สำหรับคนที่ชอบเสพย์งานอาร์ตที่มีสไตล์เฉพาะตัว พร้อมอยากพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ต้องมาที่ เมืองโทคามาจิ จังหวัดนีงาตะ
เมืองโทคามาจิ (Tokamachi) เป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ของ จังหวัดนีงาตะ (Niigata) เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก และยังเป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกเยอะมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย มีภูมิทัศน์ทางธรรมชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หุบเขา ป่า แม่น้ำ ซึ่งมีแม่น้ำชินาโนะ ที่เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดไหลผ่าน มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย อาทิ นาขั้นบันได Hoshitoge, ป่า Bijinbayashi และ หุบเขา Kiyotsu
Photo Credit : Enjoy Niigata
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ โทคามาจิ เป็นที่จดจำและพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ก็คืองานอาร์ตที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว มีการจัดอีเวนต์งานศิลป์ Echigo Tsumari Art Triennale ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้าน ให้มาชมงานอาร์ตที่ตั้งกระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง ไม่ได้มีจำกัดอยู่แค่ในมิวเซียมเท่านั้น ถ้าหากสนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ทาง >> เว็บไซต์
การเดินทาง สามารถไปจากโตเกียวได้สะดวก นั่งรถไฟชินคันเซ็นมาลงที่สถานี Echigo-Yuzawa แล้วต่อรถไฟสาย Joetsu อีกเพียงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงสถานี Tokamachi แล้ว
ทีมงานเราเคยเดินทางไปเมืองโทคามาจิแล้วในช่วงฤดูหนาว (อ่านรีวิวได้ที่นี่ >> Tokamachi Winter) การเดินทางในครั้งนี้ เราจึงเลือกมาในฤดูที่ต่างออกไป เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง (ราวกลางเดือนตุลาคม) ใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน เก็บ 5 เมืองย่อยให้ทั่ว ประกอบด้วย Nakasato, Tokamachi, Kawanishi, Matsudai, Matsunoyama แบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ
ทริปนี้เราจะแบ่งการรีวิวออกเป็น 2 ตอน ในตอนแรกจะพาไปทำกิจกรรม แคมปิ้ง 2 วัน 1 คืน พร้อมทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์สนุกๆภายในแคมป์ และปั่นจักรยานรอบเมืองโทคามาจิเสพย์งานอาร์ตเท่ห์ๆกัน
**เนื่องจากสถานที่ตั้งแคมป์อยู่ค่อนข้างไกล แนะนำให้เช่ารถขับมาจากสถานี Echigo-Yuzawa จะสะดวกที่สุด
DAY 1 : Camping Day
เริ่มจากวันแรกเราจะมาตั้งแคมป์ พายเรือแคนู เล่นซัพบอร์ด กันที่ Daigonji Kogen Camping Ground (大厳寺高原キャンプ場) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงไดกนจิ (Daigonji Kogen) เมืองมัตสุโนะยะมะ (Matsunoyama) มี Tent Site พื้นที่สำหรับแค้มปิ้งให้เลือกทั้งหมด 7 โซน (ดูรายละเอียดการจองแค้มป์ และค่าบริการที่นี่ >> Tent)
- ราคาไปเช้าเย็นกลับ ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 300 เยน
- ราคาค้างคืน ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็ก 1,000 เยน
- เวลาเช็คอิน 13.00-16.00 น. / เช็คเอาท์ 11.00 น.
- พิกัด
- เว็บไซต์
- ทำการจองล่วงหน้าผ่าน เว็บไซต์ หรือ ติดต่อทาง E-Mail
พอมาถึงแล้ว เราจะมาเช็คอินกันที่อาคารหลักกันก่อน มีทั้งส่วนห้องอาหาร ห้องอาบน้ำที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้ชัดเจน และมีมุมขายของฝาก
อุปกรณ์ให้เช่ามีพร้อมครบครัน แนะนำว่าให้จองทางเว็บไซต์ล่วงหน้า ทางสถานที่จะได้จัดเตรียมให้เราล่วงหน้าได้ถูกต้องตามจำนวน
หลังจากเช็คอินเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลามื้อเที่ยงพอดี เมนูแนะนำของที่นี่คือ ราเมงกุ๊ยฉ่าย ที่ชามใหญ่มากๆ
อิ่มท้องกันแล้ว เราก็ไปทำกิจกรรมสนุกๆกันต่อ ที่แคมป์นี้จะมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ดังนั้นกิจกรรมประจำแคมป์จึงเป็นการพายเรือแคนู และการเล่น SUP (ย่อมาจาก Stand Up Paddle Surfing) ใครที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ไม่ต้องกังวล เพราะครูฝึกที่สอน ช่วยอธิบายให้เข้าใจง่าย เล่นได้ทุกคนแน่นอน ช่วงที่เราไปเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อากาศกำลังเย็นสบาย เล่นได้เพลินเลย
