Story & Photo by Adisak

การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งแรกสู่ประเทศญี่ปุ่น จากการเป็นผู้โชคดีในกิจกรรม #เที่ยวโตเกียวไลท์ซีซั่นครั้งที่ 3 จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ ต้องขอบคุณเว็บไชต์ เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม และ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่เปิดโอกาสให้ได้สัมผัสการท่องเที่ยวในช่วงที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นช่วงหนึ่ง

taax-autumn main

การเดินทางครั้งนี้ ผมได้เดินทางกับสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่อำนวยความสะดวกตลอดการบินจากสนามดอนเมืองสู่สนามบินนาริตะ การเดินทางใช้เวลา 6 ชั่วโมง 30 นาที ด้วยเที่ยวบินบิน XJ600 เป็นเครื่องบิน Airbus A330 ขนาดใหญ่ พร้อมบริการระดับมาตรฐาน ที่มีทั้งชั้นประหยัดจนถึงชั้นธุรกิจครับ

taax-autumn 01

เปิดหน้าต่าง ขึ้นมา เป็นเวลา 10:10 นาที โดยอีกประมาณ 30 นาที เครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินนาริตะ พนักงานต้อนรับจะนำใบตรวจคนเข้าเมืองและให้กรอกข้อมูล สำหรับคนที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกอย่างผม แนะนำให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและที่พักให้ครบถ้วนและชัดเจน 

ภาพแรกจากสนามบินนาริตะ อากาศกำลังเย็นและมีฝนตกเล็กน้อยครับ จากนั้นก็ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของทางประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ผ่านจะด่านตรวจคนเข้าเมือง

taax-autumn 02

ผมเลือกใช้บริการของรถไฟ Skyliner โดยเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสุดจากสนามบินนาริตะ สู่สถานี Ueno โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที ครับ ซื้อพร้อมกับตั๋ว Tokyo Subway Ticket ก็จะยิ่งประหยัดขึ้นไปอีก

taax-autumn 03

เมื่อถึงสถานี Ueno ผมได้ไปที่พักเพื่อฝากกระเป๋าเดินทางก่อน ซึ่งที่พักผมเลือกพักแบบ Hostel ครับ จากสถานี Ueno ไปสถานี Asakusabashi การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินครั้งแรกในญี่ปุ่น วิธีการนั่งรถไฟใต้ดินของญึ่ปุ่นคือใช้ แอ็ปพลิเคชั่น Hyperdia เลือกสถานที่ที่จะไป ระบบจะคำนวณเส้นทางและระยะเวลารถไฟให้เราครับ ค่อนข้างสะดวกสำหรับมือใหม่หัดเที่ยวในโตเกียวและเมืองอื่นๆ

ที่พักคืนแรกที่ “Little Japan” ออกแนวสไตล์โมเดิร์น เรียบง่าย ภายในที่พักมีห้องนั่งเล่นน่ารักๆ จากสถานี Asakusabashi เดินทางประมาณ 15 นาทีก็ถึงที่พัก หลังจากที่เช็คอินและฝากกระเป๋าแล้ว เราจะเดินทางไปที่  ห้าแยก Shibuya 

taax-autumn 04

มื้อแรกคือ “ขนมปลาไทยากิ” ข้างในเป็นไส้มันบด รสชาติออกหวานๆอร่อยดีครับ พิกัดร้านเดินออกจากสถานีใต้ดิน Asakusabashi เดินมาด้านซ้ายมือ ร้านจะอยู่ตรงหัวมุมของตึก ฝั่งตรงข้าม

taax-autumn 05

จุดแรกที่ผมจะไปคือ ห้าแยกชิบุย่า ช่วงที่ผมไปตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี โดยอากาศวันนี้ค่อนข้างหนาว

taax-autumn 06

บรรยากาศตอนกลางคืนในย่านชินจูกุ

taax-autumn 07

taax-autumn 08

เดินทางต่อมาที่สถานี Harajuku เพื่อมาหาร้านอาหารทาน เราเลือกทานที่ร้าน Jonetsu Horumon ซึ่งร้านนี้ขึ้นชื่อเมนูเนื้อวากิวเอห้า เป็นเกรดพรีเมียม รสชาติของวากิวนุ่มและมีกลิ่นของเนื้อติดปาก ทานควบคู่พร้อมกับเบียร์สดยี่ห้อ Asahi

taax-autumn 09


ช่วงเช้าของวันที่ 2 เราเดินทางไปที่สถานีรถบัสชินจุกุ (Busta Shinjuku) เพื่อขึ้นรถบัสไปทะเลสาบ Kawaguchiko

