คนไทยคุ้นเคยกับแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า คาเร (Kare カレー) เป็นอย่างดี มีหลายเจ้าที่มาเปิดให้บริการในบ้านเรา แล้วก็ดูว่าคนไทยจะชอบแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นไม่น้อย ที่ญี่ปุ่นก็มีดังอยู่หลายแห่ง แต่มีร้านที่แอดมินเองตามกินมานานตั้งแต่ปี 2006 จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังติดใจกับรสชาดแกงกะหรี่ของที่นี่มากที่สุด เลยขอมาแนะนำเผื่อใครไปเที่ยวญี่ปุ่นเห็นป้ายร้านแกงกะหรี่คิงคอง GO! GO! CURRY! ゴーゴーカレー สีฉูดฉาดแห่งนี้ จะได้เดินเข้าไปชิมแบบไม่ต้องลังเล
ที่มาของชื่อร้าน ตัวเลข 5 ในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า โกะ เขียนเป็นโรมันจิว่า Go ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษที่แปลว่า “ไป” ทางร้านจึงใช้คอนเซปต์นี้มาตั้งชื่อร้านและเป็นธีมของร้าน ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดของร้านวันที่ 5 เดือน 1 หรือเวลาเปิด-ปิด จะลงท้ายด้วย 55 นาที และทุกวันที่ 5, 15, 25 เป็นวัน Go Go Day ซึ่งถ้าไปทานที่ร้านในวันนั้นจะได้รับคูปองฟรีท้อปปิ้ง เอาไว้ใช้ในครั้งต่อๆไปได้
สูตรเด็ดของแกงกะหรี่ GO! GO! CURRY! มาจากจังหวัด Kanazawa ถ้าพูดถึงแกงกะหรี่ของที่นี่ จะต้องใช้ ‘ลู’ ที่เป็นส่วนประกอบหลักในการทำน้ำซอสแกงกะหรี่เข้มข้น เคี่ยวนานถึง 5 ชั่วโมง โปะข้าวขาวให้พูนลงบนจานแสตนเลส ราดด้วยซอสให้ทั่วแบบไม่ให้เห็นข้าวขาว โปะของทอดลงบนตรงกลางจาน คู่กับกะหล่ำปลีซอย และต้องกินจากช้อนหรือส้อมเท่านั้น
แกงกะหรี่ NO. 1 ของทางร้านคือ Rosu Katsu Kare หรือข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอด ส่วนท้อปปิ้งอื่นๆที่เป็นที่นิยม คือ Chicken katsu (ไก่ทอด), Winner (ไส้กรอก), Ebi Fry (กุ้งทอด) มีทั้งหมด 4 ขนาด เรียงจากเล็กไปใหญ่ Healthy class, Economy class, Business class, First class และพิเศษสุดๆ ช่วงเวลาตั้งแต่เปิดร้านถึง เวลา 5 โมงเย็น 55 นาที คือเวลา Go Go Time จะได้ส่วนลด 100 เยน ทุกจาน!
สำหรับใครที่คิดว่ากินเก่ง กินคุ้ม กินจุ ต้องลองเมนูพิเศษของทางร้าน Major Kare ที่อัดแน่นไปด้วยข้าวแกงกะหรี่จานโต รวมท้อปปิ้งทุกอย่างเอาไว้ในจานเดียว จากราคาปกติ 1550 เยน ถ้าคุณกล้าสั่ง ทางร้านก็กล้าขายให้ในราคาถูกสุดๆเพียง 1000 เยนเท่านั้น และถ้ายังไม่พอ ทางร้านมีเมนูสุดยอด World Champion Kare จุด้วยน้ำหนักกว่า 2.5 กิโลกรัม ราคา 2500 เยน จานโตแค่ไหน คงไม่ต้องบอก ในวันหนึ่งจะมีทำขายจำกัดแค่ 5 จานเท่านั้น ถ้าคุณพิชิตได้ ทางร้านจะถ่ายรูปคุณไว้เป็นที่ระลึก และให้ประกาศนียบัตร พร้อมแปะรูปไว้ในร้านด้วย
ปัจจุบัน GO! GO! CURRY! มีทั้งหมด 46 สาขาในญี่ปุ่น โดย 3 สาขาแรกที่เปิดคือที่ Shinjuku เมื่อปี 2004, สาขา Kanazawa และ สาขา Akihabara ในปี 2005 และได้ขยายสาขาไปยังต่างประเทศด้วย เช่น อเมริกา, บราซิล, สิงคโปร์ และฮ่องกง
ปกติเวลาไปโตเกียวจะต้องหาเวลาไปกินร้านนี้ให้ได้เสมอ ร้านที่ไปบ่อยที่สุดคือ สาขา Shinjuku กับ Akihabara ครับ
กดตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ เลือกเมนูที่ชอบตามภาพได้เลย
บรรยากาศภายในร้าน เป็นแบบนี้ทุกสาขา
ถ้ากิน Major Kare (จานราคา 1000 เยน) หมดภายใน 5 นาที 55 วินาที จะได้รับบัตรของขวัญมูลค่า 1000 เยน มาไว้ใช้ทานในครั้งต่อไปด้วย
โฉมหน้าของผู้พิชิต World Champion Kare
มาแล้วครับ เมนูนี้เป็นเมนูพิเศษสำหรับสาขาที่เซนได โดยจะมีหมูทอด กุ้งทอด ไส้กรอก และอีกอันนึง พยายามชิม แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นมันบดผสมกับอะไร ซึ่งเมนูพิเศษแบบนี้จะมีแตกต่างตามเมืองและภูมิภาคต่างๆครับ
ซูมๆเน้นๆ จัดวางตรงตามคอนเซปต์แกงกะหรี่คานาซาว่าทุกอย่าง
ทานคู่กับไส้กรอกของญี่ปุ่น เพิ่มความอร่อย
สิ่งนี้พลาดไม่ได้ ทำให้จากคนที่กินไม่เป็น กลายเป็นขาดไม่ได้มาแล้ว มันเข้ากันได้เยี่ยมมากๆ
สามารถขอเพิ่มกำหล่ำปลี ซอสมายองเนส และระดับความเผ็ดได้
รายชื่อสาขาร้านและเวลาเปิดปิด (มีแต่ภาษาญี่ปุ่นนะครับ)