การเดินทางเที่ยวในเกียวโต ส่วนมากจะต้องมาเริ่มต้นกันที่สถานี JR Kyoto กันซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเดินทางมาจากโตเกียวหรือโอซาก้า ที่สถานีใหญ่แห่งนี้คือจุดรวมของรถไฟสายหลักแทบทุกสาย และทุกครั้งที่มาถึงจะต้องพบกับ Kyoto Tower บนอาคาร Kyoto Tower Hotel ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีเกียวโต

Kyoto Tower 京都タワー สร้างขึ้นเมื่อปี 1964 ในเดือนธันวาคมปีนี้ ก็จะมีอายุครบ 50 ปีแล้ว หอคอยมีความสูง 131 เมตร สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองเกียวโตได้ที่ระดับความสูง 100 เมตร ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น. ค่าขึ้นชมราคา 770 เยน (คูปองส่วนลดคลิกที่นี่ >>> คูปองส่วนลดค่าเข้า 70 เยน) ส่วนถ้าใครสนใจจะพักที่โรงแรม Kyoto tower ราคาไม่ได้แพงถ้าเทียบกับ location ราคาห้องสำหรับ 1 คนเริ่มต้นที่ 8000 เยนเท่านั้นเอง คลิกเพื่อดูรายละเอียดห้องพัก >>> KYOTO TOWER HOTEL

ginkin1

สถานี Kyoto 京都駅 เป็นสถานีที่ค่อนข้างใหม่ เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 1997  ถ้าสังเกตุดีๆรูปร่างหน้าตาอาคารจะทันสมัย อาคารมีลักษณะคล้ายกับ Umeda Sky Building ที่โอซาก้า เพราะนักออกแบบคือคนเดียวกันนั่นเองครับ (ชื่อ Hara Hiroshi) ภายในสถานีจะติดกับห้างใหญ่ 3 ห้างคือ Isetan, The cube และ Porta Underground Shopping Mall ดูรายละเอียดแผนที่ภายในสถานีได้ >>> ที่นี่

ginkin2

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ออกจากสถานี ด้านหน้าจะมีอาคารหลักเล็กๆเป็นซุ้มขายตั๋วการเดินทางภายในเมืองเกียวโต และบัตรที่เาจะใช้เดินทางทั่วเกียวโตในวันนี้ก็คือ Kyoto city Bus card ราคา 500 เยน ขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัดเที่ยวรอบเมืองเกียวโตภายใน  1วัน (คลิกเพื่อดูบัตรโดยสารชนิดอื่นๆ >>>ที่นี่) มีป้ายภาษาอังกฤษกำกับว่าต้องไปซื้อที่หน้าต่างไหน พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ครับ ไม่ยาก

ginkin3

สำหรับโปรแกรมเที่ยวในเกียวโต จะต้องวางแผนว่าเราจะไปเที่ยวส่วนไหนก่อนและมีวัดไหนที่อยู่ใกล้กันบ้าง ถ้ามีเวลามากกง่า 1 วันจะทำให้การเที่ยวในเกียวโตครอบคลุมมากขึ้น แต่ถ้ามีเวลาเพียงแค่ 1 วัน วัดที่ควรจะไปชม ก็ไม่น่าจะพ้น วัดเสาแดง Fushimi Inari วัดน้ำใส Kiyomisu ศาลเจ้า Heian และ วัดเงิน Ginkakuji วัดทอง Kinkakuji นี่เอง (สำหรับคนที่เดินทางไปเกียวโตในครั้งแรกนะครับ) ส่วนถ้าใครไปมากันหลายครั้งแล้วจะทราบว่า เกียวโตมีวัดและศาลเจ้าให้เที่ยวเยอะมาก เพราะฉะนั้นเราจะต้องโฟกัสเป็นจุดๆไป ไม่งั้นนั่งรถบัสวนไปมารอบเมือง จะทำให้เสียเวลามากๆ สำหรับในตอนนี้จะขอหยิบ วันเงิน และ วัดทอง ขึ้นมาพูดถึงนะครับ

ginkin4

Ginkakuji 銀閣寺 วัดพลับพลาเงิน หรือที่เรียกกันติดปากว่า วัดเงิน เป็นวัดนิกายเซน ตั้งอยู่บนเขาทางฝั่งตะวันออก Higashiyama ในปี 1482 ท่านโชกุน Ashikaga Yoshimasa  สั่งให้สร้างวัดเงินแห่งนี้ขึ้นโดยจำลองแบบมาจาก วัดทอง Ginkakuji ที่เป็นวัดในรุ่นปู่ของท่านโชกุนที่ตั้งอยู่เชิงเขาทางตอนเหนือ Kitayama โดยศิลปะวัฒนธรรมของ Higashiyama จะมีความแตกต่างจาก Kitayama คือ ไม่ได้จำกัดอยู่ในเฉพาะวงขุนนางเท่านั้น ยังมีการแพร่หลายในวงกว้าง พัฒนาศิลปะไปสู่การใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไปไม่ว่าจะเป็น พิธีชงชา การจัดดอกไม้ การออกแบบสวน เป็นต้น

ginkin5

วัดเงินมีทั้งหมด 2 ชั้น สาเหตุที่ทำไมจึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดเงิน มีสันนิษฐาน 2 ประการ นั่นคือ ตั้งชื่อเรียกให้ตรงข้ามกับวัดทอง Kinkakuji กับอีกสันนิษฐานมากจากที่ว่า เเสงจันทร์ในตอนกลางคืนที่ส่องกระทบกับตัวอาคารของวัด (ที่สมัยก่อนจะเป็นสีดำเงา) ทำให้คนมองเห็นสะท้อนกับแสงจันทร์เป็นสีเงิน จึงได้นำมาตั้งเป้นชื่อวัดแห่งนี้นั่นเองครับ