จากที่พัก Asakusabashi ลงที่สถานี Kuramea นั่งเส้น Oedo Line เพื่อลงที่ สถานีรถไฟใต้ดินของชิจุกุ หมายเลข E01 ให้สังเกตป้าย “ Odakyu Ace South Area” เดินตามป้ายนี้เราจะมาโผล่ที่ทางออกฝั่งใต้ของสถานี โดยตรงข้ามจะเป็นสถานีรถบัสชินจุกุ

เมื่อถึงสถานีรถบัสให้เราเดินขึ้นไปที่ชั้น 4 ของตึกเพื่อทำการซื้อตั๋วรถบัส ราคาตั๋วโดยสารอยู่ที่ 1,750 เยนต่อเที่ยว การเดินทางโดยรถบัสเพื่อไปทะเลสาบ Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที 

taax-autumn 10

ถึงสถานี Kawaguchiko เร็วกว่าที่คาดไว้ โดยผมเลือกเข้าที่พักเพื่อฝากกระเป๋าเดินทางก่อนเลย อุณหภูมิที่นี่อยู่ที่ ประมาณ 8 องศา แต่น่าเสียดายที่วันนี้มีฝนตกตลอดทั้งวัน

taax-autumn 11

ที่พักผมเลือกเป็น K’s House Mt.Fuji ซึ่งคนไทยนิยมมาพักเพราะราคาที่ถูก และมีบริการเช่าจักรยานจากที่พัก เพื่อปั่นชมวิวรอบๆทะเลสาบ 

taax-autumn 12

หลังจากฝากกระเป๋าและเช่าจักรยานมาแล้ว เรามาเติมพลังก่อนปั่นชมเมืองและทะเลสาบ ที่ร้านราเมงเป็นร้านเล็กๆแต่ความอร่อยที่ไม่เล็กเลย ที่ร้านมีเมนูราเมง มิโซะราเมง ของทอด และสาเกทั้งแบบร้อนแบบเย็น ให้เลือกสั่งครับ มิโซะราเมงที่นี่เด็ดมากครับ

taax-autumn 13

การปั่นจักรยานมาที่เจดีย์แดง Chureito Pagoda เป็นเส้นทางภายในเมืองผ่านจุดที่เป็นธรรมชาติ การปั่นมีทั้งขึ้นละลงเขา โดยจักรยานที่เช่ามามีเกียร์สปีดให้ปรับถึง 5 ระดับทำให้การปั่นสบายขึ้น ระยะจากที่พักไปเจดีย์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถปั่นมาถึงแล้ว

taax-autumn 14

taax-autumn 15

เจดีย์แดง Chureito Pagoda สวยสง่างามเด่น ตัดกับสีของต้นไม้รอบๆ ด้านล่างก่อนถึงเจดีย์จะมีศาลเจ้าเล็กๆให้ทำบุญละซื้อเครื่องรางของฝาก 

taax-autumn 16

มุมมหาชนที่ใครๆไปต่างต้องถ่ายในมุมนี้ ซึ่งอากาศในวันนี้มีฝนตกตลอดทั้งวันเป็นผลทำให้ไม่เห็นฟูจิซังในวันนี้.. 

taax-autumn 17

หลังจากชมความสวยงามของเจดีย์แดงกันแล้ว ผมได้ปั่นกลับมาที่ทะเลสาบอีกครั้ง ทะเลสาบ Kawaguchiko เป็นทะเลสาบ 1 ใน 5 ทะเลสาบขนาดใหญ่ ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ การปั่นจักรยานให้ครบรอบทะเลสาบนั้นใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนพร่ำตลอดเวลา จะมองเห็นหมอกสลับกับวิวภูเขาที่สวยงาม รอบๆทะเลสาบเราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ที่ใช้วิถีชีวิตแบบเรียบง่าย..

