ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo ตอน 3 : อะโอโมริ (Aomori)

การเดินทางในครั้งนี้ จะเป็นการใช้พาสรถไฟ JR East-South Hokkaido Rail Pass ใบเดียวอยู่ทั้งทริป พาสนี้สามารถเลือกใช้ได้อิสระ 6 วัน (ราคา 26,000 เยน ซื้อจากไทยราคาถูกกว่าซื้อในญี่ปุ่น) โดยตั้งใจจะขึ้น Hokkaido Shinkansen จากสถานี Tokyo ยิงยาวไปสถานี Shin-Hakodate-Hokuto ที่เกาะฮอกไกโดกันครับ

ดูรายละเอียดพาส >> JR East-South Hokkaido Rail Pass พาสสุดคุ้มขึ้น Shinkansen เที่ยวฮอกไกโดจากโตเกียว

ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าได้ >> ที่นี่

ครั้งนี้วางแผนเริ่มต้นการเดินทางกันที่โตเกียว โดยจะใช้ JR East-South Hokkaido Rail Pass ลองขึ้น Hokkaido Shinkansen พุ่งตรงไปยังฮอกไกโด เริ่มเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะก่อน และหลังจากนั้นจะไล่เที่ยวย้อนกลับมาตามเส้นทางในโทโฮขุ เป็นระยะเวลา 7 วันเต็ม

รีวิวตอนที่ 1 >> ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo วิ่งตรงสู่ฮอกไกโด
รีวิวตอนที่ 2 >> ทริปตะลุยเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo ตอน 2 : ฮาโกดาเตะ (Hakodate)

และสำหรับรีวิวในตอนนี้จะมาเจาะกันที่จังหวัดอะโอโมริ หัวเมืองหน้าด่านจุดเชื่อมต่อภูมิภาคฮอนชูกับภูมิภาคฮอกไกโด

นับตั้งแต่ Hokkaido Shinkansen เริ่มวิ่งให้บริการจากสถานี Shin-Aomori ถึง Shin-Hakodate-Hokuto การท่องเที่ยวของทั้งสองภูมิภาค กำลังจัดทำแคมเปญเที่ยวระหว่าง Aomori <-> Hakodate กันอย่างเต็มที่ โปรโมททั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่สามารถใช้พาสรถไฟ ราคาประหยัดได้ อย่าง JR East-South Hokkaido Rail Pass

จากช่วงแรกของทริป เราใช้เวลาอยู่ในฮาโกดาเตะ ประมาณ 2 วัน และได้นั่งรถไฟชิงคังเซ็น ขบวน Hayabusa ลงมายังสถานี Aomori ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเป้าหมายหลักของการเดินทางในครั้งนี้ คือ ชมงานเทศกาลฤดูร้อนสุดยิ่งใหญ่ทั้ง 2 งาน คือ เทศกาล “เนปุตะ” เมืองฮิโรซากิ และ เทศกาล “เนบุตะ” ที่เมืองอาโอโมริ

แต่ก่อนจะเริ่มเดินทาง ต้องมาเติมพลังกันก่อน ด้วยอาหารทะเลสดที่ร้าน Aomori Hotate Koya อยู่ตรงข้ามสถานีนี่เอง โดยร้านนี้ให้เราได้ลองตกหอยโฮทาเทะกันแบบเป็นๆ และนำไปทำอาหารให้ทานกันแบบสดๆเลยด้วย

ตกได้จำนวนเท่าไหร่ก็เอามาย่างทานกันแบบนี้เลย

จะสั่งเมนูทะเลอื่นๆ ก็สดอร่อยเช่นกัน

หลังจากท้องอิ่มแล้ว ไปชม พิพิธภัณฑ์เนบุตะวะรัซเซะ (Nebuta Warasse Museum) โดยปกติแล้วเทศกาลแห่โคมไฟเนบุตะนี้จะจัดในช่วงเดือนสิงหาคม ทั้งเมืองเต็มไปด้วยขบวนแห่โคมไฟที่ทำเป็นรูปต่างๆมากมาย

สำหรับใครที่ไปเที่ยวจังหวัดอาโอโมริช่วงอื่นแล้วอยากเห็นเทศกาลนี้ไม่ต้องน้อยใจไป ที่นี่พิพิธภัณฑ์เนบุตะวารัสเซแห่งนี้ ได้จำลองและนำโคมไฟที่ใช้ในเทศกาลมาให้ทุกคนได้ชมกัน มีตั้งแต่ที่นำไปแห่จริงๆขนาดใหญ่ยักษ์มีน้ำหนักถึงสี่ตัน ไปจนถึงขนาดจำลองที่ย่อส่วนมาให้เราได้สัมผัสใกล้ๆได้อีกด้วย

ภาพนี้แสดงวิธีการทำโคมอย่างละเอียด ไล่จากขวาไปซ้าย ตั้งแต่ขั้นตอนขึ้นโครง แปะกระดาษ วาดลาย ลงสี และเคลือบเทียนไข

และใกล้ๆกันเป็นที่ตั้งของ A-Factory ศูนย์รวมของฝากขึ้นชื่อประจำจังหวัด

ส่วนแอดสายซอฟครีม ขอลองชิม ซอฟครีมรสข้าวโพดโชยุ รสออกหวานไม่เค็มอย่างที่คิด มีเนื้อข้าวโพดบดผสม

บรรยากาศด้านนอก

วันนี้มีกำหนดจะไปชมงานเทศกาลเนปุตะที่เมืองฮิโรซากิ แต่ก่อนจะถึงเวลางาน เราขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ Resort Shirakami Hybrid แวะไปเที่ยวเมืองเล็กๆในจังหวัดอาโอโมริกันก่อน

รถไฟ Resort Shirakami Hybrid ขบวน Buna เพิ่งปิดให้บริการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ที่ผ่านมา มีเส้นทางวิ่งบนสาย Gono จากสถานี Aomori ถึงสถานี Akita โดยจอดสถานีย่อยตามทาง เ้นเส้นทางที่เหมาะกับการเที่ยวชมวิวไปเรื่อยๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทีนี่ >> JR SHIRAKAMI

รถไฟ Resort Shirakami มีทั้งหมด 3 ขบวน คือ Kumagera, Buna และ Aoike

รถไฟขบวน Buna และ Aoike จอดขนานกัน

และสถานีที่เรามาลงกันก็คือ สถานี Goshogawara

รถไฟท้องถิ่นสาย Ou คันเล็กๆ มีโบกี้เดียว

จากนั้นเดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์หุ่นโคมไฟโกโชกะวะระ ทะชิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa No Yakata) ที่นี่จะจัดแสดงหุ่นโคมไฟใช้ในงานเทศกาลแห่โคมไฟโกโชกะวะระ ทะชิเนปุตะ ที่จัดขึ้นที่เมืองโกโชกะวะระ (Goshogawara) ในช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนสิงหาคม

เทศกาลแห่โคมไฟฤดูร้อน โกโชกะวะระ ทะจิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa Festival) ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูร้อน ประมาณวันที่ 4-8 สิงหาคม โดยจะจัดขึ้นในช่วงใกล้เคียงกับเทศกาล Aomori Nebuta ที่เมืองอะโอโมริ และเทศกาล Hirosaki Neputa ที่เมืองฮิโรซะกิ และสุดท้ายเทศกาล Kuroishi Yosare โดยเทศกาลทั้งหมดที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้ชื่อว่าเป็น 4 เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของภาค Tsugaru

หุ่นโคมไฟของเทศกาล Tachineputa นั้นมีความสูงถึง 23 เมตร และมีน้ำหนักกว่า 19 ตัน ขบวนพาเหรดของบรรดาหุ่นโคมไฟ Tachineputa จะถูกเคลื่อนไปรอบๆเมือง Goshogawara โดยเหล่านักเต้นที่จะพร้อมใจกันตะโกนด้วยเสียงดังพร้อมกันว่า “Yattemare! Yattemare!”

ภาพบรรยากาศจริงจากงานแห่ เอื้อเฟื้อภาพโดย Aomori Tourism

มื้อเที่ยงนี้ขึ้นมาทานอาหารที่ชั้นบนของพิพิธภัณฑ์ เปนชุดเบ็นโตะพิเศษที่มี 5 ชั้น มาในแพคเกจเรียงซ้อนกัน เป็นทรงสูงคล้ายกับ Tachineputa นั่นเอง ด้านในอาหารสีสันน่ารับประทาน แถมรสชาติดีอีกด้วย

ฝาท่อเมืองโกโชกะวะระ

ใกล้กับสถานี JR จะมีสถานีโบราณ ของรถไฟสาย Tsugaru บรรยากาศยังคงเหมือนในวันวาน

ขากลับก็มีโอกาสได้เห็นรถไฟ Resort Shirakami ขบวน Kumagera ด้วย

สถานีระหว่างทาง

มาถึงสถานี Hirosaki เป็นที่เรียบร้อย

ออกมาจับจองพื้นที่ชมงานเทศกาล Hirosaki Neputa

งานเทศกาลฮิโรซากิเนปุตะ (Hirosaki Neputa Festival) เป็นงานเทศกาลประจำฤดูร้อนของเมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และได้รับการยกย่องให้เป็นสมัติทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นในปีค.ศ.1980

