Gifu: เที่ยว Gero Onsen เมืองน้ำพุร้อนเก่าแก่ พักเรียวกังที่สวยที่สุดของเมือง

Gero Onsen (下呂温泉) จัดได้ว่าเป็นอนเซ็น 1 ใน 3 แห่งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เมืองเกะโระ (Gero) ตั้งอยู่ระหว่าง เมืองนาโงยะ (Nagoya) และ เมืองทะคะยะมะ (Takayama) การเดินทางไปสะดวกสบาย นั่งรถไฟ JR Wide View Hida Ltd. Exp. ขบวนเดียวกับที่จะไปทะคะยะมะได้เลย

Photo & Story by Reiko chan

เราเลือกแวะพักที่ เกโระอนเซ็น (Gero Onsen) ระหว่างทางจากโอซาก้า มุ่งหน้าไปโตเกียว นึกอยากหาเมืองอนเซ็นแวะพัก หาข้อมูลใน internet เยอะมากก็มาลงตัวที่เมืองนี้ เพราะเดินทางสะดวก และเรียวกังที่เลือกพักเป็นเรียวกังเก่าแก่ วิวที่มองจากบ่อออนเซ็นก็สวยมากด้วยค่ะ ตัวเมืองนี้เป็นเมืองเล็กเดินเที่ยวง่ายใช้เวลาเดินเล่นเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปบ้าง แช่เท้าบ้าง ประมาณ 3-4 ชม. ก็สามารถเที่ยวได้ครบทุกจุดแล้ว หรือหากใครมีเวลาไม่มาก ก็สามารถแวะเที่ยวแบบครึ่งวันได้เช่นกัน

การเดินทางไปสถานี Gero

  • รถไฟจาก Nagoya: นั่งรถไฟ JR Wide View Hida Ltd. Exp.ใช้เวลา 90 นาที / 4,500 เยน (JR pass ใช้ได้)
  • รถไฟ Takayama นั่ง JR Wide View Hida Ltd. Exp. ใช้เวลา 45 นาที / 2,000 เยน หรือ  Local train ใช้เวลา 1 ชม. / 970 yen เยน (JR pass ใช้ได้)
  • บัสจาก Takayama สามารถขึ้นได้จากท่ารถบัสหน้าสถานีรถไฟ รถออกทุก 1-2 ชม. ใช้เวลา 90 นาที / 1,040 เยน
  • Shuttle bus วิ่งตรงจาก Nagoya ถึง Gero ใช้เวลา 2.30 ชม. / one way 2,800 เยน และ round trip 3,700 เยน ต้องทำการจองล่วงหน้า >> GERO BUS รอบรถวันละ 1 รอบ ขาไป Nagoya (14.00) – Gero (16.30) / ขากลับ Gero (10.30) – Nagoya (13.00)

เมื่อมาถึงสถานี Gero ตรงทางออกจะมีเจ้าหน้าที่จากเรียวกังต่างๆ ยืนถือป้ายชื่อเรียวกังรอรับลูกค้าไปส่งที่เรียงกัง และด้านหน้าสถานีจะมี TIC สามารถเข้าไปขอแผนที่และข้อมูลได้ ส่วนใครมีสัมภาระด้านข้างสถานีก็มี coin locker หลายขนาดให้เลือกใช้บริการกัน พอเก็บกระเป๋าเดินทางใบเล็กในตู้เสร็จ พร้อมเดินสำรวจเมืองแล้วค่ะ (เราจะเดินเที่ยวรอบๆ เมืองก่อนแล้วค่อยกลับมาขึ้นรถเรียวกังรอบถัดไป)

ปล. กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบเราฝากให้รร. ที่โอซาก้าส่งด้วย TA-Q-BIN บริการส่งของแมวดำ ทุกครั้งที่เดินทางข้ามเมืองเราใช้บริการแมวดำตลอดค่ะ ค่าส่ง 2 ใบอยู่ที่ประมาณ 3,800 เยน ถือว่าไม่แพงเพื่อแลกกับความสะดวกสบายในการเดินทางไปพักเมืองเล็กๆ ระหว่างทริป ดูรายละเอียด KURONEKO

เดินตรงขึ้นไปจาก coin locker จะเจออุโมงค์ข้ามลอดใต้ถนน เดินโผล่ขึ้นมาก็เดินตามแผนที่ได้เลย

เดินตรงขึ้นมาอีกนิดก็จะเจอ สะพานเกโระ (Gero Bridge) ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำฮิดะ จากสะพานมองทางซ้ายจะเห็น “โระเท็นบุโระ (Rotenburo)” บ่ออนเซ็นกลางแจ้งของเมือง ในตัวเมืองมีบ่อแช่เท้าให้บริการอีกหลายจุด แต่ละจุดมีคนมานั่งพักแช่เท้าตลอดเลยค่ะ วันที่เราไปถึงเป็นวันธรรมดา ไม่ใช้วันหยุด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นสูงวัย เมืองนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะน้อยหน่อยไม่เยอะเหมือนคิโนะซะกิอนเซ็น (Kinosaki Onsen) ที่มีนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกมาพักกันพอสมควรเลยค่ะ

ที่เมืองนี้มีอนเซ็นสาธารณะ 3 แห่งให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสแช่อนเซ็นกัน และยังมีอนเซ็นกลางแจ้ง ที่สามารถใช้บริการได้ฟรี บ่อนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำใกล้กับสะพานเกโระ (ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการ มีเพียงตัวบ่อโล่งๆ และที่กำบังกำนิดหน่อย คนที่จะแช่บ่อนี้ทั้งชายและหญิง ต้องใส่ชุดว่ายน้ำนะคะ แต่เท่าที่ดูมีแต่คนสูงวัยผู้ชายที่ลงไปแช่ เพราะมันโล่งมากจริงๆ ผู้หญิงคงจะไม่กล้าแช่บ่อนี้กันค่ะ)

แนะนำการมาเที่ยวเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้า (Ashiyu) ให้บริการ เราควรจะพกผ้าขนหนูผืนเล็กแบบบาง ไว้เพื่อเช็ดเท้าหลังแช่เสร็จด้วย

เดินเลียบคลองกลางเมืองมาเรื่อยๆ จะเจอ ศาลเจ้าซารุโบโบ (Sarubobo Seven Lucky Gods Shrine)

เดินตามแผนที่เพื่อไปแวะไหว้พระที่ วัดอนเซ็นจิ (Onsenji Temple) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา

เราจะเจอสัญลักษณ์ที่เป็นกบตกแต่งอยู่ทั่วเมืองเลยค่ะ เพราะ “Gero” แปลว่า กบ นั่นเอง

 ต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดเล็กน้อย

เดินต่อมาเรื่อยๆ จะพบกับ พิพิธภัณฑ์เกโระอนเซ็น (Gero Onsen Museum) ที่จัดแสดงประวัติอนเซ็นของเมืองนี้ ที่นี่มีบ่อนำพุร้อนสำหรับแช่เท้าให้บริการที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ด้วย แต่จะต้องเสียค่าเข้าไปชมด้านในก่อน บ่อไม่ใหญ่มาก ที่ก้นบ่อปูเป็นหินนูนๆ สามารถเดินเพื่อนวดเท้าได้

ร้านขายของฝากประจำเมือง

ขนมมันจู Gero Onsen Manju

ข้าวหน้าเนื้อ

ของฝากจากเมืองนี้มีหลายอย่าง ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็น มะเขือเทศและแอปเปิ้ลค่ะ ลองซื้อมะเขือเทศอบแห้งคลุกเกลือมากินเล่นดูอร่อยดีเหมือนกัน

จุดท่องเที่ยวอีกแห่งคือ หมู่บ้านโบราณเกโระ (Gassho Folk Village) ตั้งอยู่ทางด้านบนของเมือง คล้ายกับหมู่บ้านชิระคะวะโก มีบ้านที่มีหลังคาหญ้าหนาๆ สไตล์กัชโช ที่หมู่บ้านนี้มีบ้านประมาณ 10 หลัง และมีบ่อแช่เท้าให้บริการด้วย (ส่วนเราไม่ได้แวะไปดูที่นี่เพราะใกล้เวลารอบรถเที่ยวต่อไปของเรียวกังแล้ว เลยต้องรีบเดินกลับไปสถานี)

เดินเที่ยวรอบเมืองเสร็จ ได้เวลาเดินกลับสถานีเพื่อขึ้นรถไปที่เรียวกัง พอถึงสถานีจะเห็นรถของเรียวกังจอดเรียงกันอยู่หลายคันเลย เราเดินไปหาคุณลุงที่ยืนหน้าประตูทางออกของสถานีถือป้ายชื่อเรียวกังก็บอกคุณลุงว่าเราชื่อนี้ คุณลุงจะติ๊กชื่อในใบรายชื่อลูกค้าแล้วก็บอกให้ไปขึ้นรถสีม่วงที่จอดอยู่ได้เลยค่ะ

เรียวกังที่เมืองนี้มีหลายแห่ง คราวนี้เลือกพักที่ Yunoshimakan Gero เรียวกังตั้งอยู่กลางหุบเขา เรียงกังนี้วิวจะสวยสุดๆ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี มีการแสดง light up ใบไม้แดงด้วยค่ะ >> จองที่นี่

หลังจากทำการเช็คอินเรียบร้อย มานั่งรอพนักงานพาไปที่ห้องพักที่บริเวณพักผ่อน ที่มุมนี้มีจัดเตรียมชุดยูคาตะให้คุณผู้หญิงได้เลือกสีและขนาดตามชอบใจ ส่วนของคุณผู้ชายจะเตรียมไว้ในห้องพักแล้ว