ปั่นมาสักพักก็มาลองไอศกรีมมันม่วงถือเป็นไฮไลท์ของฤดูกาลนี้ครับ รสชาติออกกลิ่นมันม่วงหอมและหวาน

taax-autumn 18

ปิดท้ายวันด้วยเมนูพิเศษพื้นเมืองที่มีชื่อว่า “Hou-Tou” เป็นเมนูที่คล้ายอูด้งแต่จะมีเส้นที่หนากว่า ส่วนประกอบหลักจะเป็นผัก ซึ่งในเมนูเราสามารถเลือกทานพร้อมเนื้อสัตว์ได้ รสชาติโดยรวมอร่อยดี ใครที่ชอบทานผักไม่ควรพลาดกับเมนูพื้นบ้านนี้เลยครับ..

taax-autumn 19


เปิดโลกใหม่ๆกับการตื่นเช้า ท่ามกลางสภาพอากาศ ณ ตอนนี้ 5 องศา หนาวกว่าหลายๆวันที่ผ่านมา เช้านี้ผมต้องดื่มกาแฟร้อนๆสักแก้ว เพื่อคลายความหนาว ก่อนออกเดินทางพร้อมจักรยานคู่ใจ..

ภาพประทับใจแรก ครั้งแรกที่ตื่นเต้นมากๆกับการเผชิญหน้าฟูจิซังเป็นครั้งแรก ผมได้พบกับฟูจิซัง แบบสวมหมวกหิมะ ที่ทุกคนต่างเฝ้าชมความสวยงาม ผมจึงไม่พลาดเลยที่จะไปเก็บภาพความประทับแบบใกล้ๆในครั้งนี้

taax-autumn 20

การปั่นจักรยานมาจุดที่สูงๆบนสะพานของทะเลสาบ Kawaguchiko คงเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมทำได้ไวกว่าจุดไหนๆ บอกได้เลยว่า ฟูจิซังนั้นสวยงามและอลังการมาก บวกกับสภาพอากาศที่เป็นใจ ทำให้ผมได้เห็นฟูจิซัง ได้เต็มลูกครับ 

เพื่อนๆก็สามารถมาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ได้ไม่ยาก โดยเช็ควันเวลาที่เดินทาง พร้อมเช็คสภาพอากาศ ในวันที่เราจะเดินทางมาที่ทะเลสาบแห่งนี้ครับ การปั่นจักรยานชมความสวยงามรอบๆทะเลสาบ ถือเป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว หรือการล่องเรือเพื่อชมทัศนียภาพรอบๆทะเลสาบ ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราสามารถสัมผัสธรรมชาติของทะเลสาบ Kawaguchiko กับภูเขาไฟฟูจิได้อย่างลงตัว..

taax-autumn 21

จากจุดชมวิวบนสะพาน ปั่นมาทางจุดชมวิวมุมสูงชื่อ “คาจิคาจิ” ขึ้นกระเช้า Mt.Fuji Panoramic Ropeway ซึ่งกระเช้าจะออกทุกๆ 10 นาที เราสามารถฝากจักรยานไว้ด้านข้างและเดินขึ้นไปซื้อตั๋วกับตู้อัตโนมัติได้ ซึ่งมีเมนูภาษาไทยด้วยนะ สะดวกมากครับ

ค่าบริการ ไป-กลับ ราคา 720 เยน เที่ยวเดียว 410 เยน โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวัน
(มีนาคม-พฤศจิกายน ช่วงเวลา 09:00-16:40 และเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ช่วงเวลา 09:30-16:40) 

taax-autumn 22

taax-autumn 23

สัญญลักษณ์ของที่จุดชมวิวนี้จะเป็นรูปปั้นกระต่ายกับตัวทานูกิ ตั้งอยู่หลายหลากท่าทาง หน้าลานจะมีระฆังรูปหัวใจให้สั่นและขอพรอธิฐานเรื่องความรัก.. จุดชมวิวด้านบนสุดเราสามารถมองเห็นวิวทั้งหมดของทะเลสาบ Kawaguchiko และอีกด้านก็สามารถมองเห็นสวนสนุก Fuji Q Hiland ได้เช่นกันครับ.. อากาศหนาวๆสั่งขนมดังโงะร้อนทาน พร้อมกับมองวิวเพลินๆก่อนลงจากจุดชมวิว นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยหนาตามากนัก ทำให้จุดวิวนี้มีความเงียบสงบ  

taax-autumn 24

ได้เวลาเดินทางกลับ จากสถานี Kawaguchiko ซื้อตั๋วรถบัสเดินทางกลับโตเกียว 1 เที่ยว ราคา 1,800 เยน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาทีก็ถึงครับ

มาถึงแล้ว ผมมีแผนที่จะแลกตั๋วเดินทาง All 4 Day Nikko Pass สำหรับเดินทางต่อไปที่เมืองนิคโก้ในตอนเช้าของพรุ่งนี้กันครับ

เมื่อถึงสถานีโตเกียว เดินออกมาทางด้านขวาฝั่งตะวันออก เดินข้ามถนนมาจะเห็นทางลงของสถานีใต้ดิน ผมเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินขึ้นจากสถานี Nihombashi  ไปยังสถานี Asakusa  พอถึงสถานีให้ใช้ทางออก A4-A5 ทางไปวัดอาซากุสะ (Sensoji Temple)

เมื่อถึงถนนให้เดินทางไปที่สถานีรถไฟ Tobu – Asakusa (จุดสังเกตของสถานีคือป้ายไฟเขียนว่า “EKIMISE” หรือ ถ้าคุณมองเห็น “Tokyo Sky Tree” ก็แปลว่าคุณได้มาถูกทางแล้วครับ โดยจุดแลกจะอยู่ชั้นแรกสังเกตป้ายสีน้ำเงิน “Tobu Tourist Information Center Tobu – Asakusa” เราสามารถซื้อตั๋วและแลกตั๋วได้จากจุดนี้ครับ

ผมได้แลกตั๋วแบบ All 4 Day Nikko Pass สามารถนั่งรถบัสเที่ยวได้ทั้งโซนมรดกโลกและโซนธรรมชาติถึง 4 วัน ผมได้เลือกซื้อตั๋วแบบรถไฟ Limited Express Revaty ซึ่งเป็นรถไฟความไวสูงและถึงเมืองนิคโก้ เร็วกว่ารถไฟรอบปกติ 1 ชั่วโมง โดยถ้าเรามี พาสนี้จะได้รับส่วนลด จากราคาเต็ม 1,440 เยน เหลือแค่ 1,160 เยน เท่านั้น 

taax-autumn 25

จากแลกตั๋วเดินทางเสร็จผมได้เข้าที่พัก Hotel 3000 Asakusa honten ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานี Tobu – Asakusa มากนัก ซึ่งที่พักผมใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งซื้อของฝาก 

taax-autumn 26

จากสถานีใต้ดิน Asakusa ผมได้เดินทางมาที่ Akihabara ซึ่งที่นี้เป็นแหล่งรวมเครื่องไฟฟ้า เกมส์ ของสะสม ขนาดใหญ่ของโตเกียว จุดที่น่าสนใจจะเป็นของสะสมที่หาซื้อยาก และคาเฟ่อะนิเมะที่ทำให้คุณหลงใหลไปกับสิ่งนี้

taax-autumn 27

มื้อค่ำเบาๆ ขนมไส้ครีมด้านบนเป็นเกร็ดน้ำตาล กับชาเขียวมัทฉะแท้ๆจากร้าน “Brioche Doree”

taax-autumn 28

กลับมาที่สถานี Asakusa เพื่อมาเดินเก็บบรรยากาศของวัด Sensoji หรือวัด Asakusa ครับ สำหรับคนที่หลบนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงเช้า เวลาในช่วงเวลากลางคืนเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปในบริเวณวัด

taax-autumn 29

 เดินถัดมาเรื่อยๆจะมีร้านฝากของอย่าง ดองกี้ ซึ่งสามารถเลือกช้อปปิ้งกันได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย.. 

taax-autumn 30


ตอนเช้าช่วงเวลาตี 5 ครึ่ง ออกเดินทางจากที่พักเดินไปที่สถานีTobu – Asakusa เพื่อขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ Revalty ซึ่งจะนำเราไปสู่เมืองนิคโก้  โดยผมเลือกเป็นเที่ยวแรก ออกเวลา 6:30 น.และจะถึงสถานี Tobu – Nikko ในเวลา 8.22 น.

taax-autumn 31

ภายในห้องโดยสารรถไฟระบุที่นั่ง ให้เรานั่งตามเลขที่นั่งที่ระบุบนตั๋วเดินทาง โดยเหนือที่นั่งของเราจะมีที่ให้เก็บกระเป๋าและสัมภาระ ในขบวนรถไฟจะมีบริการอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย พอออกจากเมืองโตเกียวได้ไม่นานเราก็จะได้เห็นบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่น แบบเรียบง่าย ทุ่งนาสีเขียวชุ่ม นั่งชมวิวเพลินๆได้สักพักหนึ่งก็ถึงสถานี Tobu – Nikko ตามเวลาของตั๋วเดินทาง..

taax-autumn 32

taax-autumn 33

เมืองนิกโก้ (Nikko) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดโทจิงิ (Tochigi) มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์และเป็นเมืองมรดกโลกทำให้ไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมาสัมผัส เมื่อผมเดินออกจากสถานี Tobu – Nikko ด้านหน้าของสถานีจะมีป้ายบอกเส้นทางของรถบัสและแผนที่ของเมือง 

บรรยากาศของเมืองมีอากาศที่หนาวกำลังดี รอบๆเมืองโอบล้อมด้วยภูเขา จากนั้นผมได้นำกระเป๋าเดินทางไปฝากที่พัก The Nikko Park Lodge Tobu station ซึ่งที่พักที่ผมเลือก อยู่ตรงข้ามสถานี Tobu Nikko ประมาณ 300 เมตร เท่านั้น ทำให้การเดินทางไปต่อสายรถบัสสะดวกและเร็วขึ้น 

จุดแรกที่ผมจะไปคือ ป้ายที่ 45 Kohammae โดยนั่งรสบัสสาย A2 (Nikko – Yumoto Onsen) การขึ้นลงรถบัสให้เรายื่นตั๋วโดยสารโชว์กับพนักงานขับรถ โดยตั๋วโดยสารที่ใช้เป็นแบบ All 4 Day Nikko Pass สามารถนั่งรถได้ทั้งโซนมรดกโลกและโซนธรรมชาติ 

taax-autumn 34

ป้ายที่ 45 Kohammae ลงเดินมาเราจะเห็นทุ่งดอกหญ้าสีทองตัดทะเลสาบ Yunoko โดยวิวทิวทัศน์รอบๆจะเป็นภูเขาที่ต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีไปบ้างแล้วเป็นบางส่วน 

taax-autumn 35

ต้นเมเปิลโดยรอบๆจุดนี้จะเปลี่ยนใบสีแดงสวยอย่างเห็นได้ชัดเจน ดูดึงดูสายตานักท่องเที่ยวให้ต้องลงมาถ่ายรูป จุดนี้เดินไม่ไกลจากยูโมโตะสปาครับ

taax-autumn 36

ป้ายที่ 37 Ryuzu no taki สำหรับป้ายนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ครับ น้ำตก Ryuzu ตั้งอยู่บนแม่น้ำยูคาวะ (Yukawa River) เป็นน้ำตกที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากๆ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาเก็บความสวยงามของสายน้ำตกที่ทอดยาว โดยบริเวณรอบๆทางเดินขึ้นน้ำตก จะมีจุดให้ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เริ่มแดงสะพรั่ง

taax-autumn 40

taax-autumn 37

taax-autumn 38

taax-autumn 39

ป้ายที่ 28 Funenoeki Chuzenji โดยป้ายนี้เราจะเดินขึ้นไปบนสะพานเพื่อชมทะเลสาบ Chuzenji และภูเขารอบๆ ช่วงเย็นนักท่องเที่ยวจะน้อยมาก สภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ผมได้สัมผัสถึงความสงบที่โอบล้อมด้วยภูเขา ประสานกับกลุ่มเมฆหมอก ประมาณ 5 โมงเย็นของที่นี่ก็ค่ำแล้ว

