ในครั้งนี้ขอแนะนำ Royal Park Hotel โรงแรมหรูที่อยู่คู่โตเกียวมามากกว่า 30 ปี ตั้งอยู่ใจกลางย่านที่มีเสน่ห์คลาสสิคอย่าง นิฮมบาชิ (Nihombashi) และ นิงเกียวโจ (Ningyocho)

เชื่อมต่อด้วยสถานีรถไฟ Suitengumae ช่วยให้การเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง อาซาคุสะ, กินซ่า และ อากิฮาบาระ แสนง่ายดาย นอกจากนี้การเดินทางมาจากสนามบินฮาเนดะและนาริตะด้วยรถลิมูซีนบัส ก็สะดวกสบายเพราะตั้งอยู่ติดกับ Tokyo City Air Terminal (T-CAT) เลย

หากใครต้องการให้การเข้าพักในโตเกียวครั้งต่อไปหรูหราขึ้นมาอีกระดับ ในราคาที่จับต้องได้ รับรองว่า Royal Park Hotel จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน สนนราคาห้องพัก เริ่มต้นประมาณ 6,000 บาทต่อคืน

เช็คราคาห้องพักได้ที่นี่ >> ROYAL PARK HOTEL

Photo spot ของที่นี่คือ แชนเดอร์เลียทางช้างเผือกที่ล็อบบี้

ในส่วนของห้องพักแบ่งเป็น Standard Floor, Executive Floor และ Suite Room

  • Standard Floor มีห้องทั้งหมด 5 ประเภท Single / Standard Twin / Standard Double / Deluxe Twin / Deluxe Double
  • Executive Floor มีห้องทั้งหมด 5 ประเภท Single / Standard Twin / Standard Double /
    Deluxe Twin / Deluxe Double
  • Suite Room มีห้องทั้งหมด 2 ประเภท Tower Suite  /  Royal Suite

โดยแขกที่เข้าพักใน Executive Floor หรือ Suite Room จะมีบริการพิเศษมากมาย อาทิ

  • Executive Lounge พนักงานที่ดูแลเป็นพิเศษ ตั้งแต่เช็คอินที่เลาจน์บนชั้น 20 ตลอดการเข้าพัก
  • Tea and Cocktail Services บริการชา กาแฟ ของว่างอย่าง สโคน, คุกกี้, แซนวิช ในตอนกลางวัน (11.00-17.00 น.) และ บริการอาหารว่างพร้อม คอกเทลในตอนเย็น (17.00-20.00 น.)
  • Executive Lounge Breakfast ทานอาหารเช้าที่เลาจน์ (7.00-10.00 น.)

ห้องพักถูกออกแบบล้ำสมัยในสไตล์ Modern & Sophisticated ห้องพักในชั้น Standard ตกแต่งด้วยโทนอบอุ่น ส่วนห้องพักในชั้น Executive ตกแต่งด้วยโทนชิคๆ โดยทุกห้องเป็น Non-Smoking มีพื้นที่กว้างขวางแม้จะเป็นห้องพักเดี่ยวก็ตาม พร้อมห้องน้ำส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ชอบมากๆคือ Amenity ของที่นี่ เลือกใช้แบรนด์ L’OCCITANE

มีหน้าจอไว้คอยควบคุมระบบไฟฟ้าในห้องทั้งหมด
วิวจากห้อง เป็นมุมที่ชาวญี่ปุ่นชอบ เพราะว่าได้เห็นทางถนนแยก
ใช้ของล๊อกซิตานทั้งหมด ดีงามตรงนี้
มีเครื่องทำกาแฟ Nespresso ให้ด้วย
คราวหน้าจะต้องมานอนห้องวิวโตเกียวทาวเวอร์ให้ได้

อีกสิ่งที่จะไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่ห้องอาหาร Chef’s Dining SYMPHONY นอกจากเมนูที่มีความหลากหลายแล้ว ต้องไปลองสถานีไข่ (Egg Station) จะมีเมนูพิเศษของโรงแรมที่หาทานที่ไหนก็ไม่ได้ อย่าง ออมเล็ตสไตล์ญี่ปุ่น (IKI Omelet) มีหลายรสให้เลือก อาทิ เม็นไทโกะ (ไข่ปลาพอลล็อค), โซโบโระ (ไก่สับ), นิคุจากะ (เนื้อตุ๋นมันฝรั่ง) *วัตถุดิบจะสลับกันไปในแต่ละวัน (ปกติเมนูนี้จะมีบริการแค่บน Executive Lounge และจะเสิร์ฟที่ห้องอาหารนี้ถึง 30 พ.ย.เท่านั้น)

เมนูไข่ที่ต้องลอง รอบนี้แอดเลือก ไก่สับโซโบโระ
แยมผลไม้ทำสดคือดีงามมากๆๆๆ พีชกับเมลอน อร่อยยยยย

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องอาหารชั้นนำทั้ง GENJIKOH ที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่น,​ Sumida เสิร์ฟเทปันยากิ สเต๊ก และซีฟู้ด, KEI-KA-EN เสิร์ฟอาหารจีน และ มีบาร์ด้วย

ห้องอาหารญี่ปุ่นที่มีวิวเป็นสวนญี่ปุ่นสวยมากๆ
มียิมให้บริการด้วย

การเดินทางมาโรงแรม

  • รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Hanzomon สถานี Suitengumae ทางออก 4 ขึ้นทางเชื่อมมารร.ได้เลย
  • รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Hibiya สถานี Ningyocho ทางออก A2 เดิน 5 นาที
  • รถไฟใต้ดิน Toei สาย Asakusa สถานี Ningyocho ทางออก A3 เดิน 8 นาที

เดินทางไป-กลับสนามบินด้วยลิมูซีนบัส ที่ T-CAT (ดูตารางรถที่นี่)

  • สนามบินฮาเนดะ: 25 นาที (ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็ก 450 เยน)
  • สนามบินนาริตะ: 55 นาที (ผู้ใหญ่ 2,800 เยน เด็ก 1,400 เยน)