สำหรับใครที่สนใจทั้ง 2 กิจกรรมนี้ Canoe + SUP จะมีค่าใช้จ่ายที 7,000 เยน ใช้เวลาประมาณ 70 นาที (ดูรายละเอียดการจองกิจกรรมและค่าบริการ >> Activities)
SUP เป็นกิจกรรมทางน้ำแนวใหม่ ให้เรายืนพายบนซัพบอร์ด
ใครที่พายคล่องแล้ว อยากให้ลองนอนบนซัพบอร์ด รับอากาศเย็นสบาย
หลังจากเล่นกิจกรรมเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาขึ้นมาตั้งแคมป์กันต่อ ก่อนที่แสงแดดจะหมด สำหรับใครที่ไม่สะดวกนอนเต็นท์ ที่นี่ก็มีที่พักแบบเป็นบ้านขนาดเล็กให้บริการด้วย อาคารหลังคาสีแดง เป็นส่วนของห้องน้ำ ส่วนซักล้าง และมีปลั๊กให้ชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ใครตั้งเต็นท์ไม่เป็น แจ้งพนักงานให้เข้ามาช่วยได้เลย ส่วนของเราครูฝึกพายเรือมาช่วยสอนพวกเราตั้งเต็นท์ให้
ตั้งแคมป์ ก่อกองไฟให้มีที่ให้อังมืออุ่นๆ คลายหนาวแล้ว ถึงเวลาทำอาหารเย็นกันต่อ เพราะพอเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ฟ้าจะมืดเร็วมาก อาหารทุกอย่างสำหรับทำบาร์บีคิว จะต้องซื้อมาจากข้างนอกเองเท่านั้น และอากาศหนาวๆแบบนี้ ต้องมีต้มยำเผ็ดร้อน ซดให้หายหนาว ปิดท้ายด้วยข้าวโพดปิ้งหอมเนย
ตอนแรกว่าจะอยู่นั่งคุยยาวกันกว่านี้ แต่อากาศตอนกลางคืนหนาวมากจริงๆ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 8 องศา พวกเราจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน ดังนั้นใครมาช่วงนี้ ให้เตรียมเสื้อกันหนาวมาให้พร้อม เพราะยิ่งตกดึกอากาศก็จะยิ่งหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ
ตื่นเช้ามาเวลาประมาณตีห้าครึ่ง พอเปิดเต้นท์ ออกมา พบว่ามีหมอกลงเต็มบ่อน้ำ เป็นบรรยากาศยามเช้าที่สวยมาก
อากาศหนาวๆ กองไฟอุ่นๆ และอาหารเช้าแบบง่ายๆ
ก่อนเก็บเต้นท์ อากาศดีแบบนี้ เดินเล่นชมวิวกันสักหน่อย
DAY 2 : Cycling Day
หลังจากที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศตอนเช้า ทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เก็บเต็นท์เช็คเอาท์ เพื่อไปยังจุดหมายต่อไป คือการไปปั่นจักรยานรอบเมืองโทคามาจิ ชมงานอาร์ตตามจุดต่างๆกัน เรามุ่งหน้าไปที Mion Nakasato ขับรถจากแคมป์ไปประมาณ 45 นาที
Mion Nakasato เป็นที่พักที่มีออนเซน และมีกิจกรรมให้เช่าจักรยานปั่น เพื่อชมงานอาร์ตตามจุดต่างๆของเมืองโทคามาจิ ดังนั้นถ้าใครเหนื่อยๆจากการปั่นคอร์สจักรยาน ก็สามารถแช่ออนเซนที่นี่ผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้ นอกจากนี้มีส่วนจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นด้วย
เบนโตะจะมีจำหน่ายเฉพาะวันพุธเท่านั้น ใครมาวันอื่น ต้องเตรียมเสบียงมาจากข้างนอกนะ
การจองจักรยาน ควรจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ เนื่องจากจักรยานไฟฟ้ามีจำกัด พอเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว ก็ไปรับจักรยานกันได้เลย
เส้นทาง Cycling Course ที่เราเลือกปั่น คือเส้นทางสีเขียวแดง >> MAP
พวกเราเลือกปั่นจักรยานไฟฟ้า บอกเลยว่าช่วยทุนแรงได้เยอะมาก เส้นทางนี้ในช่วงแรกเราจะปั่นผ่านเขื่อน และผ่านทุ่งนากว้างๆ
ซีนนี้แอบให้ความรู้สึกเหมือนในหนัง
พอเห็นป้ายแบบนี้ แสดงว่าเส้นทางนั้นๆจะมีงานอาร์ตตั้งอยู่ ก็มุ่งหน้าไปทางนั้นกันเลย
ปั่นมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับงานอาร์ต ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อย่างผลงานนี้ชื่อว่า “Set North For Japan”
จุดนี้มีชื่อว่า For Lots of Lost Window
ป้ายแบบนี้ก็เช่นกัน เป็นป้ายชี้จุดไปชมงานอาร์ต
KIYOTTSU 清津川プレスセンター「きよっつ」เป็นศูนย์ข้อมูลและพื้นที่พักผ่อน
ไม่เพียงแต่มีงานอาร์ตให้ได้ไปชมเท่านั้น ระหว่างทางก็มีวิวสวยๆให้ได้ชมไปตลอดทาง
พอพระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้วก็ถึงเวลาปั่นกลับ
ระหว่างทางก็ซึมซับกับบรรยากาศบ้านเมือง ธรรมชาติของเมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์เมืองนี้ จริงๆแล้วธรรมชาติที่สวยงามของเมืองโทคามาจิ ก็นับว่าเป็นงานอาร์ตเช่นกัน เพียงแต่เป็นงานอาร์ตที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ที่ทำให้เมืองโทคามาจิ มีทั้งงานอาร์ตจากฝีมือมนุษย์และธรรมชาติ อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน