ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo ตอน 2 : เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate)

การเดินทางในครั้งนี้ จะเป็นการใช้พาสรถไฟ JR East-South Hokkaido Rail Pass ใบเดียวอยู่ทั้งทริป พาสนี้สามารถเลือกใช้ได้อิสระ 6 วัน (ราคา 26,000 เยน ซื้อจากไทยราคาถูกกว่าซื้อในญี่ปุ่น) โดยตั้งใจจะขึ้น Hokkaido Shinkansen จากสถานี Tokyo ยิงยาวไปสถานี Shin-Hakodate-Hokuto ที่เกาะฮอกไกโดกันครับ

ดูรายละเอียดพาส >> JR East-South Hokkaido Rail Pass พาสสุดคุ้มขึ้น Shinkansen เที่ยวฮอกไกโดจากโตเกียว

ครั้งนี้วางแผนเริ่มต้นการเดินทางกันที่โตเกียว โดยจะใช้ JR East-South Hokkaido Rail Pass ลองขึ้น Hokkaido Shinkansen พุ่งตรงไปยังฮอกไกโด เป็นครั้งแรก เที่ยวเมืองฮาโกดาเตะก่อน และหลังจากนั้นจะไล่เที่ยวย้อนกลับมาตามเส้นทางในโทโฮขุ เป็นระยะเวลา 7 วันเต็ม

อ่านรีวิวการเดินทางของวันแรกได้ที่นี่ >> ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo วิ่งตรงสู่ฮอกไกโด

ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าได้ >> ที่นี่

สำหรับรีวิวในตอนนี้เรายังอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด จะเที่ยวที่เมืองฮาโกดาเตะ กันทั้งวัน เริ่มต้นเช้าวันถัดมาเราเดินทางไปเที่ยวชมตลาดเช้าของเมืองกันที่ ตลาดเช้าอะซะอิจิ (Asaichi) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ JR Hakodate

ที่นี่ถือได้ว่าเป็นตลาดเช้าแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฮาโกดาเตะ ที่นี่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากทะเล ไม่ว่าจะเป็นแซลมอน หอยเชลล์ หรือปลาหมึกสดๆจากร้านค้านับสิบร้าน

นักท่องเที่ยวสามารถมาเลือกซื้ออาหารสดแล้วนำกลับไปทำทานที่บ้าน หรือว่าจะซื้อที่แบบปรุงแล้วรับประทานได้ทันที นอกจากนี้ยังมีร้านข้าวหน้าต่างๆไว้คอยให้บริการอีกด้วย โดยจะเปิดให้บริการเริ่มตั้งแต่ตี 5 จนถึงราวช่วงบ่ายๆของวัน

กิจกรรมตกหมึก ทานซาชิมิสดๆ ที่ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ ถ้าได้มาถึงเมืองฮาโกดาเตะ สวรรค์ของคนรักซีฟู้ด ที่มีอาหารทะเลสดๆให้เลือกทานกันมากมาย อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด สำหรับ Ika-tsuri หรือการตกปลาหมึกแบบสดๆ ที่ตลาดเช้า มีคนมาต่อคิวรอกันยาวเหยียด

วิธีการ ตก ให้เอาตะขอเกี่ยวหู (เรียกตามคนญี่ปุ่น) ดูจากในคลิปที่ทำนะครับ โดนคุณป้าดุเลย เพราะดันไปเกี่ยวโดนหัวน้องหมึก แล้วก็ระวังน้ำกระเด็นพุ่งใส่คนข้างๆ ด้วยตอนตกขึ้นมา

ถ้าตกได้แล้ว พ่อค้าก็จะนำไปหั่นเป็นซาชิมิให้ทานกันแบบสดๆตรงนั้นเลย อย่าลืมเหยาะโชยุ ลงไปตรงหนวดปลาหมึกดูนะครับ สนนราคา ครั้งละ 910 เยน (ราคาเปลี่ยนแปลงตามแต่ละวัน) ตั้งแต่เวลา 6.00-13.30 น.

ฝาท่อลายฮาโกดาเตะ เป็นลายปลาหมึกสุดน่ารัก ของขึ้นชื่อของเมือง

ถ้าได้มาช่วงหน้าร้อน สิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ การชินเมลอนสดๆ หวานฉ่ำ

แวะชิมซอฟครีมรสหมึกดำ รสออกนมๆ ไม่มีกลิ่นคาวของหมึกดำ


หลังจากเดินเที่ยว เติมพลังในตอนเช้ากันแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปกันเลย คราวนี้อาจจะแหวกแนวไปสักหน่อย เพราะเราจะไปดูฟาร์มม้าของญี่ปุ่นกันว่าจะเป็นยังไง

พิพิธภัณฑ์ม้า Paard Musee International Museum of Horse กล่าวได้ว่าชีวิตของคนในประวัติศาสตร์นั้นจะต้องมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับม้าแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใช้ในเรื่องของการศึกสงคราม ใช้ในการทุ่นแรงการเดินสำรวจพื้นที่เพื่อขยายอาณานิคม หรือแม้แต่ใช้ในการเดินทาง เข้าสู่เว็บไซต์ >> PAARD MUSEE

วิธีการเดินทาง จากสถานี Hakodate โดยสารรถไฟ JR Hakodate Line ลงที่สถานี Nagareyama-onsen ใช้เวลา 50 นาที จากนั้นเดินประมาณ 10 นาที

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เล่าถึงเรื่องของประวัติความเป็นมาจนถึงวิวัฒนาการปัจจุบันของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติ และสัตว์ โดยที่นี่ยังเปิดเป็นฟาร์มสอนขี่ม้า อีกทั้งเด็กๆยังสามารถสนุกกับการนั่งรถม้าชมทัศนียภาพสวยๆรอบฟาร์มแห่งนี้อีกด้วย

และนี่คือ อุเมะซัง ที่อายุอานามต้องเรียกได้ว่าเป็นคุณยายแล้ว แต่ยังคงแข็งแรง และเข้ากับมนุษย์ได้อย่างดี ทางฟาร์มเปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาทำความรู้จักคุ้นเคยกับอุเมะซัง ถ้าอยากจะขึ้นไปนั่งบนหลังอุ่นของคุณยายละก็แค่ทำตามกฎเหล่านี้ให้ครบถ้วน ก็จะสามารถขึ้นไปเดินเล่นกับอุเมะซังได้แล้ว

ก่อนอื่นต้องเดินไปหาหญ้าสีเขียวๆของโปรดของคุณยายมาก่อน แล้วค่อยๆป้อนให้คุณยายกิน หลังจากนั้นก็ใช้แปรงหวีขนให้คุณยายสบายตัวสักหน่อย พอคุณยายเริ่มคุ้นแล้ว ก็สามารถพาไปเดินเล่นรอบๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเรา แต่มีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่งคือ ห้ามเข้าไปทางด้านหลังคุณยายเด็ดขาด เนื่องจากเป็นจุดบอดและอาจทำให้เกิดอันตรายได้

เมื่อรู้จักกันระดับนึงแล้ว คุณยายก็จะเริ่มใจอ่อนให้เราขึ้นไปนั่งเล่นบนหลังอุ่นๆของคุณยายได้แล้วนั่นเอง

ภายในฟาร์มแห่งนี้ ยังสามารถมาตั้งแคมป์พักแรมได้อีกด้วย กับที่พักที่ชื่อว่า  Moving House Smart Modulo เป็นบ้านเรียบง่าย แต่ดูอบอุ่น ครบครันไปด้วยข้าวของเครื่งใช้อำนวยความสะดวกต่างๆ

ในพิพิธภัณฑ์ยังมีสวนแนวอาร์ตให้ได้ชื่นชมอีกด้วย

ถ้าเดินเล่นแล้วหิวก็สามารถฝากท้องไว้ได้ที่นี่มีพิซซ่าที่อบเองแสนอร่อย แต่เสียดายที่คราวนี้เวลาไม่พอเลยไม่ได้ชิม ถ้าคราวหน้ามีโอกาสมา จะต้องมาแวะชิมให้ได้เลย


สำหรับมื้อเที่ยงวันนี้ เราแวะชิม Lucky Pierrot เบอร์เกอร์ชื่อดังของเมืองฮาโกดะเตะที่มีสาขาอยู่มากมาย ร้านแฮมเบอเกอร์สำหรับทุกคน ที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นไว้ได้อย่างลงตัว โดยในวันนี้เราแวะมาทานกันที่สาขาหลัก Togeshitasohonten 峠下総本店 ตกแต่งร้านแบบพิเศษเป็น Theme House ไม่เหมือนสาขาไหน

วิธีการเดินทาง ถ้าให้สะดวกที่สุดจะต้องขับรถมา แต่ถ้าจะโดยสารรถไฟมาจากสถานี Hakodate สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Niyama ใช้เวลาเดินทาง 32 นาที

เจ้าของร้านกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของร้าน Lucky Pierrot ว่า เวลาคนเรานึกถึงญี่ปุ่นก็ต้องนึกถึงราเมง หรือเวลาเราไปอเมริกา มักจะเห็นร้านแฮมเบอเกอร์เรียงรายทุกที่ที่ไป แล้วถ้าเราเปิดร้านแฮมเบอเกอร์สำหรับคนญี่ปุ่นละ มันยังไม่เคยมีใครทำ เลยทำให้มีไอเดียในการนำส่วนประกอบของอาหารญี่ปุ่นมารวมกับวัตถุดิบต่างๆในการทำแฮมเบอรเกอร์ จนออกมาได้เป็นเมนูที่ถูกใจคนญี่ปุ่น และ ไม่ว่าใครก็ตามที่มาชิมจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย” เข้าสู่เว็บไซต์ >> LUCKY PIERROT