ผู้เข้าร่วมงานมาจากตัวแทนของชาวบ้านและองค์กรในตัวเมือง จะร่วมร้องตะโกนส่งเสียงว่า “Yah-Ya-Doh” ไปตลอดงานแห่อันทรงพลัง กึกก้อง และมีเสน่ห์ พร้อมกับแบกเกี๊ยว กว่า 80 คัน ที่ประดับด้วยโคมไฟทรงพัด (Ougi-neputa) วาดลวดลายเป็นซามูไร และลงสีสันสวยงาม และมีเนปุตะที่ขึ้นโครงเป็นร่างคน (Kumi-neputa) ในปัจจุบันได้ประบุกต์ให้เข้าไปยุคสมัยโดยวาดเป็นลายการ์ตูนให้เด็กๆได้เพลิดเพลินไปด้วยกันได้ โดยงานจะจัดระหว่างวันที่ 1-7 สิงหาคมเป้นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ ถนนโดเทมาจิ (Dotemachi) ไปจนถึงสถานี Hirosaki


เช้าวันรุ่งขึ้น ออกเดินทางแต่เช้า โดยมีจุดหมายอยุ่ที่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันดับ 1 ของอาโอโมริ นั่นก็คือ หุบเขาโออิระเสะ (Oirase Gorge) และ ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แต่ก็สามารถมาเที่ยวได้ในทุกฤดู โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่จะได้สัมผัสความเขียวชอุ่มของป่าอันอุดมสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่

ระหว่างทาง แวะชมบ่อน้ำสีเขียวมรกตที่ บ่อน้ำ Jigokunuma

บ่อน้ำ Suirennuma ในวันฟ้าใส จะได้ชมวิวของภูเขาฮักโกดะ (Mount Hakkoda) ที่อยู่เบื้องหลัง

ลำธารโออิราเซะ (Oirase Steam) เป็นสายน้ำที่ไหลผ่านหุบเขาโออิราเซะ (Oirase Gorge) เป้นจุดชมวิวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อด้วยความเขียวชอุ่มในช่วงฤดูใบไม้ผลิตลอดจนฤดูร้อน และสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนสีอย่างสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มีระยะทางยาว 14 กิโลเมตร ตั้งแต่ Nenokuchi แห่งทะเลสาบโทวาดะ ไปจนถึง Yakiyama อีกทั้งยังเป็นจุดเทรคกิ้งยอดนิยมของนักเดินป่าปีนเขาด้วย

นอกจากนี้ยังมีจุดให้ชมน้ำตกอันสวยงามมากมาย จากภาพที่เห็นนี้คือ น้ำตกโจชิโอทาคิ (Choshi Otaki) และยังมีน้ำตกที่โด่งดังอีกหลายแห่ง อาทิ Kumoi, Ashura และ Kujukushima เป็นต้น

จากนั้นไปชมความงามของ ทะเลสาบโทวะดะ (Lake Towada) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮอนชู แบ่งพรมแดนระหว่างจังหวัดอาโอโมริ และ จังหวัดอะคิตะ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติโทวะดะ ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ ตั้งอยู่บนระดับความสูง 400 เมตร และมีความลึกถึง 327 เมตร เป็นทะเลสาบที่มีความลึกที่สุดเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น และด้วยความใสของน้ำ สามรถมองจากผิวน้ำลงไปได้ลึกถึง 10  เมตร นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชมบรรยากาศอันสวยสงบทั้งในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง

Towada Sightseeing Boat เป็นวิธีการชมทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบแห่งนี้โดยการล่องเรือในทะเลสาบ ด้วยความใสของน้ำในทะเลสาบที่สามารถมองได้ลึกลงไปหลายเมตร อีกทั้งธรรมชาติที่สวยงามทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่ีไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน

เส้นทางล่องเรือจากท่ารถบัส Nenokuchi ถึง Yasumiya ใช้เวลา 50 นาที

โดยเส้นทางนี้เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอีกทั้งธรรมชาติอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเที่ยวเองได้หรือจะนั่งรถ JR BUS TOHOKU ก็ได้เช่นกัน โดยรถบัสคันนี้ตกแต่งเป็นลายเดียวกับ Hokkaido Shinkansen