เนื่องจากเป็นเรียงกังเก่าแก่ มีทั้งตึกเก่าและตึกที่สร้างขึ้นมาใหม่ รวมแล้วมี 4 อาคารแต่ละอาคารมีทางเดินเชื่อมกัน เดินแล้วเหมือนเขาวงกต คอยมองป้ายบอกทาง จุดสังเกต ทางเรียวกังมีแผนที่ภายในอาคารไว้ให้ดูเป็นลายแทงด้วย กิจกรรมของทางเรียวกังมีแผนแสตมป์ให้เราเดินไปตามจุดต่างๆ แล้วแสตมป์เก็บแต้ม ถ้าแสตมป์ครบก็ใช้เป็นส่วนลดสั่งเครื่องดื่มได้ เราลองเดินตามลายแทงจนครบทุกจุด เป็นการทัวร์รอบเรียงกังแบบให้ทั่วเลยค่ะ สนุกดี

พนักงานพาเราเดินไปห้องพักที่อาคารหลัก ห้องพักของเราอยู่ส่วนอาคารเก่าดั้งเดิม พนักงานอธิบายโซนต่างๆ ของเรียวกัง และถามเวลาทานอาหารเย็นเรา ห้องพักกว้างขวาง สะดวกสบาย ห้องพักมีหลายแบบหลายราคาให้เลือก มีทั้งแบบที่มีบ่อแช่ในห้องพักด้วยลองเลือกดูกันได้ค่ะ เข้าสู่เว็บไซต์เรียวกัง >> YUNOSHIMAKAN

เดินเล่นรอบๆ เรียวกังก่อนไปแช่บ่อกลางแจ้ง แวะไปดูบ่อแช่อนเซ็นแบบส่วนตัว มีทั้งหมด 4 ห้อง การตกแต่งยังคงไว้แบบดั้งเดิม ในห้องแบ่งเป็น 2 โซนคือ โซนห้องแต่งตัวและโซนบ่อแช่ ดูบรรยากาศห้องเป็นย้อนยุคดีค่ะ แต่ไม่กล้ามาแช่ดูขลังๆ ไปนิด

วิวตัวเมืองมองจากเรียวกัง

บ่อสำหรับเเช่เท้าในเรียวกัง

ได้เวลาไปแช่อนเซ็นกันแล้ว เราเลือกมาแช่บ่อน้ำพุร้อนกลางเเจ้ง เข้าไปด้านในมีบ่อใหญ่ 1 บ่อในโซนอาบน้ำ และบ่อกลางแจ้งอยู่ด้านบน พอเปิดประตูออกมาที่บ่อ เห็นวิวแล้วรู้สึกว่ามันสวยมากๆ บ่อแช่ โปร่งโล่ง อุณหภูมิน้ำร้อนกำลังพอดี วิวล้อมรอบไปด้วยขุนเขา ทุกอย่างลงตัวสวยงามแช่เพลินเลยค่ะ

แช่อนเซนเสร็จใกล้ได้เวลาอาหารเย็นที่นัดไว้ตอน 18.00 น. กลับมาที่ห้องพนักงานได้เตรียมเซทอาหารแบบญี่ปุ่น (Kaiseiki) ไว้บนโต๊ะรอเราแล้ว อาหารเย็นเมนูเยอะแยะมากมายตามลิสที่เขียนในเมนู ดื่นสาเกหวานเพื่อเรียกน้ำย่อยกันก่อน แล้วทานอาหารรองท้อง จานเล็กจานน้อย ส่วนจานหลักเป็น เนื้อฮิดะ (Hida beef A5 rank) แบบปิ้งเอง ชอบสุกมากน้อยแค่ไหนตามใจชอบเลย อาหารที่นี่รสชาติดีทุกเมนูเลยค่ะ

หลังทานอาหารเย็นเสร็จไม่นานพนักงานก็จะมาปูที่นอนให้เราแล้ว ปูฟูกได้รวดเร็วมาก ฟูกนุ่มๆเห็นแล้วน่านอน แต่ก่อนจะเข้านอนรอให้อาหารย่อยก่อน เราจะไปแช่ออนเซ็นอีกรอบ คืนนี้จะได้นอนหลับสบาย แช่ตอนกลางคืนเห็นดาวเต็มฟ้าเลยสวยโรแมนติกมากค่ะ

ตื่นเช้ามาไปทานอาหารเช้ากัน คราวนี้ต้องเดินไปทานอาหารเช้าที่จัดไว้ที่ห้องโถงใหญ่ตึกใหม่ หลังจากทานเสร็จกลับห้องไปเก็บของเตรียมตัวเช็คเอาท์ ตอน 10 โมง พอมีเวลาเหลือไปแช่อนเซ็นอีกซักรอบก่อนกลับค่ะ

ขากลับเราก็นั่งรถของเรียวกังไปส่งที่หน้าสถานีรถไฟเหมือนขามา ก่อนขึ้นรถแวะถ่ายรูปอำลาเรียวกังสุดสวยและมีความคลาสสิคแห่งนี้ พักที่นี่ประทับใจการบริการตั้งแต่ขึ้นรถที่มารับจากสถานีจนก้าวขาลงจากรถที่ส่งถึงสถานีเลยค่ะ เป็นทริป1 วัน 1 คืนที่ประทับใจ และได้พักผ่อนเต็มที่เลยค่า ☺