ginkin6

อาคารของวัดแห่งนี้เพิ่งได้รับการบูรณะเสร็จในปี 2010 ที่ผ่านมา หลังจากผ่านมรสุมต่างๆมาหลายต่อหลายครั้งในอดีต

ginkin9

บริเวณของวัด Ginkakuji ปะกอบด้วย อาคารวัด สวนมอส และ สวนหินทราย ที่จัดแต่งไว้อย่างเรียบง่ายและสวยงาม มีฉายาว่า Sea of Silver Sand และ โดมทรายหินที่ก่อตัวขึ้นมานั้นเรียกว่า Moon Viewing Platform

ginkin7

มีเด็กนักเรียนคอยช่วยให้ข้อมูลด้วย ฝึกพูดภาษาอังกฤษกันใหญ่เลย คอยถามนักท่องเที่ยวว่าเดินทางมาจากที่ไหน และเก็บเป็นข้อมูล สงสัยจะเอาไปส่งเป้นรายงานให้คุณครู ^^

ginkin8

 สามารถชมบริเวณของวัดได้โดยรอบ และเดินขึ้นไปชมวิวของวัดได้จากมุมสูงด้วย

ginkin10

เดินผ่านป่าไผ่ ร่มรื่นย์มากๆ

ginkin11

ช่วงที่ไปเป็นหน้าร้อน (กึ่งๆฝน) บรรยากาศเลยดูเขียวชอุ่มขนาดนี้

ginkin12

วิธีการเดินทาง นั่งรถบัสเบอร์ 5, 17, และ 100 จากสถานีเกียวโต ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.30-17.00 น. ค่าเข้าชม 500 เยน
ginkin13

ที่ทางออกมีร้านชาและร้านขนมอยู่ แวะชิมชาเขียวมัทชะของแท้ได้ที่นี่ ส่วนชูครีมรสชาเขียว อันละ 300 เยนเท่านั้นเอง หอม อร่อย หวานกำลังดี

ginkin14

จุดหมายต่อไปของเราคือ วัดทอง Kinkakuji

ginkin15

ถ้าสังเกตุจากแผนที่จะพบว่าอาณาบริเวณของวัดทองจะมีขนาดกว้างใหญ่กว่าวัดเงินมาก

ginkin16

Kinkakuji 金閣寺 วัดพลับพลาทอง หรือเรียกสั้นๆว่า วัดทอง สร้างขึ้นในปี 1387 ตั้งอยู่บนเขาทางตอนเหนือ Kitayama ในอดีตมีชื่อเรียกว่า Rokuonji มีลักษณะโดดเด่นคืออาคารทั้งหลังเป็นสีทองทั้งภายนอกและภายใน สะท้อนให้เห็นถึงความโอ่อ่าของศิลปะในยุค Kitayma ได้เป็นอย่างดี อาคารหลังปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี 1955 หลังจากโดนเผาทำลายไปในช่วงยุคสงครามโอนิน

ginkin17

อาคารของวัดจะมีทั้งหมด 3 ชั้น โดยในชั้นแรก เป็นสไตล์ Shinden ใช้เป็นพระราชวังในช่วงยุคเฮอัน ทำจากไม้ และผนังปูนสีขาว โดยประดิษฐานพระพุทธรูป Shaka ไว้ที่ห้องชั้นแรกนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเดินเข้าไปชมได้ แต่ถ้ามองข้ามบ่อน้ำไป ก็จะสสามารถมองเห้นได้ เพราะหน้าต่างที่ชั้นล่างจะเปิดไว้อยู่เสมอ

ginkin19

ชั้นที่สอง เป็นสไตล์ Bukke ใช้เป็นที่พำนักของซามูไรในอดีต มีเทวรูปของเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ครับ

ginkin18

และที่ชั้นบนสุด บนหลังคาจะมองเห็นนกฟีนิกซ์สีทองประดับอยู่

kinkakuji phoenix(ขอบคุณภาพนกฟินิกซ์จาก Wikipedia)

เดินผ่านสวนจะพบกับอาคารหลังที่สร้างขึ้นเพิ่มเติมในสมัยเอโดะ คือ Sekkatei Teahouse และมีทางเดินดานหลังสำหรับเดินขึ้นให้ไปชมวิวที่ด้านบน

ginkin20

ภาพถ่ายของด้านในอาคารวัด ชั้นบนสุดเป็นสีทองทั้งห้อง

ginkin21

ลองโยนเหรียญให้ลงขันกันดูมั้ยครับ

ginkin22

สวนที่วัดทองเเห่งนี้ถือว่าเป็นต้นแบบของ ‘Japanese Garden’ ที่สามารถเดินชมได้รอบด้าน
เรียกว่า Kaiyushiki-teien 回遊式庭園

ginkin23

วิธีการเดินทาง  นั่งรถบัสเบอร์ 101 และ 205 จากสถานีเกียวโต ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 400 เยน

ginkin24

ด้านหลังของวัดจะมีศาลเจ้าเล็กๆเรียกว่า Fudo Hall หลังจากเดินชมวัดเสร็จไม่นาน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ต้องยืนพักกันพักใหญ่เลยละครับ ใกล้ๆกันมี Tea House ให้สามารถไปนั่งจิบชามัทชะและสามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้ ส่วนตัวจะชอบมาซื้อชาเขียวของที่นี่ เพราะว่าหอมมาก ไม่เหมือนของที่ไหนเลย

ginkin25