พักทานมื้อเที่ยงที่ห้องอาหาร Oirase ณ รีสอร์ทสุดหรู Hoshino Resort Oirase Keiryu

ห้องอาหาร Oirase เปิดให้บริการไปเมื่อเดือนเมษายน ปี 2016 เสิร์ฟเป็นอาหารตะวันตกในสไตล์ญี่ปุ่นแบบไคเซกิ หรือเรียกว่า เซโยไคเซกิ (Seiyo Kaiseki) โดยในแต่ละเมนงุนั้นจะเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามแต่ฤดูกาล ด้วยฝีมือการปรุงอย่างพิถีพิถันในแบบของชาวญี่ปุ่น

บรรยากาศริมน้ำร่มรื่นย์มากครับ

 แกงกะหรี่แอปเปิ้ล ที่ทำจากแอปเปิ้ลสายพันธุ์ดังของเมืองอาโอโมริ

ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นภายในรีสอร์ท ตรวจสอบราคาห้องพัก และทำการจองได้ที่ >> Hoshino Resort Oirase Keiryu

หลังจากนั้นได้เวลาไปแช่น้ำพุร้อนคลายเหนื่อยกันที่ Sukayu Onsen มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี เป็นบ่อน้ำพุร้อนรวมชาย-หญิง แบบดั้งเดิมแห่งเดียวของภูมิภาคโทโฮขุที่ยังหลงเหลืออยู่

Sukayu ประกอบไปด้วยบ่อน้ำแร่ 3 แห่ง คือบ่อรวม บ่อแยกสำหรับชาย และหญิง โดยน้ำแร่นั้นเป้นน้ำพุร้อนที่มาจากแหล่งธรรมชาติ โดยบ่อที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ บ่อรวม “Senjin Buro” ที่มีขนาดใหญ่ถึง 248 ตร.ม.

เครดิตภาพด้านล่างจาก Aomori Sightseeing Guide

มีให้บริการห้องพักสำหรับแขกที่ต้องการค้างแรมด้วย ตรวจสอบราคาห้องพัก และทำการจองได้ที่ >> Sukayu Onsen Ryokan

เดินออกมาเติมพลังด้วยซอฟท์ครีมราดซอสบลูเบอร์รี่ ที่ทำจากผลบลูเบอร์รี่สด ที่เป้นผลไม้เด่นของอาโอโมริ

ระหว่างทางกลับจะมีจุดแวะพักให้นักท่องเที่ยวได้ดับกระหายด้วยน้ำชาอายุยืน Nakaikinocha ให้บริการฟรี และมีร้านขายของฝากให้แวะเลือกซื้อก่อนกลับอีกด้วย

ฝาท่อลายเทศกาลเนบุตะ

ไฮไลท์สุดพิเศษของทริปนี้คงหนีไม่พ้นเทศกาลในช่วงฤดูร้อนของจังหวัดอาโอโมริ เมื่อเดินทางมาแล้วต้องไม่พลาดชมงานเทศกาล “เนบุตะ (Nebuta)” จัดขึ้นที่ทั้งในตัวเมืองอาโอโมริ และเมืองฮิโรซากิ สองเทศกาลฤดูร้อนสุดยิ่งใหญ่ของภูมิภาคโทโฮขุ เมื่อได้มาชมด้วยตาของตัวเองรู้สึกได้เลยว่าของจริงให้ความรู้สึกตื่นเเต้นและทรงพลังมากๆถือเป็นการร่วมมือร่วมใจของคนในเมืองนี้ที่ต้องการรักษาวัฒนธรรม ประเพณีให้คงไว้ สำหรับงานในปีนี้ จัดตั้งแต่วันที่ 2-7 สิงหาคม อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่นี่ >> AOMORI NEBUTA

สำหรับรีวิวในครั้งหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของทริปตะลุยภาคเหนือด้วย Hokkaido Shinkansen จาก Tokyo ตอน 4 จะพาไปเที่ยวกันที่ จังหวัดมิยางิ (Miyagi) จะพาไปไหนกันบ้าง อย่าลืมติดตามกันนะครับ

AomoriHakodateHokkaidoHokkaido ShinkansenJRJR East-South Hokkaido Rail PassJR passShin-Hakodate-Hokutotohokuชินคันเซ็นรถไฟญี่ปุ่นอะโอโมริฮอกไกโดเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญีปุ่่นด้วยรถไฟ