สำหรับเมนูที่แนะนำคือ Chinese Chicken Burger ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1


หลังจากแวะรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเดินทางไปชมความยิ่งใหญ่ของ ป้อมเรียวโงกะคุ (Fort Goryokaku) หรือมีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า “ป้อมดาว 5 แฉก” โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้น หอคอยโงเรียวกะคุ (Goryokaku Tower) เป็นหอคอยรูปห้าเหลี่ยมที่มีความสูง 90 เมตรด้านบนเป็นรูปห้าเหลี่ยม สร้างขึ้นในปีค.ศ. 2006 สามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามของป้อมปราการและเมืองฮาโกดาเตะได้แบบ 360 องศา

วิธีการเดินทาง จากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางสาย 2  หรือ 5 ที่มุ่งหน้าไปทาง Yunokawa ลงที่ป้าย Goryokaku koenmae และเดินต่อราว 15-20 นาที (มีป้ายบอกทาง)

มีโบรชัวร์ภาษาไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วย

โดยที่นี่สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีสุดท้ายของยุคสมัยเอโดะ เพื่อป้องกันเมืองฮาโกดาเตะแห่งนี้จากการคุกคามของเหล่าพวกจักรวรรดิตะวันตก และจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นฐานที่ของสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพผู้สำเร็จราชการและกองกำลังของรัฐบาลในยุคสมัยเมจิที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ และในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นสวนสาธารณะของเมืองฮาโกดาเตะ และถือเป็นจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง

วิวสวยๆของเมืองฮาโกดะเตะ มองได้ไกลจนเห็นภูเขาฮาโกดะเตะยะมะ


จุดหมายต่อมา เรามาเดินเล่นกันที่บริเวณท่าเรือ (Bay Area) ที่เป็นที่ตั้งของโกดังอิฐแดงคะเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับตั้งแต่ท่าเรือเปิดครั้งแรกในปีค.ศ.1859 เข้าสู่เว็บไซต์ที่นี่ >> KANEMORI RED BRICK WAREHOUSE

วิธีการเดินทาง จากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางสาย 5 ที่มุ่งหน้าไปทาง Hakodate Dock ลงที่ป้าย Jujigai  และเดินต่ออีก 2 นาที

ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม La Vista Hakodate Bay ที่พักของเราเมื่อคืน

ในบริเวณ BAY Hakodate มีอาคารโกดังอิฐแดงหลายหลัง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วด้านในได้ถูกปรับปรุงให้เป็นร้านค้าของฝากที่ระลึก เปิดทำการทุกวัน เวลา 9.30 – 19.00 น.

สัญลักษณ์บนยอดอาคารเขียนว่า 森 (Mori) ที่มาจากชื่อเรียก Kanemori Redbrick Warehouse นั่นเอง

ถนนที่คั่นระหว่างอาคารจะมีรูปั้นเด็กน้อยประดับเป็นระยะระหว่างทาง

ซอฟครีมรสฟักทอง ที่โกดังอิฐแดง ฮาโกดาเตะ ในเนื้อซอฟครีมมีเนื้อฟักทองผสม รสไม่ออกนมมาก และหอมฟักทอง

ขนมจากร้าน Patisserie Petite Merveille ข้าวหน้าปลาดิบที่ทำจากเยลลี่ได้เหมือนจริงมาก

ชีสเค้กนุ่มจากร้าน Patisserie Petite Merveille แพกเกจลาย Hokkaido Shinkansen

และขอแนะนำ Catchcakes จากร้าน Pastry Snaffle’s แสนอร่อย นุ่มละลายในปาก

ร้านไอศครีมเจลาโต้  Milkissimo สูตรพิเศษจากอิตาลี ใช้ส่วนผสมเป็นนมเข้มข้นจากฮาโกดาเตะ นอกจากที่สาขา Red Brick Warehouse ยังมีสาขาที่ Goryokaku Tower อีกด้วย เข้าสู่เว็บไซต์ที่นี่ >> MILKISSIMO

ร้าน Starbucks Coffee ริ่มอ่าว บรรยากาศดี


จากนั้นไปเที่ยวกันต่อที่เขตเมืองเก่า โมโตมาจิ (Motomachi) ในสมัยก่อนย่านนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย ด้วยความที่ท่าเรือฮาโกดาเตะ นับเป็นท่าเรือแรกที่เปิดให้มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ ในปีค.ศ. 1854 ทำให้มีพ่อค้าชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียหรือจีนย้ายมาตั้งรกรากกันอยู่บริเวณนี้เป็นจำนวนมาก จึงทำให้อาคารบ้านเรือนในแถบนี้มีสถาปัตยกรรมสไตล์ต่างประเทศหลงเหลืออยู่มากมาย

