, เดินป่า, เซิร์ฟบอร์ด, คาเฟ่สุดชิค, ร้านอาหาร, เก็บส้มที่สวนส้ม, ออนเซน การเดินทางภายในเกาะสามารถนั่งรถบัสเที่ยวรอบเกาะ, เช่ารถขับ, ปั่นจักรยาน และแท็กซี่


8. เรือเฟอร์รี่ซากุระจิมะ (Sakurajima Ferry)

เรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ที่ให้บริการข้ามฟากจากท่าเรือคาโกชิม่าไปยังท่าเรือซากุระจิมะใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยเรือสามารถบรรทุกรถยนต์ได้ด้วย

การเดินทาง: จากสถานี Kagoshima-chuo ไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ ใช้เวลาประมาณ 14 นาที โดยรถยนต์ หรือ 22 นาที โดยรถราง Kagoshima City Tram No. 2


9. จุดชมวิวซากุระจิมะ ยุโนะฮิระ (Sakurajima Yunohira)

จุดชมวิวภูเขาไฟซากุระจิมะที่สูง และใกล้กับภูเขาไฟได้มากขึ้น ที่นี่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 373 เมตร ตั้งอยู่บนทางลาดของคิตะดาเกะ ที่จุดชมวิวสามารถขึ้นไปยังชั้น 2 มองเห็นภูเขาไฟอยู่ด้านหน้า และด้านหลังเห็นวิวเมืองคาโกชิมะโดยรอบได้ด้วย


10. บ่อแช่เท้า 100 เมตร แห่ง สวนซากุระจิมะโยวกังนากิสะ (Sakurajima Volcanic Shore Park and Footbath)

บ่อแช่เท้าออนเซ็นธรรมชาติที่มีความยาว 100 เมตรและมีต้นกำเนิดน้ำออนเซ็นลึกลงไปใต้ภูเขาไฟซากุระจิมะกว่าหนึ่งกิโลเมตร ขณะที่แช่เท้าเมื่อมองออกไปชมวิวรอบๆ เหมือนเราถูกโอบล้อมด้วยทัศนียภาพจากภูเขาไฟซากุระจิมะ และอ่าวกิงโกะ ที่สวยงามมากๆ

นอกจากนี้ที่นี่มีเส้นทางเดินเขาที่เชื่อมต่อระหว่างสวนซากุระจิมะฯและจุดชมวิวคาราสุจิมะ เนื่องจากเส้นทางเดินเขานี้ถูกสร้างมาจากลาวาและยังถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงามจึงทำให้เส้นทางนี้ติดอันดับ TOP 100 เส้นทางเดินเขาที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

หลังจากนี้เราจะไปขึ้นรถไฟขบวนท่องเที่ยว 36 plus 3 เพื่อมุ่งหน้าไปสถานี Miyazaki จุดหมายต่อไปของเรากัน~