taax-autumn 41


เช้าของการเดินทางวันที่ 5 ผมเดินทางมาที่โซนมรดกโลก ในวันนี้จะมีกิจกรรมงานประจำปีของเมืองนิกโก้ โดยจัดขึ้นที่ศาลเจ้าโทโชกุ ทุกวันที่ 17 เดือนพฤษภาคม และ วันที่ 17 เดือนตุลาคม ของทุกปี

taax-autumn 42

กิจกรรมเราสามารถเข้าร่วมได้ตลอดทั้งเวลา ช่วง 10 โมงเช้าจะมีการเดินแห่ ขนวบซามูไร จำนวน 1000 คน ที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมร่วมสมัยทำให้การโชว์ครั้งนี้ดูตื่นตาตื่นใจกับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ด้วยความสง่างามของขนวบม้าซามูไร ทำให้กิจกรรมนี้เป็นไฮไลท์ของวันนี้..  

taax-autumn 44

พิธีการแห่ขบวนในช่วงแรกจะมาสิ้นสุดที่ศาลเจ้าโทโชกุ ซึ่งเต็มไปด้วยคนญี่ปุ่นท้องถิ่นจำนวนมากเข้าร่วมงาน โดยพิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรำลึกถึงโชกุนชื่อดังอย่าง “โชกุนโทกุงาวะ อิเอมิตสึ” ซึ่งเป็นโชกุนคนแรกในยุคเอโดะ 

taax-autumn 45

จากงานพิธีช่วงเช้าไปกันต่อที่โซนด้านในจะเป็นวิหารหลัก และวิหารรองของศาลเจ้าโทโชกุ มีค่าผ่านประตู คนละ 1,300 เยน ภายในจะมีเจดีย์สีแดงชั้น 5 ที่แกะสลักด้วย 12 นักษัตร 

taax-autumn 46

จุดต่อมาเป็นอาคารขนาดเล็กชั้นเดียว มีงานแกะสลักรูปลิง 3 ตัว โดยมีอิริยาบถ ปิดหู ปิดตา และปิดปาก โดยมีความหมายว่า การไม่ฟัง ไม่ดู และไม่พูดสิ่งที่ไม่ดี

taax-autumn 47

ภายในจะมีวิหารหลักและวิหารรอง เราสามารถเข้าชมได้โดยภายในวิหารรองจะมีเจ้าหน้าที่ แนะนำสถานที่และความเป็นมาของวิหาร โดยวิหารทั้งสองนั้นสร้างเพื่ออุทิศให้ดวงวิญญาณของโชกุนโทกุงาวะ ตัวอาคารที่มีการบูรณะทำให้คงสภาพของเดิม ผสมผสามกับสถาปัตยกรรมร่วมสมัยซึ่งสะท้อนให้เราเห็นถึงความรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต

taax-autumn 48

taax-autumn 43

ป้ายที่ 24 Akechidaira Ropeway ป้ายนี้เราสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงได้ วิวด้านบนจะเห็นน้ำตก Kegon และทิวทัศนภูเขาที่อลังการของสถานที่แห่งนี้ 

กระเช้าลอยฟ้าเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.00 น.
ค่าขึ้นกระเช้าแบบไป-กลับ ราคา 730 เยน  ในแต่ละรอบจะมีเวลาให้เราได้ชมวิวประมาณ 20 – 30 นาที

taax-autumn 49

taax-autumn 50

taax-autumn 51

taax-autumn 52


เช้าวันสุดท้ายของการเดินทาง ท้องฟ้าในเมืองนิกโก้เปิด แดดออกตั้งแต่ก้าวเดินออกจากที่พัก วันนี้เปลี่ยนจากการนั่งรถประจำทางมาเดินเล่นชมเมือง ชมวิถีชีวิตของผู้คนภายในเมือง จากสถานีโทบุนิกโก้ เดินไปที่จุดชมวิว

taax-autumn 53

ป้ายที่ 7 Shinkyo Bridge สะพานชินเคียว เป็น 1 ใน 3 สะพานที่ติดอันดับมีความสวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ผมเลือกซื้อตั๋วเข้าชมบนสะพาน ราคา 300 เยน