วิธีการเดินทาง จากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางสาย 5 ที่มุ่งหน้าไปทาง Hakodate Dock ลงที่ป้าย Jujigai สามารถเดินมาได้จาก Redbrick Warehouse

ศาลาประชาคมเมืองฮาโกดาเตะ (Old Hakodate Public Hall) สร้างขึ้นในปีค.ศ.1907 ชั้นล่างมีไว้สำหรับเป็นห้องรับรอบแขก หรือประชุมงานต่างๆของหอการค้าฮาโกดาเตะ ชั้นบนเคยใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ แสดงดนตรี และจัดงานแต่งงาน

ชมวิวอ่าวฮาโกดาเตะ จากบนระเบียงชั้น 2 ศาลาประชาคมเมืองฮาโกดาเตะ

สถานกงสุลเก่าอังกฤษ (Old British Consulate) สร้างขึ้นเมื่อราวปีค.ศ. 1859-1934 จากนั้นถูกไฟไหม้และมีการซ่อมแซมขึ้นใหม่แล้วเสร็จในปีค.ศ.1910 ภายในเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึก

หลังจากเดินท่องเที่ยวกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย แวะพักชิมของหวานอร่อยๆ หรือจะจิบชาให้หายคอแห้งที่ร้านคาเฟ่ Sabo Kikuizumi 茶房・菊泉 คาเฟ่แห่งนี้มีตำนานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปีค.ศ.1921 เดิมทีเคยเป็นบ้านของพ่อค้าผู้ร้ำรวยชาวฮาโกดาเตะ ปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นคาเฟ่โบราณเสริฟของหวานยอดฮิตอย่างพาร์เฟต์ในสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงชาและกาแฟอีกด้วย

เมนูจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่น สำหรับเมนูอันดับ 1 คือ Tofu Shirodama Parfeit พาร์เฟต์ไอศครีมราดน้ำเต้าหู้ทานคู่กับโมจินุ่มหลากสี

หลังจากเดินมาทั้งวัน เราเดินต่อมาผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการแช่อนเซ็นที่ Yunogawa onsen ที่โรงแรม Hakodate Uminokaze ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ ก่อนจะออกไปชมพลุไฟในตอนกลางคืน เข้าสู่เว็บไซต์ที่นี่ >> Hakodate Uminokaze 

อาคารใหม่ของโรงแรม มีความโมเดิร์น

บรรยากาศภายในห้องพัก กว้างขวางมาก

มีออนเซ็นส่วนตัวภายในห้องด้วย

แต่ที่พักระดับนี้ เราจะต้องไปลองแช่บ่อต่างๆของทางเรียวกัง ที่มีให้เลือกแช่หลากหลาย


หลังจากพักผ่อนกันอย่างพอหอมปากหอมคอแล้ว เราเดินทางกลับไปภูเขาฮาโกดาเตะ เพื่อไปขึ้นกระเช้าชมความสวยงามของเมืองฮาโกดาเตะแบบ 360 องศาในยามค่ำคืน ทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง แสงไฟระยิบระยับดุจดาวล้านดวง

วิธีการเดินทาง จากสถานี Sanroku โดยสารรถกระเช้า Mt. Hakodate Ropeway เพียงแค่ 3 นาทีก็จะมาถึงบนยอดเขา

ด้านบนมีมุมขายซอฟครีมแสนนุ่ม CREMIA ด้วย


และไฮไลท์ของการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะแห่งนี้ก็คือ การไปชมความงามของดอกไม้ไฟฤดูร้อนที่ งานเทศกาล Hakodate Port Festival จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคม ระหว่างเวลา 16.30-21.00 น. โดยในส่วนของดอกไม้ไฟจะจัดประมาณ 19.30 น. ซึ่งต้องมาจับจองพื้นที่กันตั้งแต่ก่อนฟ้ามืด เข้าสู่เว็บไซต์ >> HAKODATE PORT FESTIVAL

มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ จุดเด่นของดอกไม้ไฟที่นี่คือเป็นการจุดพลุที่เรียงรายหลายๆจุดพร้อมกันในทีเดียว ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการในพริบตา เป็นจำนวนมากกว่า 4,000 นัด

สำหรับรีวิวการเดินทางในครั้งหน้า จะเป็นการเดินทางจากเมืองฮาโกดาเตะ ไปยังเมืองอะโอโมริ ภูมิภาคโทโฮขุ ครับ

HakodateHokkaidoHokkaido ShinkansenJRJR East-South Hokkaido Rail PassJR passShin-Hakodate-Hokutotohokuชินคันเซ็นรถไฟญี่ปุ่นฮอกไกโดฮาโกดาเตะเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญีปุ่่นด้วยรถไฟ