เปิดให้บริการช่วงเวลา 8:00 – 17:00 น. (เดือนเมษายน – กันยายน )
เวลา 8:00 – 16:00 น. (เดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน)
เวลา 9:00 – 16:00 น. (เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม)

taax-autumn 54

taax-autumn 55

ภายในสุสานอิเอะมิสุ (Taiyuin) เราสามารถเข้าสักการะ โดยภายในของสุสานจะมีเครื่องประดับ วัตถุโบราณ เสื้อชุดเกราะโชกุนอายุร่วม 400 ปี  ภายในจะไม่เน้นความหรูหรามาก ด้วยความแก่เก่าของสถานที่มีการบูรณะเรื่อยๆเพื่อคงสภาพของสุสานให้สวยงาม ผนังภายนอกของสุสานจะแกะสลักลวดลาย บงบอกถึงความเจริญรุ่งเรือง และให้เกียรติแก่ดวงวิญญาณของโชกุน

taax-autumn 56

taax-autumn 57

ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนถือเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวได้ตื่นเต้นกับธรรมชาติของญี่ปุ่น ในเมืองนิกโก้ได้อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าในการเดินทางมาเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งทางของนักเดินทางที่ต้องการ เห็นความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความสงบ และดื่มด่ำกับอาหารญี่ปุ่นที่หลากหลาย

taax-autumn 58

จากโซนวัดมรดกโลกเดินกลับมาตามทางไปสถานี Tobu-Nikko มีร้านคาเฟ่เล็กๆ ภายในร้านตกแต่งด้วยงานฝีมือพื้นบ้าน ถ้วยชาม เซรามิก ของฝากเก๋ๆ ผมนั่งที่ร้านและสั่งเมนูขนมหวาน เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน ซึ่งทางร้านแนะนำบอกเป็นขนมเฮลตี้ เมนูนี้เป็นพุดดิ้ง มีถั่วแดง ไอศกรีม เสริฟพร้อมกับน้ำชาเขียวร้อน

taax-autumn 59

จากมื้อนี้แล้วเราจะเดินทางกลับโตเกียวด้วยรถไฟความเร็วสูง ต่อรถไฟความเร็วสูง Skyliner สู่สนามบินนาริตะ และบินจากสนามบินนาริตะกลับกรุงเทพ-ดอนเมืองด้วย สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ 

taax-autumn 60

ความประทับใจจากการเดินทางในโตเกียว ทะเลสาบคาวากุจิโกะ และเมืองนิกโก้ ในช่วงต้นของใบไม้เปลียนสีครั้งนี้ ทำให้เราได้สัมผัสกับกิจกรรม วัฒนธรรมญี่ปุ่น การใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น อาหารพื้นบ้านญี่ปุ่นที่มีให้เลือกทานที่หลากหลายมีรสชาติที่ถูกปากนักท่องเที่ยว และธรรมชาติที่สมบูรณ์สร้างความสวยงามมาให้นักท่องเที่ยวได้หลงรักในช่วงเวลาที่ดีช่วงนี้..

เสน่ห์อีกอย่างของการเดินทางประเทศญี่ปุ่นคนเดียว คือการได้วางแผนการเดินทาง ความสนุกของการเดินทางที่เราไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำเลยว่าวันนี้จะออกมาในรูปแบบไหน โดยการเลือกพักแบบ Hostel นอนรวมก็เหมือนกับการเปิดโลกกว้างได้อยู่กับคนแปลกหน้า ทั้งชายและหญิง ต่างภาษา ต่างวัย ต่างวัฒนธรรม แต่เราสามารถเรียนรู้การสื่อสารได้ด้วยบทสนทนาที่ดูเรียบง่า และเข้าใจกันได้ การพูดคุยทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความคิด รสชาติของอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไป รสนิยม และการได้เพื่อนใหม่ในทุกๆค่ำคืน

การเดินทางคือการค้นหาตัวตนอีกด้านหนึ่งของเรา นี่แหละคือความสุขเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในทุกๆก้าวของการเดินทาง.. ณ ที่แห่งนี้ ประเทศญี่ปุ่น..แล้วพบกันใหม่นะ